บช.น.แถลงผลจับกุมผู้ต้องหาปลอมบัตรเครดิตผู้อื่น สั่งซื้อขายทองคำผ่านเว็บไซต์ อ้างรับข้อมูลบัตรเครดิตมาจากชายชาวต่างชาติและหญิงไทยไม่ทราบชื่อย่านนานา โดยไม่รู้เป็นขบวนการฟอกเงิน
วันนี้ (17 ก.ค.) ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ต.ชาญเทพ เสสะเวช รอง ผบช.น. พร้อมด้วย พ.ต.อ.ฤชากร จรเจวุฒิ รอง ผบก.น.6 พ.ต.อ.นพสิทธิ์ มิตรภักดี ผกก.สส.บก.น.6 พ.ต.อ.พรชัย จุณณวัตต์ ผกก.สน.จักรวรรดิ พ.ต.ท.ศาสตรา อ่อนรัศมี รอง ผกก.สส.บก.น.6 พ.ต.ท.บุญฤทธิ์ เสียงใส สว.กก.สส.บก.น.6 พ.ต.ท.สมศักดิ์ พรสง่ากุล สว.สส.บก.น.6 ร่วมกันแถลงผลการจับกุมผู้ต้องหานำบัตรเครดิตของผู้อื่นมาใช้ ประกอบด้วย นายธณพล ฟูเกียรตินิยม อายุ 53 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ ที่ 423/2557 และนายวิจิตร กอเลิศสุชัย อายุ 48 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ ที่ 424/2557 ในข้อหาร่วมกันใช้บัตรอิเลคทรอนิกส์ของผู้อื่นโดยมิชอบ ในประการที่น่าจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน และการกระทำดังกล่าวเป็นการกระทำที่เกี่ยวกับบัตรอิเล็กทรอนิกส์ที่ผู้อื่นออกให้ผู้มีสิทธิ์ใช้ เพื่อใช้ประโยชน์ในการชำระสินค้า ค่าบริการ หรือหนี้อื่นๆ แทนการชำระด้วยเงินสด หรือใช้เบิกเงินสด
พล.ต.ต.ชาญเทพกล่าวว่า การแถลงข่าวกรณีแก๊งคนร้ายข้ามชาติใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่น โดยการโอนเงินและซื้อของจากบัตรเครดิต ซึ่งจากการตรวจสอบมีความผิดปกติในการรูดซื้อสินค้าและมีข้อมูลหลายรายการที่น่าสงสัย ทางเจ้าหน้าที่จึงติดตามตัวบุคคลดังกล่าว
ด้าน พ.ต.อ.ฤชากรกล่าวว่า เจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งเบาะแสกรณีการทำธุรกรรมทางการเงินผิดปกติ จึงติดตามกลุ่มบุคคลต้องสยสัยดังกล่าว พบว่ามีการสั่งซื้อทองคำผ่านทางหน้าเว็บไซต์ร้านทองเล่งหงส์ ถนนเยาวราช โดยใช้ชื่อหรือไอดีการ์ดสั่งซื้อแค่คนเดียว แต่กรอกข้อมูลบัตรเครดิต 57 รายการ ซึ่งแต่ละรายการมีข้อมูลไม่เหมือนกัน ทางเจ้าหน้าที่จึงทำการตรวจสอบและคาดว่าจะมีการทุจริตเกิดขึ้น โดยเมื่อวันที่ 16ก.ค.ที่ผ่านมา นายธณพลได้มาติดต่อที่ร้านทองเล่งหงส์ และนำเอกสารการสั่งซื้อทองคำที่ระบุว่าจะขายทองคำให้จำนวน 8 รายการ รวมทั้งการยืนยันให้ซื้อทองจากร้านทองดังกล่าว เมื่อเจ้าหน้าที่ทำการตรวจสอบเอกสาร พบว่าเป็นเอกสารที่ปรินต์มากจากหน้าเว็บไซต์ และเอกสารที่ปรินต์มาจากอีเมล แต่ไม่มีสำเนาบัตรเครดิตและสำเนาพาสปอร์ตของเจ้าของบัตรเครดิตเลย
ด้าน พ.ต.อ.ฤชากรกล่าวต่อว่า ขณะที่สอบสวนนายธณพลอยู่นั้น ได้มีโทรศัพท์จากนายวิจิตรสอบถามถึงทองคำดังกล่าว ทางเจ้าหน้าที่จึงได้นำตัวนายวิจิตรมาสอบถามเพิ่มเติม โดยทั้งคู่อ้างว่าได้รับข้อมูลบัตรเครดิตมาจากชายชาวต่างชาติและหญิงไทยไม่ทราบชื่อย่านนานา โดยระบุว่าให้ทั้งสองติดต่อซื้อของทางอินเทอร์เน็ต และจะมีขบวนการจัดซื้อของตามลำดับ
จากการสอบสวนข้อมูลบัตรเครดิตต่างๆ เจ้าของบัตรเครดิตทั้งหมดอาศัยอยู่ที่สหรัฐอเมริกา โดยไม่ทราบว่ามีการทำธุกรรมบัตรเกิดขึ้น เพราะบัตรเครดิตบางส่วนถูกอายัด ถูกขโมย และแจ้งสูญหายไว้ คาดว่าจะมีการกระทำเช่นนี้เป็นเครือข่าย โดยการแบ่งหน้าที่การทำงาน อาทิ การจัดหาข้อมูลต่างๆ และการนำสินค้าไปจำหน่าย เพื่อเป็นการฟอกเงินให้มาอยู่ในระบบตามปกติ ทั้งนี้ ผู้ต้องหาทั้ง 2 คนให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา โดยอ้างว่าการติดต่อซื้อทองและไปรับทองนั้นตนไม่รู้เรื่อง เพียงแค่มารับทองแทนเพื่อนเท่านั้น