รอง ผบ.ตร. ด้านความมั่นคง มีวิทยุในราชการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ สั่งการทุกหน่วยในสังกัด กำหนดมาตรการปราบปรามและหยุดยั้งการแพร่ระบาดของยาเสพติด ยับยั้งการแพร่ระบาดของยาเสพติดในพื้นที่ กทม. ปริมณฑล และเมืองใหญ่
วันนี้ (26 มิ.ย.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง รอง ผบ.ตร. รับผิดชอบงานด้านปราบปรามยาเสพติด มีวิทยุในราชการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ถึง ผบช.น. บช.ภ1-9 ศชต. บช.ก. สตม. บช.ส. สยศ.ตร. และ บช.ปส. เพื่อกำหนดมาตรการปราบปรามและหยุดยั้งการแพร่ระบาดของยาเสพติดยับยั้งการแพร่ระบาดของยาเสพติดในพื้นที่ กทม. ปริมณฑล และเมืองใหญ่ที่เป็นแหล่งแพร่ระบาด โดยอ้างถึงคำสั่ง คสช. ที่ 41/2557 ลงวันที่ 31 พ.ค. 2557 เรื่อง การปราบปรามยาเสพติด โดยให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ส่วนราชการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องบูรณาการการปฏิบัติร่วมกัน และข้อสั่งการในที่ประชุม ศปก.ตร. วันที่ 25 มิ.ย. 2557 ให้กำหนดมาตรการยับยั้งการแพร่ระบาดยาเสพติดในพื้นที่ กทม. และปริมณฑล รวมทั้งเมืองใหญ่ที่เป็นแหล่งแพร่ระบาด และเพื่อให้การดำเนินการตามข้อสั่งการดังกล่าว เป็นไปด้วยความเรียบร้อยเห็นผลเป็นรูปธรรม และการปฏิบัติเป็นไปในทิศทางเดียวกัน จึงกำหนดมาตรการยับยั้งการแพร่ระบาดของยาเสพติดในพื้นที่ กทม. ปริมณฑล และเมืองใหญ่ที่เป็นแหล่งแพร่ระบาด โดยให้ทุกหน่วยดำเนินการต้อข้อเรียกร้องของประชาชน โดยให้ความใส่ใจและแก้ไขอย่างเร่งด่วน ส่งผลให้ปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนที่เกิดจากปัญหายาเสพติดในพื้นที่ลดลง ประชาชนให้ความเชื่อมั่นไว้วางใจในการแจ้งข้อมูลข่าวสาร ความคุมและยังยั้งการแพร่ระบาดของยาเสพติดในหมู่บ้าน หรือชุมชน รวมทั้งให้มีการเพิ่มความเข้มในการปิดล้อมตรวจค้นหมู่บ้านหรือชุมชนที่มีการแพร่ระบาด หรือที่ปรากฏว่าเป็นแหล่งเก็บพักซุกซ่อนยาเสพติด โดยเฉพาะผู้ค้าตามหมายจับค้างเก่าในหมู่บ้านและชุมชน พร้อมทั้งสืบสวนขยายผล สืบสวนเส้นทางการเงิน และดำเนินการตามมาตรการทางด้านทรัพย์สิน และเป็นการกดดันชักจูงให้ผู้เสพ และผู้ติดยาเสพติดเข้าสู่กระบวนการบำบัดรักษาที่เหมาะสม
“ให้เร่งรัดการจัดระเบียบสังคม เพื่อขจัดปัจจัยเงื่อนไขที่เป็นแหล่งมั่วสุมหรือชักนำไปสู่ปัญหายาเสพติด และปัญหาสังคม โดยตรวจตราปิดล้อมตรวจค้นสถานบันเทิง หอพัก ร้านเกม ร้านอินเทอร์เน็ต โต๊ะสนุกเกอร์ สวนสาธารณะที่เป็นแหล่งมั่วสุม ร้านค้าที่แอบแฝงจำหน่ายยาเสพติด และสิ่งผิดกฎหมาย กลุ่มแข่งรถจักรยานยนต์ซิ่งผิดกฎหมาย และให้รวบรวมข้อมูลสถานที่ บุคคลที่มีพฤติการณ์เกี่ยวข้องกับยาเสพติด เพื่อกำหนดเป็นเป้าหมายในการสืบสวนและเฝ้าระวังของแต่ละหน่วย ให้หน่วยพื้นที่ที่มีสถานประกอบการ โรงงานจำนวนมาก เพิ่มความเข้มในการตรวจตรากวดขันไม่ให้สถานประกอบการ โรงงานเป็นแหล่งค้าและแพร่ระบาดยาเสพติด เนื่องจากผู้ใช้แรงงานเป้นกลุ่มที่ใช้ยาเสพติดค่อนข้างสูง ตั้งจุดตรวจ จุดสกัด เพื่อสกัดกั้นการลำเลียงยาเสพติด บนถนนสายหลัก สายรอง และพื้นที่รอยต่อเขตการสอบสวน โดยการสนธิกำลังระหว่าง สน. และ สภ. และให้ตั้งจุดตรวจเด็กและเยาวชนที่ออกเที่ยวเตร่ตอนกลางคืนเกินเวลา 22.00 น. ในพื้นที่เป้าหมายที่ใกล้กับสถานศึกษา เพื่อแก้ไขปัญหาเยาวชนที่เป็นกลุ่มเสี่ยง และเพิ่มความเข้มในการดำเนินการตามโครงการครูตำรวจ D.A.R.E.เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่เด้กและเยาวชนก่อนวัยเสี่ยง” คำสั่งดังกล่าวระบุ
คำสั่งดังกล่าวระบุด้วยว่า นอกจากนี้ ให้จัดประชุมโต๊ะข่าวร่วมกันของหน่วยพื้นที่รอยต่อเขตการสอบสวนระหว่าง สน./สภ. เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูล สถานการณ์ยาเสพติด และเป็นการติดตามความคืบหน้าในการสืบสวนปราบปรามผู้ค้ารายย่อย หรือรายสำคัญที่เป็นเป้าหมายร่วมกัน และจัดชุดมวลชนสัมพันธ์ให้เข้าถึงพื้นที่หมู่บ้าน หรือชุมชนที่มีการแพร่ระบาด โดยการปฏิบัติการทางจิตวิทยา ประชาสัมพันธ์ ชี้แจงทำความเข้าใจ และสร้างความมั่นใจให้แก่ประชาชน โดยเฉพาะผู้นำชุมชนให้เข้ามามีส่วนร่วมในการป้องกันและแก้ไขปัญหา เป็นการเสริมสร้างความเข้มแข็งให้แก่หมู่บ้านหรือชุมชน เพื่อให้สามารถเฝ้าระวังและแก้ไขปัญหายาเสพติดในหมุู่บ้านหรือชุมชนของตนเองได้