“ปวีณา” พา 2 แม่รับจ้างอุ้มบุญพร้อมสามีร้อง สตช. หลังถูกเอเยนต์ชาวต่างชาติขู่จะนำตัวไปคลอดบุตรที่ต่างประเทศ พร้อมส่งชายฉกรรจ์อ้างเป็น ตร. ข่มขู่คุกคาม ด้าน “รองเอก” รับลูกยอมรับเป็น ตร. ชุดสืบสวน สน.ดินแดน สังกัดบช.น. สั่งสอบแล้ว
วันนี้ (10 ก.ย.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) - เมื่อเวลา 14.00 น. นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี นำตัว น.ส.ออน (นามสมมติ) อายุ 35 ปี และ น.ส.ฉัตร (นามสมมติ) อายุ 32 ปี ซึ่งเป็นแม่รับจ้างอุ้มบุญ และนายแก้ว (นามสมมติ) อายุ 50 ปี สามีของ น.ส.ออน เข้าพบ พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ รอง ผบ.ตร. เพื่อขอความช่วยเหลือกรณี น.ส.ออน ซึ่งได้ยกเลิกสัญญาอุ้มบุญ และถูกเอเยนต์ให้ชายฉกรรจ์ 3 คน ซึ่งอ้างตัวเป็นตำรวจติดตาม เกรงไม่ได้รับความปลอดภัย โดย นางปวีณา ได้มอบรูปถ่ายของตำรวจทั้ง 3 นายให้กับ พล.ต.อ.เอก ด้วย
นางปวีณา กล่าวว่า เมื่อวันที่ 30 ส.ค. ที่ผ่านมา นายแก้ว ได้พา น.ส.ออน ภรรยา เข้าพบตนเพื่อขอความช่วยเหลือ หลังจากมีข่าวเรื่องอุ้มบุญ ปรากฏว่า น.ส.ออน ซึ่งรับจ้างอุ้มบุญ ถูกนายหน้าชายชาวต่างชาติติดตามตัวให้ไปคลอดลูกที่ต่างประเทศ แต่ น.ส.ออน ขอยกเลิกสัญญาการรับอุ้มบุญที่ทำไว้ จึงถูกติดตามตัว และข่มขู่ โดยมีชายฉกรรจ์ 3 ตน อ้างตัวว่าเป็นตำรวจคอยติดตาม น.ส.ออน ไปทุกหนทุกแห่ง จนเจ้าตัวเกรงว่าไม่ได้รับความปลอดภัย จึงอยากขอให้ พล.ต.อ.เอก หามาตรการช่วยเหลือ ดำเนินคดีกับเอเยนต์ และผู้ที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งขอให้ตรวจสอบพฤติกรรมของชายฉกรรจ์ 3 คน ที่อ้างว่าเป็นตำรวจ
นางปวีณา กล่าวต่อไปว่า นอกจากนี้ ขอให้ทางตำรวจช่วยเหลือ น.ส.ฉัตร ที่รับจ้างอุ้มบุญ ให้กับคู่รักซึ่งเป็นชายรักชาย และได้คลอดเด็กแฝดก่อนกำหนด ที่ รพ.ชัยบาดาล จ.ลพบุรี โดยมีอายุครรภ์เพียง 5 เดือน และพยาบาลระบุว่าเด็กเสียชีวิตทั้งคู่ แต่นายหน้ากลับนำร่างของเด็กไปทันที จึงอยากขอความเป็นธรรม
พล.ต.อ.เอก กล่าวว่า ตนสั่งการให้ พล.ต.ท.ก่อเกียรติ วงศ์วรชาติ ผู้ช่วย ผบ.ตร. ซึ่งรับผิดชอบสอบสวนกรณีอุ้มบุญ ส่งพนักงานสอบสวนมาทำการสอบปากคำแม่รับจ้างอุ้มบุญทั้ง 2 ราย ในฐานะผู้กล่าวหา และดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น โดยในเบื้องต้นทราบว่าชายฉกรรจ์ที่ติดตาม น.ส.ออน เป็นตำรวจชั้นประทวนสังกัดกองบัญชาการตำรวจนครบาล ส่วนจะมีความผิดอาญา หรือผิดวินัยฐานใด หรือไม่ต้องรอให้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริงให้แน่ชัดก่อน ว่า ตำรวจทั้ง 3 นายเข้าไปเกี่ยวข้องโดยมีพฤติกรรมไม่เหมาะสมหรือไม่ หากพบว่ามีความผิดก็จะดำเนินการตามกฎหมายอย่างเด็ดขาด ขณะที่กรณีของ น.ส.ฉัตร อยู่ในขั้นตอนของการพิสูจน์ทราบข้อเท็จจริง ในชั้นนี้ยังไม่มีการยืนยันข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการเสียชีวิตของเด็ก ต้องรอให้ตำรวจทำการสืบสวนสอบสวนให้แน่ชัดก่อน แต่หากเด็กเสียชีวิตและมีการนำศพเด็กไปจริงก็ถือว่าผิดกฎหมาย ส่วนเป็นความผิดฐานใด
พล.ต.อ.เอก กล่าวว่า นอกจากนี้ ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าไปช่วยดูแลให้คำปรึกษาทางกฎหมาย และให้ความคุ้มครองกรณีแม่รับจ้างอุ้มบุญที่เปลี่ยนใจขอยกเลิกสัญญา แล้วเกรงว่าจะถูกประทุษร้าย ทั้งนี้ โดยส่วนตัวมองว่าที่ผ่านมาจะไม่มีกรณีพิพาทเกี่ยวกับสัญญาอุ้มบุญขึ้นสู่ศาล แต่เชื่อว่าสัญญาอุ้มบุญไม่สามารถบังคับตามกฎหมายได้ เพราะขัดต่อความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดี ขณะเดียวกัน ขั้นตอนการทำอุ้มบุญก็ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย และขัดต่อข้อบังคับของแพทยสภา
เมื่อถามว่า หญิงอุ้มบุญทั้ง 2 ราย ได้ทำการฝังตัวอ่อนที่เดียวกันกับคลินิกที่ทำอุ้มบุญให้ นายชิเกตะ มัสซึโตกิ หรือไม่ พล.ต.อ.เอก กล่าวว่า ตำรวจมีรายชื่อสถานพยาบาลทั้งหมดที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการรับทำอุ้มบุญ อยู่ระหว่างการตรวจสอบ อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่า จะดำเนินการอย่างเฉียบขาดให้ถึงต้นตอ และจะดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ทั้งสถานพยาบาล แพทย์ เอเยนต์ รวมถึงเจ้าหน้าที่ที่เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับตำรวจทั้ง 3 นาย ที่ถูกอ้างว่าติดตาม น.ส.ออน แม่รับจ้างอุ้มบุญ ได้แก่ ด.ต.ชัยยุทธ จำนงการ ด.ต.จิระศักดิ์ โดยคำดี และ ด.ต.ศรุต กโนทร ทั้งหมดเป็น ผบ.หมู่งานสืบสวน สน.ดินแดง