ปคม.จับสาวใหญ่ตั้งตนเป็นเอเยนต์ค้ามนุษย์ ลวงเหยื่อให้โอนเงินเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปทำงานเป็นหมอนวดที่ประเทศออสเตรเลีย พบประวัติมีหมายจับในคดีฉ้อโกงอีกหลายพื้นที่
วันนี้ (22 ส.ค.) ที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับการค้ามนุษย์ (บก.ปคม.) พล.ต.ต.กิติศักดิ์ ดุรงควิบูลย์ ผบก.ปคม. พ.ต.อ.ชิตภพ โตเหมือน ผกก.1 บก.ปคม. พร้อมด้วย นายเชิดศักดิ์ วิมุทธิกุล ผอ.กองตรวจและคุ้มครองคนหางาน แถลงจับกุม น.ส.ฐิดารัตน์ ศักดิ์คำดวง อายุ 36 ปี อยู่บ้านเลขที่ 64/13 หมู่ 5 ต.โคกขาม อ.เมือง จ.สมุทรสาคร ตามหมายจับศาลอาญา ข้อหาร่วมกันหลอกลวงผู้อื่นว่าสามารถหางานหรือส่งไปทำงานยังต่างประเทศ โดยได้มาซึ่งเงินหรือทรัพย์สินจากผู้ถูกหลอกลวง ตาม พ.ร.บ.จัดหาและคุ้มครองแรงงาน, ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ด้วยข้อความอันเป็นเท็จโดยประการที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน ตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ และร่วมกันฉ้อโกงประชาชน พร้อมของกลาง คอมพิวเตอร์โทรศัพท์มือถือ และบัญชีธนาคาร จับกุมผู้ต้องหาได้ที่บ้านเลขที่ 40/504 หมู่ 4 หมู่บ้านพฤกษา บี ซอย 2 ต.คลองสาม อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี
พล.ต.ต.กิติศักดิ์กล่าวว่า สืบเนื่องจาก น.ส.เอ (นามสมมติ) ได้เข้าร้องทุกข์ต่อ พ.ต.ท.ชูศักดิ์ อภัยภักดิ์ พนักงานสอบสวนผู้ชำนาญการพิเศษ กก.1 บก.ปคม.ว่าได้รู้จักและติดต่อกับผู้ต้องหาผ่านทางอินเทอร์เน็ตโดยมีการโพสต์ข้อความว่าสามารถจะพาไปทำงานหมอนวดและตำแหน่งงานอื่นๆ ที่ประเทศออสเตรเลีย มีรายได้เดือนละ 55,000 บาท มีค่าคอมมิชชันอีก 10% และที่พักให้อยู่ฟรี แต่ผู้ที่สนใจจะต้องเสียเงินค่าสมัครและค่าดำเนินการ 35,000 บาท โดยโอนผ่านบัญชีธนาคารให้ผู้ต้องหา เมื่อหลงเชื่อโอนเงินจำนวนดังกล่าวไปแล้ว กลับไม่ได้เดินทางไปที่ตกลงไว้
ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้เร่งรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ และตรวจสอบการโอนเงินผ่านบัญชีธนาคาร จากนั้นจึงวางแผนจับกุมไว้ได้ สอบสวนผู้ต้องหารับสารภาพว่าก่อเหตุหลอกลวงผู้เสียหายจริง โดยทำเพียงคนเดียวส่วนเงินที่ได้มาได้นำไปใช้จ่ายและเลี้ยงดูแม่ที่ป่วยเป็นอัมพาต อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ได้ขายสินค้าผ่านทางอินเทอร์เน็ตจึงมีความชำนาญในการติดต่อผ่านช่องทางดังกล่าว ส่วนข้อความที่โพสต์ไว้ก็คิดขึ้นเอง
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ยังไม่ปักใจเชื่อคำให้การ โดยจากการตรวจสอบประวัติยังพบว่า มีหมายจับศาลจังหวัดเชียงราย ข้อหาฉ้อโกงประชาชน และหมายจับศาลแขวงจังหวัดนครสวรรค์ ข้อหาฉ้อโกงทรัพย์ติดตัวอยู่ด้วย ซึ่งเจ้าหน้าที่จะเร่งสืบสวนขยายผลไปยังผู้ร่วมกระทำความผิดที่เหลือ และหากผู้ใดที่ถูกผู้ต้องหาหลอกลวง สามารถเข้าชี้ตัวเพื่อแจ้งดำเนินคดีเพิ่มเติมได้ที่ บก.ปคม.
ด้านนายเชิดศักดิ์กล่าวว่า อยากฝากถึงผู้ที่ต้องหางาน หรือเดินทางไปทำงานยังต่างประเทศ ให้ติดต่อโดยตรงกับกรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงาน ดีกว่าไปติดต่อกับนายหน้า หรือบริษัทที่มีการโฆษณาชวนเชื่อผ่านทางเว็บไซต์ต่างๆ เนื่องจากอาจตกเป็นเหยื่อของแก๊งต้มตุ๋นเหล่านี้ได้ นอกจากนี้ยังพบว่าปัจจุบันมีรูปแบบในการหลอกหลวงผู้เสียหายมากมายหลายวิธี จึงต้องเพิ่มความระมัดระวังก่อนจะยอมจ่ายเงินให้กับกลุ่มคนเหล่านี้ ที่ผ่านมาพบว่ามีมูลค่าความเสียหายเกิดขึ้นตั้งแต่หลักหมื่นถึงหลักแสนบาท ส่วนประเทศที่มักจะถูกอ้างว่าสามารถพาไปทำงานมากที่สุด คือ ประเทศเกาหลีใต้ และประเทศญี่ปุ่น
