ป.ป.ส.เผยแผนงานปราบปรามยาเสพติดระยะเร่งด่วน 3 เดือน “พล.อ.ไพบูลย์” ชี้โพลระบุร้อยละ 91.42 ประชาชนพอใจต่อการหยุดยั้งยานรกช่วง คสช.บริหารบ้านเมือง ชง “ประยุทธ์” คุยพม่า 9-10 ต.ค. ไทยให้ความช่วยเหลือการปราบปรามยาเสพติด ฝึกอาชีพให้กับคนที่เคยผลิตยาเสพติดหรือปลูกฝิ่นหรือพืชเสพติด ส่วนงบยังไม่ชัดเจนว่าเท่าไหร่
เมื่อเวลา 09.30 น.วันนี้ (8 ต.ค.) ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เป็นประธานการประชุมบูรณาการแผนปฏิบัติการแก้ปัญหายาเสพติด 2558 พร้อมรับทราบผลการดำเนินงานช่วง 4 เดือนที่ผ่านมา (วันที่ 22 พฤษภาคม ถึงวันที่ 30 กันยายน) และให้ความเห็นชอบร่างแผนปฏิบบัติการป้องกันและแก้ปัญหายาเสพติดปี 2558 พร้อมเปิดแผนปฏิบัติการจัดการปัญหายาเสพติดระยะเร่งด่วน 3 เดือน โดยมีผู้แทนจาก 27 หน่วยงานเกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมกว่า 100 คน เช่น กระทรวงกลาโหม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงแรงงาน กระทรวงศึกษาธิการ
พล.อ.ไพบูลย์กล่าวภายหลังการประชุมว่า ผลการป้องกันและแก้ปัญหายาเสพติดช่วงปีงบประมาณ 2557 (1 ต.ค. 56 - 30 ก.ย. 57) จับกุมคดียาเสพติด 345,774 คดี ผู้ต้องหา 364,587 ราย ของกลางยาบ้า 96,140,903 เม็ด ไอซ์ 1,072 กิโลกรัม เฮโรอีน 497 กิโลกรัม กัญชา 28,103 กิโลกรัม อายัดทรัพย์สินคดียาเสพติด 1,467 ล้านบาท นำผู้เสพ ผู้ติดยาเสพติดเข้ารับการบำบัดรักษา 289,288 คน แบ่งเป็นสมัครใจ 125,246 ราย ระบบบังคับ 141,347 ราย ระบบต้องโทษ 22,695 ราย
ทั้งนี้ ภายหลังมีคำสั่งของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ 41/2557 เรื่องการปราบปรามและการหยุดยั้งการแพร่ระบาดของยาเสพติด ลงวันที่ 31 พฤษภาคม 2557 ป.ป.ส.ได้เพิ่มความเข้มข้นในการควบคุมยาเสพติดตามแนวชายแดน ควบคุมผู้ค้าและผู้เสพ ควบคุมระบบเรือนจำ ควบคุมเจ้าหน้าที่ของรัฐ ควบคุมปัจจัยเสี่ยงต่างๆ เพื่อให้การดำเนินงานในการปราบปราม และหยุดยั้งการแพร่ระบาดของยาเสพติด เกิดผลสำเร็จอย่างเป็นรูปธรรมมากที่สุด
ล่าสุดมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ (เอแบค) และสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) ได้ทำแบบสำรวจระดับความพึงพอใจของประชาชนพบว่า ความพึงพอใจของประชาชนต่อการดำเนินงานช่วงปลายปีสูงกว่ารอบต้นปี คิดเป็นร้อยละ 91.42 ขณะเดียวกันยังพบว่า ประชาชนมีความเชื่อมั่นในรัฐบาลสูงขึ้นร้อยละ 36.96 และต้องการให้รัฐบาลมีความมุ่งมั่นในการแก้ปัญหายาเสพติดอย่างต่อเนื่องต่อไป
พล.อ.ไพบูลย์กล่าวว่า สำหรับแผนปีงบประมาณปี 2558 ประกอบด้วย 6 ยุทธศาสตร์ ได้แก่ 1. ยุทธศาสตร์ความร่วมมือระหว่างประเทศ 2. ยุทธศาสตร์การควบคุมตัวยาและผู้ค้ายาเสพติด 3. ยุทธศาสตร์การแก้ไขปัญหาผู้เสพและผู้ติดยาเสพติด 4. ยุทธศาสตร์การป้องกันกลุ่มผู้มีโอกาสเข้าไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติด 5. ยุทธศาสตร์การมีส่วนร่วมของภาคประชาชน และ 6. ยุทธศาสตร์การบริหารจัดการแบบบูรณาการ
ส่วนเป้าหมายทางยุทธศาสตร์ที่สำคัญของแผนปี 2558 คือ 1. การลดปริมาณยาเสพติดนอกประเทศ โดยเน้นมาตรการเชิงรุกในเรื่องการข่าวที่ชัดเจน มีปฏิบัติการทางการทหาร มีการกำหนดเป้าหมายการสืบสวนร่วมกัน 2. การลดกลุ่มการค้าระดับต่างๆ โดยการทำลายโครงสร้างการค้า อิทธิพล เส้นทางการเงิน ของกลุ่มตามแนวชายแดน โดยบูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดให้เป็นยุทธการร่วม รวมถึงการเสนอให้มีการจัดกำลังแบบ Task Force โดยเฉพาะงานทางด้านทรัพย์สิน 3. การลดแรงงานยาเสพติดรายใหม่ โดยการณรงค์ป้องกัน สร้างภูมิคุ้มกัน 4. การลดจำนวนผู้เสพยาเสพติด โดยการพัฒนามาตรฐานการบำบัดทุกระบบ ให้ครอบคลุมทุกด้าน สร้างความพร้อม และพัฒนาระบบติดตาม ช่วยเหลือผู้ผ่านการบำบัด โดยพัฒนาการติดตามอย่างเหมาะสมกับบุคคล 5. การแก้ไขปัญหาในพื้นที่พิเศษ 3 พื้นที่ คือ จังหวัดชายแดนเหนือ โดยการจัดกลไกเบ็ดเสร็จ เพื่อทำลายโครงสร้างการค้าชายแดนและตัดเส้นทางการเงินพื้นที่กรุงเทพมหานคร ด้วยการจัดกลไกแบบบูรณาการส่วนกลางและท้องถิ่น ตามแนวทางขององค์กรของสหรัฐฯ ที่ชื่อว่า High Intensive Drug Trafficking Area (HIDTA) และพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ การบูรณาการกับพื้นที่ปัญหาความมั่นคง โดยกลไก กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า และ 6. การสร้างเอกภาพและบูรณาการแผนทุกระดับทั้งระบบ
พล.อ.ไพบูลย์ยังได้กล่าวถึงการให้ความช่วยเหลือด้านปราบปรามยาเสพติดกับพม่าว่า ได้เสนอเรื่องนี้ต่อ พล.อ.ประยุทธ จันทรโอชา นายกรัฐมนตรีแล้ว ซึ่งในวันที่ 9-10 ตุลาคมนี้จะเดินทางไปประเทศพม่า สำหรับการช่วยเหลือนั้นส่วนใหญ่จะเป็นการฝึกอาชีพให้กับคนที่เคยผลิตยาเสพติดหรือปลูกฝิ่นหรือพืชเสพติดเปลี่ยนมาประกอบอาชีพใหม่ที่ไม่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด ส่วนงบที่จะใช้ในการช่วยเหลือนั้นยังไม่ชัดเจน ทั้งนี้เมื่อปีงบประมาณที่ผ่านมา เราใช้งบประมาณในการช่วยเหลือพม่าในการฝึกอาชีพกว่า 80 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม หลังจากการประชุมนี้หน่วยงานที่รับผิดชอบในแต่ละยุทธศาสตร์จะต้องแปลงไปสู่การปฏิบัติโดยทันที เพื่อให้สอดคล้องกับแผนปฏิบัติการระยะเร่งด่วน 3 เดือน โดยมีเป้าหมายสูงสุด คือ ความพึงพอใจและความเชื่อมั่นของประชาชนในการแก้ปัญหายาเสพติดสูงขึ้น ประชาชนรู้สึกปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน และสถานการณ์ปัญหายาเสพติดในภาพรวมลดลง โดยอยู่ในระดับที่สามารถควบคุมได้ ซึ่งจะกำหนดเป็นตัวชี้วัดความสำเร็จของแผนปี 2558 ต่อไป
