สน.พระอาทิตย์
ที่สำคัญในปีหน้าหนทาง “บิ๊กเอก” ก็ยากยิ่งเป็นเท่าทวี เพราะจะมี “บิ๊กแป๊ะ” พล.ต.ท.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้ช่วย ผบ.ตร. นายตำรวจดาวรุ่งพุ่งแรง ซึ่งมีคุณสมบัติไม่ต่างจาก “บิ๊กอ๊อด” ขึ้นมาเป็น รอง ผบ.ตร. หรือตำแหน่งเทียบเท่า และน่าจะมาเป็นแคนดิเดตสำคัญอีกราย
เสร็จสิ้นเรียบร้อยโรงเรียน “วงษ์สุวรรณ” สำหรับการแต่งตั้ง “ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ” หรือ “ผบ.ตร.” คนใหม่ แทนพล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร. ที่เกษียณอายุราชการ 30 ก.ย.2557
“บิ๊กอ๊อด” พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง รอง ผบ.ตร. ฝ่ายความมั่นคง (มค.) นายตำรวจที่ได้รับการสนับสนุนจาก “บิ๊กป๊อด” พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ อดีต ผบ.ตร. และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ที่ปรึกษาคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) พี่ใหญ่แห่งบูรพาพยัคฆ์ คว้าเก้าอี้ “ผู้นำสีกากี” คนที่ 10 ไปครอง
ชนิดเชือดเฉือน “บิ๊กเอก” พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ รอง ผบ.ตร. ฝ่ายป้องกันปราบปรามอาชญากรรม (ปป.) อาวุโสลำดับ 1 คู่แคนดิเดต แบบต้องลุ้นกันถึงฎีกา เพราะช่วงโค้งสุดท้ายก่อนถึงวันประชุมคณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ (ก.ต.ช.) กระแส “บิ๊กเอก” ก็แรงตีคู่หายจรดต้นคอตลอด
ว่ากันตามทฤษฎีมองกันล่วงหน้าไป 1 ปี ตามอายุราชการ “บิ๊กอ๊อด” บนเก้าอี้ ผบ.ตร. ซึ่งเกษียณราชการวันที 30 ก.ย. 2558 “บิ๊กเอก” ยังมีโอกาสเป็น “ผบ.ตร.” อีกครั้ง เพราะตามอายุราชการจะเกษียณวันที่ 30 ก.ย. 2559 หรือเหลือเวลาอีก 1 ปี
ยิ่งถ้ายึดกันตามกระแสข่าว ก่อนหน้าที่จะมีการฟันธงชื่อ “พล.ต.อ.สมยศ” นั่ง ผบ.ตร. ในท่วงทำนองจะใช้วิธี “บัวไม่ช้ำน้ำไม่ขุ่น” ปีนี้ให้ พล.ต.อ.สมยศ เป็น ผบ.ตร. ก่อนแล้ว พล.ต.อ.เอก ค่อยเป็นต่อในปีหน้า
เพราะหาก “บิ๊กเอก” เป็นปีนี้ จะปิดหัว “บิ๊กอ๊อด” ที่สาย “วงษ์สุวรรณ” สนับสนุนทันที เนื่องจาก “เอก” เกษียณปี 2559 “อ๊อด” เกษียณปี 2558 ก็น่าจะสมประโยชน์กันทุกฝ่าย
แต่ว่ากันตามทางปฏิบัติ “บิ๊กเอก” ดูโอกาสจะลางเลือน หากยึดตามเหตุผลการเลือก “บิ๊กอ๊อด” ขึ้นเป็น ผบ.ตร. คนที่ 10 ในปีนี้ ซึ่งว่ากันว่าขนวนเหตุหนึ่งน่าจะมาจากเรื่องเหล่าเรื่องรุ่น ที่ พล.ต.อ.สมยศ เป็นนักเรียนนายร้อยตำรวจ (นรต.) รุ่น 31 และเป็นนักเรียนเตรียมทหาร (ตท.) รุ่น 15 รุ่นเดียวกับ “บิ๊กต๊อก” พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา ผู้ช่วยผบ.ทบ. และรองหัวหน้า คสช. ส่วน พล.ต.อ.เอก ไม่ใช่ลูกหม้อนักเรียนนายร้อย ลอดรั้วสามพรานมาจากการเป็นนักเรียนนายร้อยอบรมหลักสูตร นบ.รบ.รุ่น 7 หลังจบปริญญาตรี นิติศาสตร์บัณฑิตเกียรตินิยมอันดับที่ 1 มหาวิทยาลัยรามคำแหง
มิหนำซ้ำ แนวทางสมบัติผลัดกันชม แบ่งเก้าอี้ “ผบ.ตร.” คนละปีตามที่มีกระแสข่าว ก็ถูกปฏิเสธจาก พล.ต.อ.สมยศ ในวันที่ได้รับทราบมติ ก.ต.ช. นั่งเก้าอี้ ผู้นำกรมปทุมวันถึงกระแสข่าวสลับกันเป็นคนละปีกับ พล.ต.อ.เอก ว่า ไม่เคยมีข้อตกลงอะไรเช่นนั้นเลยทุกอย่างอยู่ที่การพิจารณาของผู้บังคับบัญชา
ก็เหมือนปิดประตูหนทาง “สมบัติผลัดกันชม” ไม่มีข้อตกลงไม่มีสิ่งใดผูกมัด เส้นทางการเข้าสู่เก้าอี้ “ผบ.ตร.” ของพล.ต.อ.เอก ในครั้งต่อไป ไม่มีอะไรการันตีทั้งสิ้น
ที่สำคัญ ในปีหน้า หนทาง “บิ๊กเอก” ก็ยากยิ่งเป็นเท่าทวี เพราะจะมี “บิ๊กแป๊ะ” พล.ต.ท.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้ช่วยผบ.ตร. นายตำรวจดาวรุ่งพุ่งแรง ซึ่งมีคุณสมบัติไม่ต่างจาก “บิ๊กอ๊อด” ขึ้นมาเป็น รอง ผบ.ตร. หรือตำแหน่งเทียบเท่าและน่าจะมาเป็นแคนดิเดตสำคัญอีกราย
ตามเส้นทาง พล.ต.ท.จักรทิพย์ ในการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจระดับ “รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รองผบ.ตร.) - ผู้บัญชาการ (ผบช.) ยศ พล.ต.อ.- พล.ต.ท. ไม่กี่วันข้างหน้า จะขยับขึ้นติดยศ “พล.ต.อ.” ในตำแหน่งรองผบ.ตร. หรือตำแหน่งเทียบเท่า รอง ผบ.ตร. อย่างแน่นอน เพราะเป็นผู้ช่วย ผบ.ตร. อาวุโสลำดับ 2
จากประกาศบัญชีอาวุโสประจำปี 2557 ซึ่งเป็นบัญชีอาวุโสที่ปรับปรุงภายหลังมีประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ 89/2557 เรื่อง หลักเกณฑ์การแต่งตั้งข้าราชการตำรวจ ที่ให้จัดลำดับการอาวุโสใหม่ โดย ผู้ช่วย ผบ.ตร. ลำดับ 1 พล.ต.ท.เรืองศักดิ์ จริตเอก 2. พล.ต.ท.จักรทิพย์ 3. พล.ต.ท.สุพร พันธ์เสือ 4. พล.ต.ท.ก่อเกียรติ วงศ์วรชาติ (อายุราชการทวีคูณปฏิบัติงานจังหวัดชายแดนภาคใต้) 5. พล.ต.ท.อำนาจ อันอาตม์งาม 6. พล.ต.ท.ชัยยง กีรติขจร ผู้ช่วย ผบ.ตร. 7. พล.ต.ท.ชัยยะ ศิริอำพันธ์กุล รอง จตช. 8. พล.ต.ท.มล.พันธ์ศักดิ์ เกษมสันต์ 9. พล.ต.ท.วินัย ทองสอง ผู้ช่วย ผบ.ตร. และ 10. พล.ต.ท.เจษฎา อินทรสถิตย์ รอง หน.นรป.
ซึ่งตามมติ ก.ตร. กำหนดการการแต่งตั้งเลื่อนตำแหน่งสูงขึ้นในตำแหน่งผู้บัญชาการ (ผบช.) ลงมายึดหลักอาวุโส 33% และมีกฎ ก.ตร. ว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจตำแหน่งระดับ สารวัตร ถึงจเรตำรวจแห่งชาติ และ รอง ผบ.ตร. พ.ศ. 2549 ข้อ 33 ระบุว่า การพิจารณาคัดเลือกแต่งตั้งในตำแหน่งผู้ช่วย ผบ.ตร. ขึ้นไปให้พิจารณาเรียงตามอาวุโส
โดยปีนี้ตำแหน่ง พล.ต.อ. ว่าง 7 ตำแหน่งทำให้ผู้ช่วย ผบ.ตร. 7 ลำดับแรกได้ขยับขึ้นทันทีและที่น่าสนใจ คือ หากยึดตามธรรมเนียมปฏิบัติเมื่อตำแหน่งหลัก คือ รอง ผบ.ตร. หรือจเรตำรวจแห่งชาติ ว่างก็จะสลับ ที่ปรึกษา เข้าตำแหน่งหลัก เพื่อดันผู้ช่วย ผบ.ตร. ใหม่เข้าสู่ตำแหน่ง ที่ปรึกษา
ครั้งนี้มีตำแหน่ง รอง ผบ.ตร. หลักว่าง 4 ตำแหน่ง และมี พล.ต.อ.ชนินทร์ ปรีชาหาญ เป็นที่ปรึกษา (สบ10) เพียงคนเดียว ทำให้ในการแต่งตั้งครั้งนี้ พล.ต.ท.เรืองศักดิ์ พล.ต.ท.จักรทิพย์ และ พล.ต.ท.สุพร มีโอกาสจะได้รับการแต่งตั้งเข้าสู่ตำแหน่งหลักเป็น รอง ผบ.ตร. หรือ จตช. ตามลำดับอาวุโสทันที
พล.ต.ท.จักรทิพย์ ก็น่าจะได้เข้านั่งเก้าอี้ รอง ผบ.ตร. และน่าจะได้รับมอบหมายหน้างานด้านความมั่นคง สานต่อการทำงานของ พล.ต.อ.สมยศ เพราะช่วงที่เป็นผู้ช่วย ผบ.ตร. ก็ทำงานด้านความมั่นคงคู่กับว่าที่ ผบ.ตร. มาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะทำให้ “บิ๊กแป๊ะ” มีโอกาสสร้างผลงานให้โดดเด่นเช่นเดียวกับ “บิ๊กอ๊อด”
นอกจากนี้ ด้วยสายสัมพันธ์ “บิ๊กแป๊ะ” ที่ก็เหมือนกับ “บิ๊กอ๊อด” ช่วงที่แต่งตั้งชิงเก้าอี้ ผบ.ตร. อย่างกับก๊อบปี้มาเลยคือเป็นน้องเลิฟ พล.ต.อ.สมยศ ผู้คัดเลือก ผบ.ตร. คนต่อไปเสนอที่ประชุม ก.ต.ช. เช่นเดียวกับสมัย “บิ๊กกุ้ย” พล.ต.อ.วัชรพล ประสานราชกิจ รักษาการ ผบ.ตร. กับ พล.ต.อ.สมยศ และยังได้รับความไว้เนื้อเชื่อใจจากสาย “วงษ์สุวรรณ” เช่นเดียวกันอีก
รวมทั้งเรื่องเหล่าเรื่องรุ่นก็ไม่ต้องพูดถึง พล.ต.ท.จักรทิพย์ เป็นนักเรียนนายร้อยตำรวจ (นรต.) รุ่น 36 นักเรียนเตรียมทหาร (ตท.) รุ่น 20 รุ่นเดียวกับ พล.ต.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการกองพลที่ 1 รักษาพระองค์ (ผบ.พล.1) เรียกว่าคุณสมบัติครบถ้วนไม่ต่างจากทรัพย์สมบัติ เพราะเป็นลูกเขยเจ้าของมหาวิทยาลัยศรีปทุม เรียกว่าครบทั้งรูปสมบัติและทรัพย์สมบัติ
มิหนำซ้ำยังอยู่ในไลน์รอง ผบ.ตร. หรือจเรตำรวจแห่งชาติ ที่มีสิทธิ์ได้รับคัดเลือกเป็น ผบ.ตร. ตามประกาศ คสช. ที่มีการแก้ไขกฎระเบียบสำนักงานตำรวจแห่งชาติเช่นกัน
ดูแนวโน้มหนทางภายภาคหน้าของ “บิ๊กเอก” ที่อกหักจากเก้าอี้ ผบ.ตร. ในปีนี้แล้ว จาก พล.ต.อ.สมยศ ก็มีสิทธิ์ปีหน้าจะอกหักซ้ำอีกครั้งจาก พล.ต.ท.จักรทิพย์ ชัยจินดา หรือ “บิ๊กแป๊ะ” นายตำรวจดาวรุ่งรายนี้