บก.ป.ส่งฟ้องชายชุดดำ ยัน “ไก่เตี้ย” ทำแผนสอดคล้องคำให้การ ชี้เป็นคดีอาวุธสงคราม คนละส่วนกับคดีสังหาร “พล.อ.ร่มเกล้า” และคนละคดีกับที่ดีเอสไอทำ ส่วนผู้ต้องหาตามหมายจับอีก 2 ราย ส่งชุดสืบสวนประสานกับทหาร บช.น. บช.ภ. 1-9 และ ศชต.ติดตามจับกุมแล้ว
เมื่อเวลา 10.30 น.วันนี้ (15 ก.ย.) ที่กองปราบปราม พ.ต.อ.ประสพโชค พร้อมมูล รอง ผบก.ป. พ.ต.อ.สุวัฒน์ แสงนุ่ม พนักงานสอบสวนผู้ทรงคุณวุฒิ บก.ป. พ.ต.ท.พงษ์ไสว แช่มลำเจียก พนักงานสอบสวน กก.1 บก.ป. พ.ต.ท.สมเกียรติ ตันติกนกพร พนักงานสอบสวน กก.2 บก.ป. แถลงความคืบหน้าการดำเนินคดีชายชุดดำ ประกอบด้วย นายกิตติศักดิ์ หรืออ้วน สุ่มศรี อายุ 45 ปี, นายปรีชา หรือไก่เตี้ย อยู่เย็น อายุ 24 ปี, นายรณฤทธิ์ หรือนะ สุริชา อายุ 33 ปี, นายชำนาญ หรือเล็ก ภาคีฉาย อายุ 45 ปี และนางปุณิกา หรืออร ชูศรี อายุ 39 ปี ตามหมายจับศาลอาญา หลังร่วมกันก่อเหตุใช้อาวุธสงครามยิงใส่ทหารและประชาชนช่วงการชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ที่แยกคอกวัว ถนนราชดำเนินกลาง เขตพระนคร กทม. เมื่อวันที่ 10 เมษายน 2553 จนมีผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บหลายรายว่า ขณะนี้คณะพนักงานสอบสวน บก.ป.ได้สอบปากคำพยานและรวบรวมหลักฐานเสร็จสิ้นแล้ว โดยจะสรุปสำนวนคดีส่งฟ้องต่ออัยการกองคดีอาญาช่วงบ่ายวันเดียวกันนี้
พ.ต.อ.ประสพโชคกล่าวว่า คดีนี้ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง รอง ผบ.ตร. ได้สั่งการให้คณะพนักงานสอบสวนดำเนินการอย่างรอบคอบและรัดกุม ที่ผ่านมาได้ขออนุมัติศาลอาญาออกหมายจับผู้ต้องหาทั้งหมด 7 คน ติดตามจับกุมได้แล้ว 5 คน โดยคดีนี้มีผู้ต้องหา 8 คน เสียชีวิตไปแล้ว 1 คน พนักงานสอบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐาน พร้อมกับคุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 5 คนไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพในที่เกิดเหตุซึ่งมีความสอดคล้องตรงกันกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีนายปรีชาหรือไก่เตี้ย ที่มีภาพถูกนำเสนอผ่านสื่อมวลชน
นอกจากนี้ นายปรีชาก็รับสารภาพว่าเป็นผู้ก่อเหตุ พร้อมกับชี้จุดที่ลงมือก่อเหตุสอดคล้องตรงกันกับคำให้การ ขณะนี้ทางพนักงานสอบสวนได้สรุปสำนวนคดีเสร็จสิ้นแล้ว โดยมีความเห็นสั่งฟ้องผู้ต้องหารวม 2 แฟ้มใหญ่ 775 แผ่น ส่งมอบต่อพนักงานอัยการต่อไป ส่วนข้อหาประกอบด้วย ร่วมกันมีและใช้อาวุธปืน เครื่องกระสุน วัตถุระเบิดที่นายทะเบียนไม่สามารถอนุญาตให้ครอบครอง และข้อหาพกพาอาวุธปืนและวัตถุระเบิดไปในทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร
พ.ต.อ.ประสพโชคกล่าวว่า คดีนี้เป็นคนละส่วนกับคดีการสังหาร พล.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรม โดยข้อเท็จจริงของคดีนี้เป็นอีกคดีหนึ่ง ซึ่งไม่ใช่ในส่วนที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ดำเนินการอยู่ ซึ่งของดีเอสไอเป็นคดีการชุมนุมและมีผู้ถึงแก่ความตาย แต่ที่ บก.ป.ดำเนินการนั้นเป็นเฉพาะคดีอาวุธสงคราม สำหรับกรณีของผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาอีก 2 รายซึ่งร่วมกระทำความผิดและยังหลบหนีอยู่นั้น ได้ส่งชุดสืบสวนประสานการทำงานร่วมกับทหารและตำรวจ บช.น. บช.ภ. 1-9 และศชต.สืบสวนติดตามจับกุมแล้ว
“หากผู้ใดมีเบาะแสของผู้ต้องหาสามารถแจ้งมายัง บก.ป. หรือเจ้าหน้าที่ตำรวจ และทหาร เพื่อติดตามจับกุมตัวมาดำเนินคดี ขอยืนยันว่าพนักงานสอบสวนมีพยานหลักฐาน และได้ขออนุมัติต่อศาลออกหมายจับผู้ต้องหาทั้ง 7 ราย ส่วนกรณีเสธ.ไก่ ที่ผู้ต้องหาให้การซัดทอดพาดพิงถึง ทาง บก.ป.จะเร่งรัดสืบสวนติดตามจับกุมต่อไป”
ที่สำนักงานอัยการสูงสุด ถนนรัชดาภิเษก พ.ต.ท.พงษ์ไสว แช่มลำเจียก พนักงานสอบสวนผู้ชำนาญการพิเศษ กก.1 บก.ป.ได้นำสำนวนการสอบสวนจำนวน 2 แฟ้ม รวม 777 แผ่น พร้อมความเห็นสมควรสั่งฟ้อง นายกิตติศักดิ์ หรืออ้วน สุ่มศรี อายุ 45 ปี นายปรีชา หรือไก่เตี้ย อยู่เย็น อายุ 24 ปี นายรณฤทธิ์ หรือนะ สุริชา อายุ 33 ปี นายชำนาญ หรือเล็ก ภาคีฉาย อายุ 45 ปี นางปุณิกา หรืออร ชูศรี อายุ 40 ปี นายธนเดช หรือไก่รถตู้ เอกอภิวัชร์ อายุ 39 ปี นายวัฒนะโชค หรือโบ้ จีนปุ้ย อายุ 23 ปี ผู้ต้องหาที่ 1-7 ในความผิดฐาน ร่วมกันมีและใช้อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิดที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้ และพาอาวุธปืนและวัตถุระเบิดไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตและโดยไม่มีเหตุสมควร ตาม พ.ร.บ.อาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืน พ.ศ. 2490 และมีความเห็นสั่งไม่ฟ้องนายธัมมรัตน์ หรือดำ สุ่มศรี อายุ 40 ปี ผู้ต้องหาที่ 8 (ถึงแก่ความตาย) มาส่งมอบให้นายกมล ธรรมเสรีกุล อธิบดีอัยการสำนักงานคดีอาญา เพื่อพิจารณาสั่งคดี
เบื้องต้นทางอธิบดีอัยการสำนักงานคดีอาญา ได้จ่ายสำนวนไปให้อัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 4 เพื่อพิจารณาสำนวนคดีดังกล่าว โดยทางอัยการได้ตั้งคณะทำงานและจะกำหนดวันนัดฟังคำสั่งคดีอีกครั้ง อย่างไรก็ดีสำหรับผู้ต้องหาได้อยู่ในอำนาจของศาลแล้ว ซึ่งทางพนักงานสอบสวนได้นำตัวมาฝากขังผัดแรกเมื่อวันที่ 13 ก.ย.ที่ผ่านมา และยังสามารถฝากขังได้อีก 6 ผัดๆละ12 วัน รวมระยะเวลาทั้งหมด 84 วัน โดยอัยการมีเวลาสามารถสั่งคดีได้ตามระยะเวลาฝากขัง แต่หากเมื่อครบกำหนดระยะเวลาฝากขังทั้ง 7 ผัดแล้ว อัยการยังไม่สามารถทำความเห็นสั่งคดีได้ ก็จะต้องปล่อยตัวผู้ต้องหาไปก่อน และหากมีคำสั่งให้ฟ้อง ก็จะต้องประสานพนักงานสอบสวนกองปราบปรามนำตัวมายื่นฟ้องต่อศาลอาญาในภายหลัง ส่วนนายธนเดช และนายวัฒนะโชค ซึ่งศาลได้ออกหมายจับแล้วแต่ตัวยังหลบหนี ขณะที่ผู้ต้องหาอีก 5 รายนั้นขณะนี้ยังไม่ได้รับการประกันตัวในชั้นฝากขัง จึงยังถูกคุมขังอยู่ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพและทัณฑสถานหญิงกลาง