xs
xsm
sm
md
lg

พ่อ-แม่ “น้องต๊อก” จี้ สตช.รื้อคดีติดใจถูกฆ่าตาย

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

นายบุญศักดิ์ ธรรมานุพัฒน์ และนางกัลยา เกตุนาวา บิดาและมารดา ด.ช.ศุภชัย ธรรมานุพัฒน์ หรือ น้องต๊อก  ร้องขอความเป็นธรรม
พ่อ-แม่ “น้องต๊อก” วัย 13 ปี ร้องขอความเป็นธรรม เร่งรัดคดีบุตรชายเสียชีวิตอยู่ในบ่อดิน จ.พิษณุโลก หลังผลการชันสูตรระบุไม่ได้เสียชีวิตจากการจมน้ำ แต่ถูกของแข็ง โดย ตร.ชุดสืบสวนพยายามสร้างหลักเท็จ อีกทั้งมีพยานซึ่งเป็นเพื่อนน้องต๊อกรู้เห็นการฆาตกรรม ด้าน สตช.สั่งลงพื้นที่เก็บพยานหลักฐานใหม่



วันนี้ (14 ต.ค.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) นายสงกานต์ อัจฉริยะทรัพย์ ประธานเครือข่ายต่อต้านการบ่อนทำลายชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ พานายบุญศักดิ์ ธรรมานุพัฒน์ และนางกัลยา เกตุนาวา บิดาและมารดา ด.ช.ศุภชัย ธรรมานุพัฒน์ หรือน้องต๊อก อายุ 13 ปี ที่พบศพเสียชีวิตอยู่ในบ่อดิน ต.วัดจันทร์ อ.เมือง จ.พิษณุโลก เมื่อวันที่ 3 เม.ย. 2557 เดินทางเข้ายื่นหนังสือขอความเป็นธรรมต่อ พล.ต.ท.เรืองศักดิ์ จริตเอก รักษาราชการแทนรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รรท.รองผบ.ตร.) รับผิดชอบงานป้องกันและปราบปรามอาชญากรรม เพื่อให้เร่งรัดคดีดังกล่าว พร้อมกับมอบหลักฐานผลการชันสูตรที่ระบุว่าผู้ตายไม่ได้เสียชีวิตจากการจมน้ำแต่ถูกฆาตกรรม และได้พา ด.ช.ฟิล์ม (นามสมมติ) อายุ 13 ปี ซึ่งเป็นเพื่อนของผู้ตายและมีส่วนร่วมในการฆาตกรรม มามอบให้เพื่อเป็นพยานปากสำคัญในคดีนี้

นายสงกานต์กล่าวว่า หลังได้รับการประสานขอความช่วยเหลือจากนางกัลยา ตนจึงได้ตรวจสอบข้อมูลเรื่องนี้ ทราบว่า ด.ช.ศุภชัยไม่ได้เสียชีวิตจากการจมน้ำตามที่ตำรวจสรุปในตอนแรก ต่อมาทางญาติผู้ตายได้ส่งศพชันสูตรที่สถาบันนิติเวชวิทยา รพ.ตำรวจ โดยผลการชันสูตรระบุสาเหตุการเสียชีวิตว่าระบบไหลเวียนโลหิต ล้มเหลว ร่วมกับถูกของแข็ง ขณะที่ในเวลาต่อมาบิดาของ ด.ช.ฟิล์ม (นามสมมติ) อายุ 13 ปี ซึ่งเป็นเพื่อนของผู้ตาย และอยู่ในเหตุการณ์วันเกิดเหตุ ได้ทำหนังสือเป็นลายลักษณ์อักษรยืนยันว่าผู้ตายไม่ได้เสียชีวิตเกิดจากอุบัติเหตุ แต่เกิดจากการฆาตกรรม โดย ด.ช.ฟิล์ม มีส่วนช่วยในการทำร้ายผู้ตาย และเกิดสำนึกในการกระทำ โดยพร้อมที่จะเป็นพยานในคดีนี้ด้วย นอกจากนี้ ด.ช.ฟิล์ม ระบุว่าที่ได้ให้การก่อนหน้านี้ว่าผู้ตายเสียชีวิตโดยเกิดอุบัติเหตุจากการจมน้ำนั้น เพราะถูกตำรวจสืบสวน 2 นายยศนายดาบ ข่มขู่ว่าให้ตนและเพื่อนให้การเช่นนั้น เพื่อให้คดีนี้จบไป และหากไม่ให้การเช่นนั้นจะฆ่าเสีย จากเหตุผลต่างๆ ที่กล่าวมาทั้งหมด ตนเห็นว่าคดีนี้ไม่ใช่อุบัติเหตุอย่างที่ตำรวจพยายามสรุปในตอนแรก แต่เป็นการฆาตกรรมอย่างแน่นอน จึงอยากขอความเป็นธรรมให้ พล.ต.ท.เรืองศักดิ์ เร่งรัดการสอบสวนคดีนี้ให้มีความคืบหน้า และสั่งย้ายตำรวจสืบสวนที่มีพฤติกรรมข่มขู่คุกคามพยานในคดีนี้ออกนอกพื้นที่

นางกัลยากล่าวว่า หลังเกิดเหตุตนเองและครอบครัวรู้สึกติดใจสาเหตุการเสียชีวิตของบุตรชาย เพราะไม่เชื่อว่าบุตรชายจะจมน้ำเสียชีวิต พยายามรวบรวมพยานหลักฐานเท่าที่จะหาได้ แต่ก็ไม่ได้รับความร่วมมือจากตำรวจที่รับผิดชอบคดีนี้ ขณะเดียวกันในส่วนของคดีก็ไม่มีความคืบหน้าแต่อย่างใด โดยตำรวจพยายามที่สรุปสำนวนว่าบุตรชายเสียชีวิตจากการจมน้ำ ผลการชันสูตรของแพทย์นิติเวชจากโรงพยาบาลในพื้นที่ระบุว่าบุตรชายเสียชีวิตจากการจมน้ำ ทางญาติไม่ปักใจเชื่อ จึงได้ส่งศพบุตรชายมาชันสูตรที่สถาบันนิติเวชวิทยา รพ.ตำรวจ ซึ่งแพทย์ระบุว่าบุตรชายไม่ได้เสียชีวิตจากการจมน้ำ แต่เสียชีวิตจากการถูกทำร้าย

นางกัลยากล่าวต่อไปว่า ที่สำคัญมีการสร้างพยานเท็จ โดยบังคับให้พยาน 3 คนซึ่งทั้งหมดเป็นเพื่อนของบุตรชายให้การว่าบุตรชายเสียชีวิตจากการจมน้ำ ต่อมา ด.ช.ฟิล์มเกิดสำนึกผิด ได้มายอมรับกับตนว่าน้องต๊อกไม่ได้เสียชีวิตจากการจมน้ำแต่ถูกฆาตกรรม โดย ด.ช.ฟิล์มเองก็มีส่วนเกี่ยวข้องกับการฆาตกรรมครั้งนี้ ส่วนสาเหตุเนื่องจากน้องต๊อกไปรู้เห็นกับการส่งยาเสพติดของกลุ่มวัยรุ่นกลุ่มหนึ่ง ซึ่งวัยรุ่นกลุ่มนี้พยายามให้น้องต๊อกไปส่งยาเสพติดแต่น้องต๊อกไม่ทำ โดยได้มีการวางแผนการทางเฟซบุ๊กก่อนเกิดเหตุ 3 วัน ทั้งนี้ก่อนหน้านี้ได้มีการส่งเข้อความมาข่มขู่น้องต๊อกทางโทรศัพท์มือถือซึ่งตนได้นำมามอบให้ พล.ต.ท.เรืองศักดิ์ด้วย

ด้าน พล.ต.ท.เรืองศักดิ์กล่าวว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้นทราบว่าตำรวจยังไม่ได้สรุปสำนวนการสอบสวนคดีนี้ แต่ยอมรับว่าคดีนี้มีสิ่งผิดปกติจริง โดยตนได้สั่งกำชับ พล.ต.ท.รุ่งโรจน์ แสงคล้าม ผบช.ภ.6 และพล.ต.ต.ศิรินทร์ ผดุงชีวิตร์ รอง ผบช.6 ที่กำกับดูแลการทำคดีนี้อยู่ให้เร่งรัดคดีนี้ให้มีความคืบหน้าโดยเร็ว พร้อมสั่งการสำนักงานพิสูจน์หลักฐานไปทำการตรวจเก็บหลักฐานใหม่ให้มีความละเอียดรอบคอบ ขณะเดียวกันได้ประสาน พล.ต.อ.ชนินทร์ ปรีชาหาญ รักษาราชการแทนจเรตำรวจแห่งชาติ ส่งจเรตำรวจลงไปตรวจสอบข้อเท็จจริงว่าตำรวจที่รับผิดชอบมีความบกพร่องหรือไม่อย่างไร ส่วนนี้เป็นเรื่องทางวินัย เป็นการทำคู่ขนานกับการดำเนินคดีอาญา ทั้งนี้ ยืนยันว่าจะให้ความเป็นธรรมอย่างเต็มที่ และจะดำเนินการทันที ส่วนเรื่องที่ถูกผู้เสียหายระบุว่าถูกตำรวจสืบสวนในพื้นที่ และขบวนการค้ายาเสพติดข่มขู่คุกคามนั้น ตนจะตรวจสอบเรื่องนี้ให้ และได้กำชับตำรวจพื้นที่ให้ส่งกำลังไปคุ้มครองผู้เสียหายและผู้เกี่ยวข้องในคดีนี้ทั้งหมด นอกจากนี้คดีนี้อาจเกี่ยวข้องกับขบวนการค้ายาเสพติด ตนจึงได้ประสาน พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ รอง ผบ.ตร.ที่รับผิดชอบงานด้านปราบปรามยาเสพติด ไปขยายผลเรื่องนี้ด้วย

กำลังโหลดความคิดเห็น