วาระทิ้งทวนของ “บิ๊กกุ้ย” พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ รักษาการเก้าอี้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ผ่านพ้นไปเรียบร้อยแล้ว สำหรับการจัดโผการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจระดับรองผู้บัญชาการ ถึงผู้บังคับการ ประจำปี 2557 นับร้อยตำแหน่ง ที่เป็นไปตาม “ตั๋ว” จากหลายสายที่ซุกอยู่ภายในลิ้นชัก!?!
ซึ่งเมื่อวานนี้ (วันจันทร์ที่ 29 กันยายน) ทาง “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เดินทางมาเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) เคาะบัญชีรายชื่อกันเสร็จสรรพ...
โดยตำแหน่งที่น่าสนใจ อาทิ “บิ๊กปั๊ด” พล.ต.ต.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รองผู้บัญชาการ สำนักงานยุทธ์ศาสตร์ตำรวจ นักเรียนนายร้อยตำรวจ (นรต.) รุ่น 36 เพื่อนร่วมรุ่น “บิ๊กแป๊ะ” พล.ต.ท.จักรทิพย์ ชัยจินดา ว่าที่รอง ผบ.ตร. ที่ขณะนี้เข้ามาดูการสืบสวนคดีฆ่าโหด 2 นักท่องเที่ยวอังกฤษ บนเกาะเต่า จังหวัดสุราษฎร์ธานี โยกมาเป็นรองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (รอง ผบช.น.), พล.ต.ต.ชนสิษฎ์ วัฒนวรางกูร รองผู้บัญชาการ สำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ ลูกชาย พล.ต.อ.สนอง วัฒนวรางกูร อดีตรองอธิบดีกรมตำรวจ และสามีนางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา โยกเป็นรอง ผบช.น.
พล.ต.ต.เฉลิมพันธุ์ อจลบุญ รองจเรตำรวจ นรต.รุ่น 32 สายตรง “บิ๊กวิน” พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นรอง ผบช.น., พล.ต.ต.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผู้บังคับการอำนวยการ กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 สายตรง “พระกำนัน” สุเทพ เทือกสุบรรณ แกนนำกลุ่ม กปปส.เป็น รอง ผบช.น.
พล.ต.ต.จตุรงค์ โชติดํารงค์ ผู้บังคับการประจำกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง นรต.รุ่น 31 หัวหน้าสำนักงาน “บิ๊กอ๊อด” พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ว่าที่ ผบ.ตร. เป็นรองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง, พล.ต.ต.ภาคภูมิ สัจจพันธุ์ รองผู้บัญชาการ สำนักงานยุทธ์ศาสตร์ตำรวจ คนสนิท “บิ๊กกุ้ย” พล.ต.อ.วัชรพล เป็นรองผู้บัญชาการตำรวจตรวจคนเข้าเมือง
พล.ต.ต.พงษ์พันธุ์ วรรณภักตร์ ผู้บังคับการอำนายการ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง นรต.35 น้องชาย พล.ต.พลภัทร วรรณภักตร์ เลขานุการกองทัพบก สไลด์ลงพื้นที่ทำเลทองเป็นผู้บังคับการตำรวจนครบาล 1, พ.ต.อ.ก่อเกียรติ วงศ์สุเมธ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา นรต.35 คู่เขยและเพื่อนร่วมรุ่น “บิ๊กปู” พล.ต.ต.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ว่าที่ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ขวัญใจบุรุษสีเขียว ขึ้นข้ามห้วยเป็นผู้บังคับการตำรวจนครบาล 2, พ.ต.อ.สมประสงค์ เย็นท้วม รองผู้บังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สายตรง “บิ๊กป๊อด” พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ อดีต ผบ.ตร. ขึ้นเป็นผู้บังคับการตำรวจนครบาล 3
พ.ต.อ.อภิสิทธิ์ เมืองเกษม รองผู้บังคับการตำรวจนครบาล 5 เพื่อนร่วมรุ่น พล.ต.อ.วัชรพล เป็นผู้บังคับการตำรวจจราจร, พ.ต.อ.สมบัติ มิลินทจินดา รองผู้บังคับการ กองบังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 นรต.35 เพื่อนร่วมรุ่น พล.ต.ต.ศรีวราห์ กลับคืนถิ่นเก่าเป็นผู้บังคับการ กองบังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล, พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก ผู้บังคับการตำรวจจราจร เด็กในคาถา “บิ๊กอู๋” พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เป็นผู้บังคับการตำรวจรถไฟ พล.ต.ต.ธนา ชูวงศ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครนายก อดีตนายเวร พล.ต.อ.พัชรวาท กลับพื้นที่ถนัดเป็นผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการ, พล.ต.ต.สุวรรณ เอกโพธิ์ ผู้บังคับการประจำ กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 มือทำคดี “ยุทธตู้เย็น” ยงยุทธ ติยะไพรัช โกงเลือกตั้ง เป็นผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์...
เมื่อดูจากตัวอย่างรายชื่อ ก็พอจะสัมผัสได้ถึงเค้าโครงองค์กรสีกากียุค “สีเขียว” ที่ไม่แตกต่างจากที่แล้วมา ด้วยการล้างบางนายตำรวจของกลุ่มขั้วอำนาจเก่า และการเข้ามาแทรกแซงการแต่งตั้งครั้งนี้...
โดยเฉพาะบรรดา “แม่บ้าน” ก้นครัว ที่เข้ามายุ่มย่ามเหล่านายพลทั้งหลาย โดยเฉพาะภรรยาอดีต ผบ.ตร. ผู้กว้างขวางในรัฐบาล “ประยุทธ์ 1” ที่นั่งโต๊ะเป็นเจ้าแม่เลยทีเดียว ถึงขั้นออกปากเชียร์ และจิ้มนิ้วรายชื่อราวกับว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญ ทั้งที่ตนเองเป็นแค่กูรูเรื่อง “รีสอร์ตร้อยล้าน” เท่านั้น!?!
ขณะที่เก้าอี้ส่วนใหญ่ยังเป็นตามคอนเซ็ปต์เดิม คือ “เด็กข้าใครอย่าแตะ!” วิ่งเข้าเส้นชัย หรือบรรดาญาติโกโหติกาคนใหญ่โตในบ้านเมือง รวมถึงบรรดาผู้เชี่ยวชาญวิ่งตามก้นนายทั้งหลาย ยังคงได้ดีกันถ้วนหน้า เข้าตามตำราที่ว่า “สายโลหิต...ศิษย์ข้างเคียง...เสบียงหลังบ้าน...กราบกรานสอพลอ...ล่อไข่แดง...แกร่งวิชา...ถลามาเอง”!!!
ส่วนอีกกลุ่มที่ถือเป็นไฮไลต์ในการแต่งตั้งครั้งนี้ ที่ส่อแวววุ่นวายกลายเป็นเรื่องราวตามมา ก็อยู่ในหน่วยขึ้นตรงโรงพยาบาลตำรวจ 8 ตำแหน่ง โดย พล.ต.ต.วิฑูรย์ นิติวรางกูร นายแพทย์ (สบ6) ขึ้นเป็นรองนายแพทย์ใหญ่ โรงพยาบาลตำรวจ, พล.ต.ต.ชนินทร์ ชะโยชัยชนะ ผู้บังคับคับการ โรงพยาบาลดารารัศมี เป็นรองนายแพทย์ใหญ่ โรงพยาบาลตำรวจ, พล.ต.ต.วารินทร์ วชิรปัญญานุกูล ผู้บังคับการ โรงพยาบาลตำรวจ ผู้เชี่ยวชาญ เป็นนายแพทย์ (สบ6) ทำหน้าที่นักวิชาการทางการแพทย์ ศัลยกรรม, พ.ต.อ.สมชัย ตรีธุรกุล นายแพทย์ (สบ5) นายตำรวจที่เพิ่งพ้นจากการถูกสอบสวนความผิด แต่กลับมาอยู่หัวแถวอาวุโสของหมอตำรวจ จนตกเป็นเป้านินทากันกระหึ่ม ขึ้นเป็นเป็นผู้บังคับการ โรงพยาบาลดารารัศมี
พ.ต.อ.หญิง นาเรศ วงศ์ไพฑูรย์ นายแพทย์ (สบ5) เป็นนายแพทย์ (สบ6) พ.ต.อ.พรชัย ไทยแท้ รองผู้บังคับการตำรวจนครบาล 6 ขึ้นข้ามหน่วยเป็นผู้บังคับการอำนวยการ โรงพยาบาลตำรวจ, พ.ต.อ.กิตติพงษ์ สุวัธนเดชา นายแพทย์ (สบ5) เป็นนายแพทย์ (สบ6), พ.ต.อ.หญิง สิริพร วิทยานุกูล พยาบาล (สบ5)
ทั้งนี้ ถ้าสังเกตจากบัญชีดังกล่าว จะเห็นชื่อ “พ.ต.อ.พรชัย” ที่อยู่ในพื้นที่นครบาล ดูแลเมืองหลวงมาตลอด และเป็นผู้ช่วยผู้จัดการทีมฟุตบอลทีมชาติไทย กลับมาขึ้นข้ามหน่วยเป็นผู้บังคับการ อำนวยการ โรงพยาบาลตำรวจ จนน่าฉงน?...
ขณะที่ “หมอสมชัย” พ.ต.อ.สมชัย ได้ขึ้นติดยศ “พล.ต.ต.” เป็นผู้บังคับการโรงพยาบาล ในสังกัดโรงพยาบาลตำรวจ ซึ่งหากย้อนดูประวัติที่ผ่านมาของนายตำรวจผู้นี้ เคยถูกให้ออกจากราชการมาแล้ว เมื่อเดือนเมษายนปี 2551 หลังจากเจ้าตัวลักลอบเปิดคลินิกทำแท้งเถื่อน อยู่ในตัวเมืองหาดใหญ่ ซึ่งตอนนั้น ยังนั่งเก้าอี้เป็นนายแพทย์ (สบ5) กลุ่มงานนิติพยาธิ สถาบันนิติเวชวิทยา ก่อนกลับมารับราชการอีกครั้ง และมีอาวุโสอยู่ในลำดับต้นๆ ทำให้การแต่งตั้งครั้งนี้มีชื่อโผล่เป็นผู้บังคับการ โรงพยาบาลดารารัศมี ทั้งที่ตนเองมาจากสายงานนิติเวชวิทยา
ซึ่งตามการแต่งตั้งในหน่วยขึ้นตรงโรงพยาบาลตำรวจนั้น จากมติที่ประชุม ก.ตร. ครั้งที่ 9/2554 กำหนดให้การแต่งตั้งในหน่วยนี้ ต้องยึดหลักตามคุณวุฒิตามสายงานนั้นๆ เพื่อให้ผู้เชี่ยวชาญได้ทำงานเฉพาะทาง แต่ความจริงกลับพบว่า ยังมีการแต่งตั้งข้ามสายงานมาอย่างต่อเนื่อง โดยมีข้ออ้างเรื่องลำดับอาวุโส ทั้งที่ไม่ได้มีระบุในเกณฑ์การแต่งตั้ง ทำให้ผู้มีคุณวุฒิพลาดโอกาสได้รับการแต่งตั้งสูงขึ้น และเสียเปรียบกลุ่มงานจากนิติเวชวิทยา ที่เรียนและบรรจุเร็วกว่าสายงานอื่น
...ฉะนั้น จึงมีการเสนอให้มีการแก้ปัญหา ด้วยการปรับเปลี่ยนตั้งแต่หัวแท่ง เช่น ในปีงบประมาณ 2558 ทาง พล.ต.ต.ทรงพันทร์ เพชรจันทร์ จะเกษียณอายุราชการ จึงเห็นควร พล.ต.ต.ชนินทร์ สุดโนรีกูล เข้ามาแทนในสายงานเวชศาสตร์ฟื้นฟูหรือรังสีวิทยา หรือพยาธิวิทยา ไม่ใช่โตอยู่ที่วิทยาลัยพยาบาลตำรวจ อย่างในปัจจุบันนี้...
ท้ายที่สุดการแต่งตั้งครั้งนี้ จะเป็นเงาสะท้อนตัวตนของผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ในยุคเปลี่ยนผ่านจาก “บิ๊กกุ้ย” พล.ต.อ.วัชรพล เป็น “บิ๊กอ๊อด” พล.ต.อ.สมยศ ที่เข้ามานั่งเก้าอี้ผู้นำสีกากีเต็มตัว โดยเฉพาะหมอตำรวจจะเกิดแรงกระเพื่อมขึ้นแน่
