xs
xsm
sm
md
lg

กลับลำ 360 องศา ส่ง “สุชาติ” คุมไฟใต้

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

พล.ต.ท.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รรท.จเรตำรวจ (สบ 8) ปฏิบัติหน้าที่รองผู้บัญชาการศปก.ตร.สน.
 
คอลัมน์ สังเวียนตำรวจ/เหล็กน้ำพี้

หลังจากเกิดเหตุการณ์เผาโรงเรียนในพื้นที่ อ.ทุ่งยางแดง และ อ.มายอ จ.ปัตตานี รวม 6 แห่ง เมื่อกลางดึกวันที่ 12 ต.ค. ที่ผ่านมา สถานการณ์ความรุนแรง 3 จังหวัดชายแดนใต้ เกิดความตึงเครียดขึ้นมาอีก ขณะเดียวกัน ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) มีคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ 548/2557ลงวันที่ 14 ตุลาคม 2557 เรื่องให้ข้าราชการตำรวจปฏิบัติราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติส่วนหน้า (ศปก.ตร.สน.)

โดยคำสั่งดังกล่าวระบุว่า ตามคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ 509/2555 ลงวันที่ 18 กันยายน 2555 จัดตั้ง ศปก.ตร.สน. เพื่อวางแผน สั่งการ อำนวยการ ควบคุมประสานงาน เร่งรัด ตรวจสอบ ติดตาม กำกับดูแล ประเมินผลในการปฏิบัติงานเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยรักษาความมั่นคงภายใน ป้องกันปราบปรามอาชญากรรม อำนวยความยุติธรรม และดำเนินการอื่นตามนโยบายรัฐบาล เพื่อยุติสถานการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ และตามคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ 510/2555 ลงวันที่ 18 กันยายน 2555 มอบหมายให้ผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ ปฏิบัติหน้าที่เป็นผู้บัญชาการ ศปก.ตร.สน.

เพื่อให้การปฏิบัติราชการของ ศปก.ตร.สน.เป็นไปด้วยความเรียบร้อย มีประสิทธิภาพ และเกิดประโยชน์สูงสุดแก่ทางราชการ อาศัยอำนาจตามมาตรา 11 และ 47 แห่ง พ.ร.บ.ตำรวจ พ.ศ. 2547 จึงให้ พล.ต.ท.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ ผบช.สง.ผบ.ตร. รักษาราชการแทน จเรตำรวจ (สบ 8) ปฏิบัติหน้าที่เป็นรองผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการ สำนักงานตำรวจแห่งชาติส่วนหน้า (ศปก.ตร.สน.) มีกำหนด 1 ปี มีหน้าที่ตามที่ผู้บัญชาการ ศปก.ตร.สน.มอบหมาย และให้พ.ต.ต.ศษณรรฐ รัตนเศวตวงศ์ นายเวร (สบ 2) ผบช.ประจำ สง.ผบ.ตร. และร.ต.อ.กิตติคุณ ปัทมานุสรร์ ผู้ช่วยนายเวร (สบ1 ) ผบช.สง.ผบ.ตร. ปฏิบัติราชการที่ ศปก.ตร.สน. อ.เมือง จ.ยะลา โดยขาดจากบังคับบัญชาทางตำแหน่งเดิม มีกำหนด 1 ปี โดยขึ้นการปกครองบังคับบัญชากับผู้บัญชาการ ศปก.ตร.สน. หรือผู้บังคับบัญชาที่ผู้บัญชาการ ศปก.ตร.สน.มอบหมาย และให้ ศปก.ตร.สน. มอบหมายหน้าที่ให้ปฏิบัติตามความเหมาะสม โดยคำนึงถึงความรู้ความสามารถ สถานภาพตำแหน่ง ลักษณะงานและประสิทธิภาพ

….มีคำถามตามมามากมายกับคำสั่งด่วนครั้งนี้เพราะก่อนหน้าในการพิจารณาแต่งตั้งโยกย้ายนายตำรวจประจำปี สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยพล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ รักษาการ ผบ.ตร. ในขณะนั้นเป็นผู้ยืนยันต่อที่ประชุม ตร.ให้พล.ต.ท.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ ผบช.ประจำฯ รรท.ผบช.ศชต. พ้นจากการปฏิบัติหน้าที่ในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้โดยให้มาเป็นจเรตำรวจ (สบ8) สลับกับพล.ต.ท.อนุรุต กฤษณะการะเกตุ มาควบคุมสถานการณ์ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้แทน

เหตุผลของ พล.ต.อ.วัชรพล ก็คือ เรื่องความมั่นคงซึ่งมีเรื่องในอดีตระหว่าง พล.ต.ท.สุชาติ กับแกนนำ กปปส.และข่าวลอบปองร้ายบุคคลสำคัญในคณะทหาร

ความขมขื่นในฐานะผู้ใต้บังคับบัญชา ในฐานะมนุษย์คนหนึ่งที่ทุ่มเทเอาชีวิตเข้าแลก บุคคลผู้ใกล้ชิดพล.ต.ท.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ ไม่ว่าจะเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาหรือบุคคลใก้ลชิดที่มองเห็นอุดมการณ์ และความเสียสละได้โพสต์ข้อความจนเกิดกระแสในโลกโซเชียลมีเนื้อหาว่า.....

..เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมีการวิพากษ์วิจารณ์กันหนาหูว่า ที่ไม่ให้ตำแหน่ง ผบช.ศชต. เพราะใหม่เป็นภัยต่อความมั่นคง เป็นคำพูดที่นักรบอย่างใหม่ได้ยินแล้วรับไม่ได้ ...เขามียศ พล.ต.ท. ต้องลงไปปฏิบัติหน้าที่ร่วมเป็นร่วมตายกับผู้ใต้บังคับบัญชาโดยไม่กลัวอันตราย ไม่เคยนั่งโต๊ะเซ็นคำสั่ง แต่ลงไปลุยกับลูกน้อง กินข้าวเหนียวกับปลาร้าด้วยกัน แบกปืน M16 ด้วยตัวเอง ขึ้นเขาลงห้วย เพื่อสร้างความปลอดภัยให้ประชาชน

“...เมื่อมีคำสั่งแต่งตั้งเป็น จเรตำรวจ เขาน้อมรับ ไม่ขัดขืนคำสั่ง แต่เขาเป็นห่วงลูกน้องที่ปฏิบัติหน้าที่จะเสียขวัญ คนที่จะไปดูแลพวกเขา ต้องลงไปอยู่คลุกคลีกินนอนถึงจะได้ใจลูกน้อง ทำงานให้อย่างถวายหัว แต่ถ้าผู้บังคับบัญชานั่งอยู่แต่ในห้องแอร์สั่งงาน รับรองภาคใต้ลุกเป็นไฟแน่

“...ขงเบ้งกล่าวไว้ว่า ถ้าแม่ทัพไม่เลี้ยงขุนพลมีฝีมือ แต่เชื่อคำประจบสอพลอ หูเบา เมื่อนั้นกองทัพจะล่มสลาย เช่นกัน ถ้าผู้นำองค์กรตำรวจไม่ปกป้องคนดีมีฝีมือ เมื่อนั้นองค์กรก็จะล่มสลาย...

“ขณะนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีแต่ข้อครหาเกิดขึ้นสม่ำเสมอ เพราะไม่เคารพกฎเกณฑ์ที่ตั้งกันขึ้น เมื่อตำรวจไม่มีวินัย กฎ กติกา ไม่มีความหมาย ...” นี่คือส่วนหนึ่งของข้อความ แชร์สนั่นในแวดวงสีกากี

สิ่งที่เกิดขึ้นทั้งในปัจจุบันและอดีตจึงสะท้อนให้เห็นอีกปัญหาหนึ่งของ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้นั่นคือการบริหารบุคคลของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพราะที่ผ่านมานอกจากจะไม่ช่วยแก้ไขปัญหาแล้วยังเท่ากับซ้ำเติมเพิ่มความซับซ้อนให้มากยิ่งขึ้นนับตั้งแต่สมัย “โจรกระจอก” ที่มี พล.ต.อ.สันต์ ศรุตานนท์ เป็น ผบ.ตร. มี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี หรือยุคที่ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง กับพวกลงไปปฏิบัติหน้าที่

นอกจากการลอบเผาโรงเรียน 6 แห่ง ที่กำลังส่งสัญญาณแรงๆ แล้ว “ศึกใน” ที่ฝ่ายข่าวกรองทหาร และตำรวจ รู้กันดีนั่นก็คืออาการ “ถอดใจ” ของข้าราชการตำรวจระดับหัวกะทิ จำนวน 180 นาย ที่ร่วมเป็นร่วมตายกับพล.ต.ท.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ กำลังเตรียมทำเรื่องขอกลับภูมิลำเนา

คำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่ 548/2557 ไม่ว่าจะถูกวิพากษ์วิจารณ์ในทางลบอย่างไร ไม่ว่าจะถูกหยิบยกให้เห็นถึงความเหลวแหลก ความอัปยศอดสูใดๆ ก็ตามแต่ผู้อำนาจควรน้อมรับ อย่าเอาความสะใจ อย่านำเรื่องอื่นใดมาปะปนกับความมั่นคงของชาติ ทุกคนทราบกันดีว่าเหตุการณ์ภาคใต้อยู่ในสภาวะอะไร

คงไม่อาจหาอะไรมาชดเชยความรู้สึกในใจของบรรดานักรบใต้ที่กำลังทำงานเสียสละเลือดเนื้อกันอยู่ คำปลอบประโลมต่างๆไม่สำคัญเท่ากับความอดทน เสียสละ ยอมรับความเจ็บใจเพื่อก่อเป็นพลังในทางสร้างสรรค์ อย่างน้อยการออกคำสั่งให้พล.ต.ท.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ ลงไปทำงาน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ จะในฐานะอะไร เป็นผู้บัญชาการ หรือรองผู้บัญชาการ “ศักดิ์ศรี” อยู่ที่เขามิได้เป็นตามกล่าวหา

แต่กลับตาลปัตรแบบ 360 องศา

กลายเป็นว่าถ้าไม่มีเขาประเทศชาติซิอาจไม่มั่นคง..ขอให้โชคดี “แกลดดิเอเตอร์สีกากี” ใหม่ สุชาติ ธีระสวัสดิ์


กำลังโหลดความคิดเห็น