ดารานางแบบ “อุ้ม-ลักขณา” ร้องกองปราบฯ แจ้งจับเอเยนซี-โมเดลลิ่ง กรุ๊ปไลน์ ฐานหมิ่นประมาท ใส่ร้ายรับงานเอสที “ซั่มกัน” ครั้งละ 1.5 แสนบาท ชี้จะดำเนินคดีให้เป็นอุทาหรณ์ ยันขายความเป็นเซ็กซี่ ไม่ได้ค้าน้ำกาม ท้าพิสูจน์หากรับงานเอสทีจริงพร้อมลาออกจากวงการ
วันนี้ (5 ส.ค.) ที่กองปราบปราม เมื่อเวลา 14.30 น. น.ส.ลักขณา วัธนวงส์ศิริ หรือ “อุ้ม-ลักขณา” ดารานางแบบเซ็กซี่ชื่อดัง พร้อมด้วยนายอภิชาติ จึงวิวัฒนวงศ์ อายุ 49 ปี บิดา เดินทางเข้าพบ พ.ต.อ.อัครวุฒิ์ หลิมรัตน์ ผกก.1 บก.ป. พ.ต.ท.นิคม ชัยเจริญ รอง ผกก.1 บก.ป.เพื่อแจ้งความดำเนินคดีต่อผู้ที่แอบอ้างว่า น.ส.ลักขณาขายบริการทางเพศ โดยมีเอเยนซีระบุว่าเคยส่งดาราสาวรายดังกล่าวไปค้าบริการครั้งละ 1.5 แสนบาท ทั้งที่ไม่เป็นความจริง ทำให้เกิดความเสียหาย โดยนำเอกสารข้อความในไลน์ส่วนตัว และเอกสารที่เกี่ยวข้องมอบไว้เป็นหลักฐาน
น.ส.ลักขณากล่าวว่า ก่อนหน้านี้ตนได้รับข้อความทางไลน์จากผู้หญิงคนหนึ่งว่า รับงาน “เอสที” รึเปล่า ตอนแรกไม่เข้าใจเลยถามว่าเอสทีคืออะไร เขาบอกว่าพี่ไม่รับงานแล้วหรือ จากนั้นบอกว่าเอสทีคืองานขายตัว ตนจึงบอกไปว่าไม่เคยขายตัว ตั้งแต่เข้าวงการมาก็ไม่เคยทำ แล้วก็ได้ถามว่าเขาไปว่าทำไมเข้าใจแบบนั้น และไปเอาไลน์ส่วนตัวของตนมาได้ยังไง เขาก็บอกว่ามีเอเยนซีซึ่งเป็นโมเดลลิ่งที่จัดหาผู้หญิงไปขายบริการให้มา
อุ้ม-ลักขณากล่าวต่อว่า นอกจากนี้ยังมีการบอกเล่ากันว่าตนเคยขายตัวโดยคิดค่าบริการครั้งละ 1.5 แสนบาท แต่ลูกค้าที่ติดต่อเอเยนซีมาบอกว่ายินดีจ่ายให้ถึง 2 แสนบาท แต่ขอให้ติดต่อได้ และเอนเตอร์เทนคือรับงานกินข้าวด้วย เขาจึงไปตามหาตนที่กรุ๊ปไลน์เอสทีซึ่งก็คือตัวย่อจากคำว่า ซัมติง หรือซั่มกัน จนเขาก็ไปตามหาตนในกรุ๊ปนั้น ซึ่งก็มีคนหนึ่งใช้ชื่อว่า “เฟิร์น” อ้างว่าหาได้ เคยส่งตนให้กับลูกค้ามาแล้วในราคาแสนกว่าบาท แต่บอกอีกว่าดูเหมือนว่าเดี๋ยวนี้ตนจะไม่ทำแล้ว เพราะว่ามีเสี่ยเลี้ยง เขาอ้างกันถึงขนาดนี้ นอกจากนี้ยังมีน้องคนหนึ่งชื่อว่า “มีมี่” ตนไม่ทราบว่าเขารู้จักกับชายชื่อเอก แฟนเก่าของตนได้อย่างไร เขาบอกว่าเขาเป็นรุ่นพี่รุ่นน้องกันตอนอยู่ภูเก็ต น้องคนนี้เลยไปขอไลน์บอกว่าจะติดต่อเรื่องงานเรื่องถ่ายแบบ แต่มีมี่ สั่งให้น้องที่ไปขอไลน์อุ้มอย่าพูดว่าเป็นงานเอสที ให้บอกว่าเป็นงานถ่ายแบบ เพราะถ้าบอกว่าเป็นงานเอสทีเขาจะไม่รับ น้องคนนั้นก็เลยถามว่าจะไม่ให้บอกได้ไงเพราะมันคืองานขายตัว แล้วให้โกหกว่าเป็นงานถ่ายแบบ
น.ส.ลักขณากล่าวอีกว่า รายละเอียดตรงนี้ เอกก็ไม่ทราบว่าเป็นงานอะไร คิดว่าเป็นงานถ่ายแบบ เขาเลยให้ไลน์ของตนไป น้องคนนี้ก็เลยไลน์มาหาแล้วก็บอกว่าพี่รับงานเอสทีหรือเปล่า รับอยู่ที่เท่าไหร่ พี่ไม่รับแล้วหรือ มีเสี่ยเลี้ยงแล้วใช่หรือไม่ ตนรู้สึกตกใจว่าทำไมถึงมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นกับตัวเองและเกิดขึ้นบ่อยมาก ก่อนหน้านี้ก็เคยมีการติดต่อมาว่าพร้อมจ่ายค่าตัว 5 แสนบาท แต่เรายืนยันว่าไม่เคยขาย แล้วยังมีการบอกว่า “อุ้มมันขายอยู่แล้ว ลุคแรงๆ อย่างนี้ทำไมจะไม่ขาย” จึงคิดว่าเราควรจะทำอะไรสักอย่างเพื่อออกมาปกป้องตัวเอง
ขณะที่นายอภิชาติ พ่อของอุ้ม-ลักขณา กล่าวว่า มีความประสงค์จะเข้าแจ้งความคนที่ปล่อยข่าวที่ติดต่อมาให้ได้ เพราะหลักฐานทุกอย่างมันมีหมดทั้งชื่อไลน์ เบอร์โทรศัพท์ เรื่องนี้เป็นการกระทำที่เกินเหตุเกินไปทั้งผู้ซื้อและผู้ขาย รู้ว่าผิดแล้วยังจะทำอีก ส่วนเรื่องที่เกิดกับอุ้มหากว่ามีหลักฐานก็เอาออกมาเลย แล้วเราทั้งครอบครัวจะออกจากวงการ ถ้าอุ้มเคยไปทำตอนไหนจะนิ่งเฉยอยู่ทำไม ตนก็เชื่อว่าจะต้องเอามาแฉกันอยู่แล้ว แล้วมาพูดแบบนี้ว่าสร้างราคาให้ตัวเอง ควรจะบอกตำรวจเพราะเป็นเรื่องของกฎหมาย เราอยากทำให้เป็นคดีตัวอย่าง
ผู้สื่อข่าวถามว่า ขณะนี้ทราบแล้วหรือไม่ว่าเขาจะติดต่อไปให้บริการกับใคร เป็นนักธุรกิจ หรือนักการเมือง อุ้ม-ลักขณากล่าวว่า ทราบแล้วว่าเขาติดต่อไปให้ใคร แต่คงขอปรึกษากับทางตำรวจก่อน เราคงเอาเรื่องหมดทุกกรณีที่ทำได้ คือ ปัจจุบันนี้อยากรู้ ว่าใครที่ชอบปล่อยข่าวแบบนี้ออกมา ตนศรัทธาวงการนี้มาก แต่ก็มักจะมีคนกลุ่มหนึ่งที่จ้องทำลายชื่อเสียงของคนในวงการนี้
“อุ้มว่ามันน่าเกลียดนะ เหมือนแบบว่าคุณไปรู้จักเรามาจากไหน พวกโมเดลลิ่งบางคนก็ไปพูดกันว่าอุ้มไม่รับงานกินข้าวนะแต่ขึ้นห้องอย่างเดียวเลย พวกคุณสร้างเรื่องราวกัน ทำแบบนี้ได้ยังไง บางทีก็พูดว่ารับกินข้าวแต่ต้องไปที่ลับๆ เพราะเป็นดาราอะไรแบบนี้ คือมันเป็นการดูถูกอาชีพของเราด้วย หนูขายความเซ็กซี่ก็จริงแต่หนูก็ไม่เคยขายตัว แล้วไม่อยากให้เขาเหมารวม แล้วมันยังมีการเอ่ยไปถึงดาราคนอื่นซึ่งไม่อยากให้เขาไปพูดกัน และส่วนตัวก็ไม่เชื่อว่าดาราจะทำแบบนี้” อุ้ม-ลักขณากล่าว
ด้าน พ.ต.อ.อัครวุฒิ์ กล่าวว่า เบื้องต้นทางพนักงานสอบสวนจะรับเรื่องไว้ ก่อนจะตรวจสอบหลักฐานต่างๆ และสอบปากคำผู้ร้องทุกข์เอาไว้ อย่างไรก็ตาม เท่าที่ได้ฟังคิดว่าน่าจะสามารถดำเนินคดีเอาผิดต่อผู้กระทำการดังกล่าวได้ แต่จะเข้าข่ายความผิดตามกฎหมายใดบ้างคงต้องขอเวลาในการพิจารณาเสียก่อน