“พงศพัศ” กำชับ ตร.เน้นมาตรการเชิงรุกปราบปรามยาเสพติด เอกซเรย์ 20 ชุมชนเป้าหมายทั่วประเทศ พร้อมมอบหมายให้ บช.ปส.เป็นเจ้าภาพบูรณาการเต็มรูปแบบ
วันนี้ (22 ก.ค.) เมื่อเวลา 14.30 น. ที่กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ รอง ผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.อ.วุฒิ ลิปตพัลลภ ที่ปรึกษา (สบ 10) และ พล.ต.ท.วินัย ทองสอง ผู้ช่วย ผบ.ตร. ประชุมมอบนโยบายและติดตามร่งรัดการป้องกันปราบปรามยาเสพติดของทุกหน่วยที่เกี่ยวข้อง มี พล.ต.ท.สุรพล ทวนทอง ผบช.ปส., รอง ผบช.ปส., รอง ผบช.น., ก. และ ภ.1-9 ที่รับผิดชอบงานยาเสพติด รวมทั้งผู้บังคับการตำรวจนครบาล 1-9 และกองบังคับการตำรวจปฏิบัติการพิเศษ เข้าร่วมประชุมรับฟังนโยบาย
พล.ต.อ.พงศพัศกล่าวว่า ในภาพรวมพอใจกับผลงานการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดในรอบ 9 เดือนที่ผ่านมา โดยเฉพาะหลังจากที่ คสช. ได้มีคำสั่งที่ 41/2557 ลง 31 พ.ค. 57 ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ระดมกำลังร่วมกับฝ่ายทหารและฝ่ายปกครองดำเนินการตามมาตรการต่างๆ อย่างเคร่งครัด ทั้งการสกัดกั้นและจับกุมขบวนการลักลอบลำเลียงยาเสพติดที่นำเข้ามาในพื้นที่ตอนกลางของประเทศ โดยสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 12,940 คน ของกลางยาบ้า 7.7 ล้านเม็ด และไอซ์อีก 135.39 กก. อยู่ระหว่างการขยายผลโครงข่ายและเข้าสู่กระบวนการยึดทรัพย์ต่อไป ส่วนการดำเนินการเพื่อหยุดยั้งการแพร่ระบาดของยาเสพติดในชุมชนนั้นทุกสถานีตำรวจก็ได้ดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ทำให้การลักลอบจำหน่ายยาบ้าในชุมชนลดลงไปมาก ส่วนผู้เสพก็ได้รณรงค์นำตัวเข้ารับการบำบัดอย่างต่อเนื่อง
“ที่จะต้องเน้นเป็นพิเศษให้มากขึ้นในช่วงเวลาที่เหลือ ก็คือการเร่งรัดปราบปรามจับกุมและหยุดยั้งการแพร่ระบาดของยาเสพติดในชุมชนเสื่อมโทรม ซึ่งเป็นนโยบายสำคัญที่ พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ รักษาราชการแทน ผบ.ตร. ได้สั่งการให้ทุกหน่วยดำเนินการอย่างเต็มที่ และวันนี้ก็ได้กำชับให้ทุกหน่วยเร่งรัดปฏิบัติการอย่างเข้มข้น โดยจะมีการติดตามและประเมินผลการทำงานอย่างต่อเนื่อง โดยขณะนี้ทุกหน่วยมีข้อมูลชุมชนเสื่อมโทรมอยู่แล้ว ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นชุมชนที่มีสภาพปัญหาทางกายภาพและไม่อาจปรับปรุงได้ในเวลาอันรวดเร็ว เช่น ชุมชนริมทางรถไฟ ชุมชนท่าเรือ หรือชุมชนริมคลอง เป็นต้น และบางแห่งก็เป็นชุมชนที่มีการแพร่ระบาดของยาเสพติดมาเป็นเวลานาน ดังเช่นที่ได้เข้าปฏิบัติการในชุมชนตรงข้ามสถานีรถไฟนครศรีธรรมราช ซี่งทำให้การแพร่ระบาดของยาเสพติดในชุมชนดังกล่าวหยุดลง และนำไปสู่การพัฒนาชุมชนให้เป็นชุมชนเข้มแข็งและชุมชนสีขาวได้ง่ายขึ้น” รอง ผบ.ตร.กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามถึงมาตรการในการดำเนินการ พล.ต.อ.พงศพัศกล่าวว่า จะใช้มาตรการกดดัน ปิดล้อม ตรวจค้น และปราบปรามในพื้นที่ชุมชนเสื่อมโทรมทุกแห่งในทุกพื้นที่ โดยการจับกุมผู้ค้ารายย่อยและเครือข่ายจะมีการขยายผลไปถึงผู้ผลิต ผู้ค้า และผู้ลำเลียงยาเสพติดอย่างเป็นระบบ ในขณะเดียวกันก็จะมีการสืบสวน ติดตามเส้นทางการเงินของเครือข่ายยาเสพติด จากผู้ค้ารายย่อยในชุมชนเพื่อหาความเชื่อมโยงกับเครือข่ายผู้ค้าในระดับที่สูงขึ้น รวมทั้งการเร่งรัดสืบสวนติดตามจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับคดียาเสพติดค้างเก่าที่มีอยู่ด้วย ส่วนผู้เสพก็จะพยายามชักจูงให้สมัครใจเข้ารับการบำบัดรักษาตามความเหมาะสมในแต่ละพื้นที่ โดยได้มอบหมายให้แต่ละสถานีตำรวจดำเนินการอย่างเข้มงวด
“สำหรับการปฏิบัติการเชิงรุกเพื่อปิดล้อมดำเนินการในพื้นที่ชุมชนเสื่อมโทรมบางแห่ง ที่มีการแพร่ระบาดของยาเสพติดในระดับรุนแรง จากข้อมูลทางด้านการสืบสภาพพื้นที่ว่ามีอยู่จำนวน 20 แห่งทั่วประเทศ ซึ่งได้มอบหมายให้กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) เป็นเจ้าภาพบูรณาการร่วมกับกองบัญชาการที่รับผิดชอบพื้นที่ รวมทั้งฝ่ายทหาร ฝ่ายปกครอง และ ป.ป.ส. เพื่อเข้าปฏิบัติการปิดล้อมตรวจค้นและเอกซเรย์เชิงรุกอย่างเด็ดขาด เพื่อหยุดยั้งสถานการณ์การแพร่ระบาดของยาเสพติดในชุมชนเสื่อมโทรมดังกล่าวในทันที ชุมชนเหล่านี้ทุกคนในพื้นที่ทราบเป็นอย่างดีและกระจายอยู่ทั้งในพื้นที่ กทม.และต่างจังหวัด ตำรวจในแต่ละพื้นที่ได้ติดตามเฝ้าระวังมาโดยตลอด แต่เมื่อปัญหาการแพร่ระบาดยังไม่หมดไปและประชาชนยังคงได้รับความเดือดร้อนจากปัญหาดังกล่าว ก็จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องบูรณาการกำลังเข้าไปดำเนินการอย่างเข้มข้นเพื่อให้ปัญหาทั้งในเรื่องของยาเสพติดและอาชญากรรมที่เกี่ยวเนื่องหมดไปให้ได้ในที่สุด” พล.ต.อ.พงศพัศกล่าว