วานนี้ (21 พ.ค.) สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ ได้เผยแพร่เอกสารข่าวหลังการประชุมคณะตุลาการฯว่า ด้วยนายจรูญ อินทจาร ประธานศาลรัฐธรรมนูญ ได้ลาออกจากตำแหน่งประธานศาลรัฐธรรมนูญ แต่ยังดำรงตำแหน่งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญต่อไป ที่ประชุมคณะตุลาการในคราวการประชุมเมื่อวันที่ 21 พ.ค. จึงได้มีมติเลือกให้ นายนุรักษ์ มาประณีต ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ เป็นประธานศาลรัฐธรรมนูญ
ทั้งนี้ สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญได้มีหนังสือกราบเรียนประธานวุฒิสภา เพื่อนำความกราบบังคมทูลเพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯแต่งตั้ง นายนุรักษ์ เป็นประธานศาลรัฐธรรมนูญ คนต่อไป
ทั้งนี้มีรายงานว่า นายจรูญได้ยื่นหนังสือลาออกจากการเป็นประธานศาลรัฐธรรมนูญ เมื่อวันที่ 19 พ.ค.ที่ผ่านมา และจะอยู่ในตำแหน่งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญจนครบวาระ เนื่องจากจะมีอายุครบ 70 ปี ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 209 ( 2) ในวันที่ 29 พ.ค.นี้ ซึ่งการลาออกจากตำแหน่งประธานศาลรัฐธรรมนูญก่อนครบวาระนั้น นายจรูญ ให้เหตุผลว่า เพื่อให้การปฏิบัติงานของคณะตุลาการฯ ไม่ต้องสะดุดลง เนื่องจากเหตุต้องรอตุลาการศาลรัฐธรรมนูญคนใหม่ ที่จะต้องมาจากการเลือกของที่ประชุมใหญ่ตุลาการ ในการศาลปกครองสูงสุด ซึ่งอาจจะต้องใช้เวลานาน
แต่ทั้งนี้หลังยื่นหนังสือลาออก และแจ้งไปยังสำนักเลขาธิการวุฒิสภาแล้ว เมื่อวันที่ 19 พ.ค. นายจรูญ ยังดำรงตำแหน่งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ และ รักษาการแทนประธานศาลรัฐธรรมนูญ ในฐานะที่เป็นตุลาการที่มีอาวุโสสูงสุด และได้มีการเชิญประชุมคณะตุลาการฯ เพื่อคัดเลือกประธานศาลรัฐธรรมนูญคนใหม่ ในวันที่ 21 พ.ค. โดยในการประชุม มีตุลาการเข้าร่วมทั้งสิ้น 8 คน ขาด นายชัช ชลวร โดยที่ประชุมเห็นชอบกับวาระ และหลักเกณฑ์พิจารณาการเลือกประธานศาลรัฐธรรมนูญคนใหม่ ซึ่ง นายสุพจน์ ไข่มุกด์ ได้เสนอชื่อ นายนุรักษ์ แต่เมื่อถึงขั้นตอนการลงมตินายเฉลิมพล เอกอุรุ และ นายอุดมศักดิ์ นิติมนตรี ขอไม่ใช้สิทธิลงมติ และเดินออกจากห้องประชุม ซึ่งที่ประชุมมีมติเลือก นายนุรักษ์ ด้วยคะแนนเสียง 6 เสียง
สำหรับนายนุรักษ์ ปัจจุบันอายุ 65 ปี เกิดเมื่อวันที่ 24 เม.ย. 2492 จบการศึกษานิติศาสตร์บัณฑิต ม.ธรรมศาสตร์ เคยดำรงตำแหน่งผู้พิพากษาศาลฎีกา ประธานแผนกคดีเยาวชน และครอบครัวในศาลอุทธรณ์ ภาค 7 ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลอุทธรณ์ และรองอธิบดีผู้พิพากษา นอกจากนี้หลังรัฐประหาร เมื่อปี 2549 ยังเคยเป็นสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ 2550 โดยในปี 2551 ได้รับเลือกจากที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา ให้มาดำรงตำแหน่งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งมีการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเมื่อวันที่ 28 พ.ค. 51 และจนถึงปัจจุบันดำรงตำแหน่งมาแล้ว 7 ปี ซึ่ง หากอยู่ดำรงตำแหน่งประธานศาลรัฐธรรมนูญ ตามที่ได้รับเลือกในครั้งนี้ จนครบวาระในปี 2559 ก็จะดำรงตำแหน่งประธานศาลรัฐธรรมนูญรวม 2 ปี
ส่วนตำแหน่งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญที่จะว่างลง จากเหตุ นายจรูญ พ้นจากตำแหน่งนั้น ทางสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ ก็จะมีหนังสือแจ้งไปยังสำนักงานศาลปกครอง เพื่อให้ที่ประชุมใหญ่ตุลาการในศาลปกครองสูงสุด ลงคะแนนลับคัดเลือกตุลาการในศาลปกครองสูงสุดคนหนึ่ง มาดำรงตำแหน่งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 204 ( 2)
ทั้งนี้ สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญได้มีหนังสือกราบเรียนประธานวุฒิสภา เพื่อนำความกราบบังคมทูลเพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯแต่งตั้ง นายนุรักษ์ เป็นประธานศาลรัฐธรรมนูญ คนต่อไป
ทั้งนี้มีรายงานว่า นายจรูญได้ยื่นหนังสือลาออกจากการเป็นประธานศาลรัฐธรรมนูญ เมื่อวันที่ 19 พ.ค.ที่ผ่านมา และจะอยู่ในตำแหน่งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญจนครบวาระ เนื่องจากจะมีอายุครบ 70 ปี ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 209 ( 2) ในวันที่ 29 พ.ค.นี้ ซึ่งการลาออกจากตำแหน่งประธานศาลรัฐธรรมนูญก่อนครบวาระนั้น นายจรูญ ให้เหตุผลว่า เพื่อให้การปฏิบัติงานของคณะตุลาการฯ ไม่ต้องสะดุดลง เนื่องจากเหตุต้องรอตุลาการศาลรัฐธรรมนูญคนใหม่ ที่จะต้องมาจากการเลือกของที่ประชุมใหญ่ตุลาการ ในการศาลปกครองสูงสุด ซึ่งอาจจะต้องใช้เวลานาน
แต่ทั้งนี้หลังยื่นหนังสือลาออก และแจ้งไปยังสำนักเลขาธิการวุฒิสภาแล้ว เมื่อวันที่ 19 พ.ค. นายจรูญ ยังดำรงตำแหน่งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ และ รักษาการแทนประธานศาลรัฐธรรมนูญ ในฐานะที่เป็นตุลาการที่มีอาวุโสสูงสุด และได้มีการเชิญประชุมคณะตุลาการฯ เพื่อคัดเลือกประธานศาลรัฐธรรมนูญคนใหม่ ในวันที่ 21 พ.ค. โดยในการประชุม มีตุลาการเข้าร่วมทั้งสิ้น 8 คน ขาด นายชัช ชลวร โดยที่ประชุมเห็นชอบกับวาระ และหลักเกณฑ์พิจารณาการเลือกประธานศาลรัฐธรรมนูญคนใหม่ ซึ่ง นายสุพจน์ ไข่มุกด์ ได้เสนอชื่อ นายนุรักษ์ แต่เมื่อถึงขั้นตอนการลงมตินายเฉลิมพล เอกอุรุ และ นายอุดมศักดิ์ นิติมนตรี ขอไม่ใช้สิทธิลงมติ และเดินออกจากห้องประชุม ซึ่งที่ประชุมมีมติเลือก นายนุรักษ์ ด้วยคะแนนเสียง 6 เสียง
สำหรับนายนุรักษ์ ปัจจุบันอายุ 65 ปี เกิดเมื่อวันที่ 24 เม.ย. 2492 จบการศึกษานิติศาสตร์บัณฑิต ม.ธรรมศาสตร์ เคยดำรงตำแหน่งผู้พิพากษาศาลฎีกา ประธานแผนกคดีเยาวชน และครอบครัวในศาลอุทธรณ์ ภาค 7 ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลอุทธรณ์ และรองอธิบดีผู้พิพากษา นอกจากนี้หลังรัฐประหาร เมื่อปี 2549 ยังเคยเป็นสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ 2550 โดยในปี 2551 ได้รับเลือกจากที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา ให้มาดำรงตำแหน่งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งมีการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเมื่อวันที่ 28 พ.ค. 51 และจนถึงปัจจุบันดำรงตำแหน่งมาแล้ว 7 ปี ซึ่ง หากอยู่ดำรงตำแหน่งประธานศาลรัฐธรรมนูญ ตามที่ได้รับเลือกในครั้งนี้ จนครบวาระในปี 2559 ก็จะดำรงตำแหน่งประธานศาลรัฐธรรมนูญรวม 2 ปี
ส่วนตำแหน่งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญที่จะว่างลง จากเหตุ นายจรูญ พ้นจากตำแหน่งนั้น ทางสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ ก็จะมีหนังสือแจ้งไปยังสำนักงานศาลปกครอง เพื่อให้ที่ประชุมใหญ่ตุลาการในศาลปกครองสูงสุด ลงคะแนนลับคัดเลือกตุลาการในศาลปกครองสูงสุดคนหนึ่ง มาดำรงตำแหน่งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 204 ( 2)