เจ้าของน้ำเชื้อชาวญี่ปุ่นส่งทนายยื่นขอนำตัวทารกอุ้มบุญทั้งหมดออกต่างประเทศ ยินดีให้พนักงานสอบสวนเดินทางไปขอข้อมูล แต่ไม่ขอเข้าให้ปากคำที่เมืองไทย ด้าน ตร.ติดใจวัตถุประสงค์ที่ต้องการมีลูกจำนวนมาก เพื่อนำมาประกอบสำนวนก่อนสรุป
วันนี้ (26 ส.ค.) พ.ต.อ.ภาคภูม พูลศิริโภคา หัวหน้าพนักงานสอบสวน สน.ลาดพร้าว กล่าวว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาได้ส่งพนักงานสอบสวนไปศึกษาข้อมูล คำให้การประกอบสำนวนของนายชาตรี พินใย นิติกรชำนาญการพิเศษ กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) กับพนักงานสอบสวนของ สน.ลุมพินี เพื่อให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน ก่อนจะเชิญตัวนายชาตรีมาสอบปากคำเพิ่มเติมเกี่ยวกับคดีในท้องที่ สน.ลาดพร้าวในสัปดาห์นี้ ทั้งนี้ ตนยังรอเอกสารฉบับจริงที่แสดงการเเต่งตั้งทนายความและมอบอำนาจให้นายก้อง สุริยมณฑล ในการดำเนินการด้านคดี และนำหนังสือชี้แจงของนายชิเกตะ มิตสึโตกิ มามอบให้เจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ เนื่องจากก่อนหน้านี้เอกสารที่นำมามอบให้เป็นเพียงสำเนา และมีการเเปลจากภาษาอังกฤษเป็นภาษาไทยเรียบร้อยเเล้ว ในทางสำนวนนั้นต้องมีเอกสารฉบับจริงประกอบอยู่ด้วย โดยเบื้องต้นได้ติดต่อไปยังนายก้องแล้ว ทราบว่ากำลังดำเนินการขอเอกสารฉบับจริงดังกล่าวจากทนายความญี่ปุ่นอยู่ คาดว่าจะสามารถส่งมาได้ภายในสัปดาห์หน้า
ทั้งนี้ นายชิเกตะได้มอบหมายให้ทนายความมาทำเรื่องประสานขอนำตัวเด็กอุ้มบุญทั้งหมดกลับไปซึ่งก็ให้นายก้องนำหนังสือแต่งตั้งทนายความพร้อมหนังสือคำร้องมาชี้แจงเหตุผลว่าทำไมถึงต้องการจะเลี้ยงเด็กอุ้มบุญไว้หลายคน คาดว่าน่าจะใช้เวลาประมาณ 1 สัปดาห์ เพราะต้องแปลคำร้องจากภาษาญี่ปุ่นมาเป็นภาษาไทย
พ.ต.อ.ภาคภูมกล่าวอีกว่า ส่วนกรณีที่นายก้องได้ยื่นข้อเสนอว่านายก้องยินดีประสานกับนายชิเกตะให้ หากเจ้าหน้าที่ตำรวจมีความต้องการที่จะเดินทางไปสอบปากคำนายชิเกตะที่ประเทศญี่ปุ่นนั้น ตนต้องขอทำเรื่องปรึกษาผู้บังคับบัญชาให้พิจารณาก่อนว่าจะสามารถกระทำได้หรือไม่ อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าขณะนี้ในส่วนของคดีใกล้เสร็จเรียบร้อย เหลือเพียงเเต่คำให้การของนายชิเกตะเกี่ยวกับวัตถุประสงค์ที่ต้องการมีลูกจำนวนมากเท่านั้นเพื่อนำมาประกอบสำนวนคดีต่อไป
ทั้งนี้ พนักงานสอบสวนจะไม่มีการรวมคดีกับสถานีตำรวจนครบาลลาดพร้าว เนื่องจากได้มีการแบ่งหน้าที่กันทำอย่างชัดเจน โดยสถานีตำรวจนครบาลลุมพินีรับผิดชอบการดำเนินคดีต่อสถานพยาบาล และตัวนายแพทย์ที่ทำผิดกฎหมายเท่านั้น
ด้าน นายสุภัทร บุญถนอม อธิบดีผู้พิพากษาศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง เปิดเผยถึงกรณีมีกระแสข่าว แม่อุ้มบุญ บุตรของนายชิเกตะ มิตสุโตกิ อาจจะเบิกความเท็จต่อศาลในการรับรองบุตรว่า ไม่น่าจะเป็นการละเมิดศาล และศาลยังไม่มีเหตุต้องเรียกแม่อุ้มบุญมาสอบถาม เมื่อศาลอนุญาตรับรองบุตรก็ไม่มีเหตุที่จะต้องดำเนินใดๆ ใหม่ แต่หากเจ้าหน้าที่ตำรวจจะดำเนินการสืบสวนสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานว่าแม่อุ้มบุญเบิกความเท็จหรือไม่ ก็เป็นดุลพินิจของเจ้าหน้าที่ตำรวจ อย่างไรก็ตาม ภายหลังที่กรณีนี้ปรากฎเป็นข่าวขึ้นมา ศาลก็ได้เข้มงวดในการไต่สวนมากขึ้น
นายสุภัทร อธิบดีผู้พิพากษาศาลเยาวชนฯ กล่าวอีกว่า ในการไต่สวนรับรองบุตรทั่วไปศาลจะพิจารณาข้อมูลข้อเท็จจริงจากคู่ความทั้ง 2 ฝ่ายจากบิดา– มารดาโดยไม่นำกระแสภายนอกมาเป็นองค์ประกอบตัดสิน ดังนั้น ข้อมูลที่เบิกความในขณะนั้นจะเป็นเท็จหรือไม่ยังไม่ทราบทันทีในขณะนั้น ซึ่งกรณีที่เบิกความจะอ้างถึงปัญหาทางการเงินในการเลี้ยงบุตรถ้าแม้จะเป็นข้อความเท็จ แต่ก็ไม่เป็นข้อสาระสำคัญที่ศาลจะนำมาประกอบการพิจารณาให้พ่อชาวญี่ปุ่นจดทะเบียนรับรองบุตรได้ โดยการพิจารณาของศาลจะมีเงื่อนไขอื่นมาประกอบ ซึ่งจะมองประโยชน์สูงสุดของเด็กเพราะสิทธิในการอุ้มบุญ เด็กที่เกิดมาย่อมมีสิทธิเหมือนเด็กทั่วไปทั้งสิทธิในการเกิด การมีชีวิต การเลี้ยงดู การมีอนาคตที่ดี และขณะนั้นการไต่สวนก็ไม่มีพฤติการณ์ที่น่าสงสัย รวมทั้งไม่มีผู้คัดค้าน หรือมีข้อบ่งชี้ว่าฝ่ายบิดาจะไม่สามารถเลี้ยงดูบุตรได้ กรณีจึงยังไม่มีข้อเท็จจริงในขณะนั้นว่ามีความไม่เหมาะสมใด แต่ถ้าทางไต่สวนได้ความถึงขนาดว่ามีข้อเท็จจริงอื่นที่พบว่าฝ่ายบิดามีความไม่เหมาะสม ศาลก็จะไม่อนุญาตรับรองบุตร
รายงานข่าวแจ้งว่า เมื่อไม่นานนี้มีผู้รับมอบอำนาจจากนายชิเกตะ ได้ยื่นขอจดทะเบียนรับรองบุตรที่ศาลเยาวชนฯ จ.ปทุมธานี ซึ่งศาลได้ไต่สวนไปแล้ว และจะขอไต่สวนผู้ร้องเพิ่มเติม แต่ผู้ร้องกลับขอถอนคำร้องออกไป ขณะที่ก่อนหน้านี้พ่อชาวญี่ปุ่นคนดังกล่าว ได้มีการยื่นคำร้องขอรับรองบุตร 2 คดี ซึ่งศาลก็อนุญาตให้รวมบุตร 3 คน โดยการอนุญาต เพราะไต่สวนข้อเท็จจริงขณะนั้น ไม่มีข้อมูลใดที่จะทำให้เกิดความไม่มั่นใจว่าจะนำเด็กไปดำเนินการอย่างอื่น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้หนึ่งในแม่อุ้มบุญ บุตรของนายชิเกตะ มิตสุโตกิ อายุ 24 ปี ให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ลุมพินี อ้างว่า เอเย่นต์และทนายความ เคยนัดให้ไปพบที่ศาล ก่อนที่จะให้เบิกความต่อศาลเกี่ยวกับการขอรับรองบุตรว่า นายชิเกตะได้มีเพศสัมพันธ์กับแม่อุ้มบุญและตั้งครรภ์ โดยนายชิเกตะจะแสดงความรับผิดชอบด้วยการนำเด็กไปเลี้ยงดู