ผ่าประเด็นร้อน
ก่อนอื่นต้องขอชื่นชมเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน จับกุม ที่คาดว่าจะเป็นหน่วยปฏิบัติการพิเศษ และฝ่ายทหารที่ร่วมมือกัน รวมไปถึงระดับผู้บังคับบัญชาทุกนายภายใต้การนำของ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ว่าที่ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ที่จับกุม 4 ผู้ต้องหาฆ่า พล.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรม เมื่อวันที่ 10 เมษายน 2553 ที่บริเวณสี่แยกคอกวัว ขณะใช้กำลังทหารเพื่อขอคืนพื้นที่จากคนเสื้อแดงที่ชุมนุมอยู่ในบริเวณดังกล่าว จนทำให้เจ้าหน้าที่ทหารเสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก ซึ่งหนึ่งในนั้นมีนายทหารที่เสียชีวิตคือ พ.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรม (ยศในขณะนั้น)
ขณะเดียวกัน อีกด้านหนึ่งก็เป็นการสะท้อนให้เห็นถึงมาตรฐานการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่กว่าจะมีการติดตามจับกุมผู้ต้องสงสัยหรือว่าผู้ต้องหาในคดีดังกล่าว โดยกว่าจะมาถึงวันนี้ จากวันที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2553 มาถึงวันที่ 11 กันยายน 2557 ลองคิดดูว่าต้องใช้เวลากี่ปี ผ่านระดับผู้บังคับบัญชามาแล้วกี่คน
จนกระทั่งมาถึงยุคเปลี่ยนแปลงอำนาจใหม่ จากรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งมาสู่ยุคคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และมาถึงรัฐบาลทหารที่นำโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และมีว่าที่ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติที่ชื่อ พล.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง คนนี้ คนที่ประกาศว่าจะทำทุกทางเพื่อให้ชาวบ้านรักตำรวจให้ได้
ที่ผ่านมา พล.ต.อ.สมยศ ยังยืนยันอีกว่าจะรื้อฟื้นคดีที่เกี่ยวข้องกับการชุมนุมทางการเมืองในอดีตต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน ติดตามจับกุมผู้กระทำผิด โดยเฉพาะผู้กระทำผิดที่เกี่ยวกับความมั่นคง มีการใช้อาวุธสงครามมาดำเนินคดีให้ได้ ซึ่งที่ผ่านมาก็ได้มีการจับกุมผู้ต้องหาได้หลายราย โดยเฉพาะผู้ที่ลงมือก่อเหตุใช้อาวุธสงครามประเภท เอ็ม 79 ระเบิดขว้างใส่กลุ่มผู้ชุมนุม กปปส. แม้ว่ายังไม่อาจสาวไปถึงคนบงการในระดับสูงได้ แต่ก็ถือว่าเป็นการเริ่มต้นที่น่าติดตาม ว่าในที่สุดแล้วปลายทางจะไปถึงไหน
ในการแถลงข่าวการจับกุมเมื่อวันที่ 11 กันยายน พร้อมผู้ต้องหา (ผู้ต้องสงสัย) จำนวน 5 คน อันประกอบด้วย
นายกิตติศักดิ์ หรือ อ้วน สุ่มศรี อายุ 45 ปี อยู่บ้านเลขที่ 4 หมู่ 2 ซอยรามอินทรา 36 แขวงท่าแร้ง เขตบางเขน กทม. หมายจับศาลอาญา ที่ 1600/2557 ลง 10 ก.ย. 2557
นายปรีชา หรือ ไก่เตี้ย อยู่เย็น อายุ 24 ปี อยู่บ้านเลขที่ 109 หมู่ 9 ต.อินทขิล อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ หมายจับศาลอาญา ที่ 1603/2557 ลง 10 ก.ย. 2557
นายรณฤทธิ์ หรือ นะ สุริชา อายุ 33 ปี อยู่บ้านเลขที่ 10 หมู่ 3 ซอย ต.กลางใหญ่ อ.เขื่องใน จ.อุบลราชธานี หมายจับศาลอาญา ที่ 1604/2557 ลง 10 ก.ย. 2557
นายชำนาญ หรือ เล็ก ภาคีฉาย อายุ 45 ปี อยู่บ้านเลขที่ 14/126 หมู่ 6 แขวงโคกแฝด เขตหนองจอก กรุงเทพฯ หมายจับศาลอาญา ที่ 1605/2557 ลง 10 ก.ย. 2557
และ นางปุณิกา หรือ อร อายุ 39 ปี อยู่บ้านเลขที่ 702/155 ซอยพหลโยธิน 32 แขวงจันทรเกษม เขตจตุจักร กรุงเทพฯ หมายจับศาลอาญา ที่ 1606/2557 ลง 10 ก.ย. 2557
ซึ่งทั้งหมดเป็น “ขบวนการชายชุดดำ” ที่ใช้อาวุธสงครามยิงใส่เจ้าหน้าที่ทหารจากเหตุการณ์ความรุนแรงช่วงการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง เมื่อเดือนเมษายน 2553 เป็นเหตุให้ พล.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรม อดีตรองเสนาธิการกองพลทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ (พล.ร.21 รอ.) เสียชีวิต
ขณะที่อีกสองคนยังหลบหนีคือ นายธนเดช เอกอภิวัชร์ หรือ ไก่ รถตู้ อายุ 39 ปี อยู่บ้านเลขที่ 328/22 หมู่ 2 แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กรุงเทพฯ หมายจับศาลอาญา ที่ 1601/2557 ลง 10 ก.ย. 2557
และ นายวัฒนะโชค หรือ โบ้ จีนปุ้ย อายุ 23 ปี อยู่บ้านเลขที่ 43 หมู่ 17 ซอย ต.พุทธบาท อ.ชนแดน จ.เพชรบูรณ์ หมายจับศาลอาญา ที่ 1602/2557 ลง 10 ก.ย. 2557
พล.ต.อ.สมยศ ระบุว่า ผู้ต้องหากลุ่มนี้เป็นเครือข่ายที่เชื่อมโยงกับ นส.กริชสุดา คุณะเเสน แกนนำคนเสื้อแดงที่ถูกออกหมายจับในคดีที่เกี่ยวข้องกับการจัดหาอาวุธสงครามให้กับคนเสื้อแดงในช่วงของการชุมนุมทางการเมืองและหลบหนีออกนอกประเทศไปแล้ว โดยพบหลักฐานการโอนเงินหลายครั้ง
น่าสังเกตก็คือนอกจากมีนายตำรวจที่เกี่ยวข้องหลายนายแล้วการแถลงข่าวครั้งยังมีรองแม่ทัพภาคที่ 1 พล.ต.เทพพงศ์ ทิพยจันทร์ รวมอยู่ด้วย
ดังนั้น แม้ว่าเป็นเรื่องที่น่าชื่นชมที่ตำรวจสามารถจับกุมผู้ต้องหาที่ใช้อาวุธสงครามก่อเหตุในช่วงการชุมนุม พร้อมทั้งยืนยันว่า “มีขบวนการชายชุดดำ”จริง จากปากของ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ซึ่งถือว่าเป็นครั้งแรกที่พูดชัดเจน หลังจากก่อนหน้านี้ระดับผู้บังคับบัญชาระดับสูงในสำนักงานตำรวจแห่งชาติไม่เคยระบุ รวมไปถึงเจ้าของคดีในอดีตอย่างกรมสอบสวนคดีพิเศษ ที่นำโดย ธาริต เพ็งดิษฐ์ ก็ปฏิเสธมาตลอดว่า ไม่มี ไม่ต้องพูดถึงคนในรัฐบาลจากพรรคเพื่อไทยในอดีตต่างยืนยันเป็นเสียงเดียวกันว่าไม่มีชายชุดดำ ตรงกันข้ามยังมีการย้อนกลับมาว่าเป็นการจัดฉากใส่ร้ายคนเสื้อแดงเสียอีก ทั้งที่มีหลักฐานเป็นภาพนิ่งภาพเคลื่อนไหวจำนวนมากก็ตาม
อย่างไรก็ดี แม้ว่าต้องชื่นชมเจ้าหน้าที่ที่สามารถติดตามจับกุมคนก่อเหตุได้ แต่อีกด้านหนึ่งมันก็ช่วยไม่ได้ที่ต้องสะท้อนการทำงานของตำรวจที่ไม่คงเส้นคงวา การบังคับใช้กฎหมายน่าเคลือบแคลงโอนเอนไปตามอำนาจอย่างกรณีที่เกิดขึ้นต้องรอนานถึง 4 ปี มีการเปลี่ยนแปลงผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติหลายคนอย่างน้อยเท่าที่พอจำได้ก็มีชื่อของ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว หรือแม้แต่ อธิบดีดีเอสไอในอดีตอย่าง ธาริต เพ็งดิษฐ์ กลับไม่มีการจับกุม หรือยืนยันว่าไม่มีชายชุดดำ ขณะเดียวกัน แม้จะจับกุมได้ แต่ก็ต้องติดตามกันต่อไปว่าจะมีการสาวไปถึงคนบงการที่แท้จริงได้หรือไม่
เพราะไม่มีทางเป็นไปได้ว่าการสังหาร พล.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรม จะเป็นแค่การสั่งการหรือเชื่อมโยงไปถึง น.ส.กริชสุดา คุณะแสน เท่านั้น เพราะหากพิจารณาย้อนหลังต้องย้อนกลับไปถึงเหตุการณ์ชุมนุมของคนเสื้อแดงก่อนหน้านั้นเมื่อปี 52 ที่ พ.อ.ร่มเกล้า (ยศขณะนั้น) มีส่วนสำคัญในการคลี่คลายสถานการณ์ จนไม่มีคนเสียชีวิต จนไม่สามารถสร้างเงื่อนไขนำไปขยายผลก่อจลาจลเพื่อหวังให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองได้
และนำไปสู่การวางแผน “กำจัด” ในเวลาต่อมาเมื่อวันที่ 10 เมษายน ปี 53 หรือไม่ ดังนั้น เชื่อว่าคนที่อยู่เบื้องหลังต้องไม่ธรรมดา ขึ้นอยู่กับว่าตำรวจยุคนี้จะได้รับไฟเขียวให้สาวไปถึงหรือเปล่า
ขณะเดียวกัน จากผลการจับกุมให้เห็นคราวนี้ก็เป็นการพิสูจน์ให้เห็นว่าตำรวจไทยมีศักยภาพทำได้ทุกอย่าง ขึ้นอยู่กับว่าจะทำหรือไม่เท่านั้นเอง !!