“วัชรพล” เรียกประชุมหาแนวทางแก้ไขปัญหาอาชญกรรมใน กทม. ประสานการไฟฟ้าฯ และกรุงเทพมหานคร เพิ่มแสงสว่างในจุดเสี่ยง 283 จุด และติดตั้งกล้องซีซีทีวี เพิ่มอีก 50,000 จุด
วันนี้ (22 ก.ย.) เมื่อเวลา 11.00 น. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ รรท.ผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง รอง ผบ.ตร. พล.ต.ท.อำนาจ อันอาตม์งาม พล.ต.ท.ชัยยง กีรติขจร พล.ต.ท.ก่อเกียรติ วงศ์วรชาติ ผช.ผบ.ตร. พล.ต.ท.จักรทิพย์ ชัยจินดา รรท.ผบช.น ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ผู้ช่วยผู้ว่าราชการไฟฟ้านครหลวง ผู้กำกับสถานีตำรวจนครบาล 88 สถานี ผู้แทนสำนักงานเขตกรุงเทพมหานคร 50 เขต และผู้แทนการไฟฟ้านครหลวง 18 เขต ประชุมร่วมกันในหัวข้อ “แนวทางแก้ไขปัญหาความมั่นคงแบบบูรณาการ เพื่อความปลอดภัยในกรุงเทพมหานคร”
โดย พล.ต.อ.วัชรพลเปิดเผยหลังการประชุมว่า ได้รับมอบหมายมาจาก พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี รับผิดชอบด้านความมั่นคงและบุคคลกรข้าราชการตำรวจ ว่าอยากจะให้เห็นว่าในพื้นที่ในความรับผิดชอบต่างๆ มีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น โดยเริ่มจากพื้นที่ของ กทม. คือ 1. ดูในเรื่องของแสงสว่างในจุดเสี่ยงต่างๆ โดยให้เจ้าหน้าที่ลงไปสำรวจพื้นที่ที่มีจุดเสี่ยงและจุดที่เกิดเหตุอาชญากรรมบ่อย พบทั้งหมด 283 จุด จึงอยากจะให้เจ้าหน้าที่ กทม. เจ้าหน้าที่การไฟฟ้านครหลวง ทำงานร่วมกันในการเพิ่มแสงไฟตามจุดต่างๆ เพื่อให้ประชาชนมีความปลอดภัย และ 2. การติดตั้งกล้องซีซีทีวี จำนวน 50,000 จุด เพราะคิดว่าหลายๆจุดกล้องชำรุด คาดว่าจะต้องมีการปรับปรุง ปรับจูนมุมกล้องต่างๆ เพื่อให้คลอบคลุมในพื้นที่การก่อเหตุอาชญากรรม หากเกิดเหตุขึ้นก็สามารถดูภาพจากกล้องเพื่อติดตามสืบสวนได้ทันที คาดว่าจะแล้วเสร็จภายใน 60 วัน โดยจะเริ่มมีการปฏิบัติในชุมชนที่มีความหนาแน่น และสำรวจจุดเสี่ยงต่างๆ ที่มีปัญหาเรื่องหลอดไฟไม่สว่างก็จะมีการตั้งเสาเพิ่ม ส่วนเรื่องการติดกล้องซีซีทีวี กทม.จะเป็นฝ่ายดำเนินการ แล้วจะนำข้อมูลของกล้องไปประสานให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทางเจ้าหน้าที่ก็จะเดินสายข้อมูลไฟเบอร์ออฟติก ทำให้มีการเชื่อมต่อและส่งต่อข้อมูลดีขึ้น รวมทั้งจะมีการเชื่อมโยงข้อมูลสารสนเทศในระบบครามด้วย และจะต้องตรวจสอบระบบด้วยว่า สามารถรองรับข้อมูลของกล้องซีซีทีวีได้หรือไม่
พล.ต.อ.วัชรพลกล่าวว่า เมื่อมีการดำเนินการเรื่องความสว่าง และกล้องซีซีทีวี เรื่องของการปราบปรามอาชญากรรมทางตำรวจจะต้องเข้าไปดูแลเรื่องสายตรวจ การบูรณาการกำลังสายตรวจ เช่น กำลังตำรวจ 191 กำลังตำรวจตามสถานีต่างๆ หรือกำลังตำรวจกองบังคับการควบคุมฝูงชนที่จะออกมาช่วยเป็นสายตรวจเพิ่มเติม หรือหัวหน้าคณะ คสช.มีการแก้มาตรา 7 เรื่องการมีส่วนร่วมขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หรือภาคเอกชนที่จะเข้ามาร่วมในการป้องกันปราบปรามอาชญากรรม คงต้องคิดในหลายแง่มุม เบื้องต้น พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง รอง ผบ.ตร.ได้มีการประชุมร่วมกับกระทรวงมหาดไทย สมาคมองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นว่าจะเข้ามาร่วมในการดูแลรักษาความปลอดภัยได้อย่างไร ซึ่งทางเจ้าหน้าที่มีการดำเนินการเรื่องความปลอดภัยอยู่แล้ว