เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.จักรวรรดิ และตำรวจสืบสวนนครบาล 6 จับกุมนายธณพล ฟูเกียรตินิยม และนายวิจิตร กอเลิศสุชัย ตามหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ ในข้อหาร่วมกันใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่นโดยมิชอบ ในประการที่น่าจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน และการกระทำดังกล่าวเป็นการกระทำเกี่ยวกับบัตรอิเล็กทรอนิกส์ที่ผู้ออกได้ออกให้แก่ผู้มีสิทธิ์ เพื่อใช้ประโยชน์ในการชำระค่าสินค้า ค่าบริการ หรือหนี้อื่นแทนการชำระด้วยเงินสด หรือใช้เบิกเงินสด หลังสืบทราบว่ามีกลุ่มคนร้ายนำข้อมูลบัตรเครดิตผู้อื่นมาซื้อทองคำจากร้านทอง ย่านเยาวราช
จากการตรวจสอบพบนายธณพล และนายวิจิตร นำเอกสารมาติดต่อขอรับทองคำ โดยระบุได้รับการว่าจ้างจากชายต่างชาติผิวดำ และหญิงไทยไม่ทราบชื่อ ให้เปิดบัญชีเพื่อซื้อทองคำทางอินเทอร์เน็ตจากร้านทอง จากนั้นนำเอาข้อมูลบัตรเครดิตของผู้เสียหายชาวอเมริกามาทำธุรกรรมทางการเงินในการซื้อทองคำ โดยหลังทำธุรกรรมสำเร็จได้เดินทางมาที่ร้านทอง เพื่อขอรับทองคำ แต่ถูกจับกุมก่อน เบื้องต้นผู้ต้องหาอ้างรู้จักกับหญิงชาวไทย และชายผิวดำที่ย่านนานา และได้รับการว่าจ้างโดยได้ค่าจ้างคนละ 1 หมื่นบาท
ทั้งนี้ พบมีการใช้ข้อมูลบัตรเครดิตของผู้เสียหาย 57 ราย เป็นเงินกว่า 3 ล้านบาท ซึ่งผู้เสียหายบางรายได้อายัดการทำธุรกรรมทางการเงินไปแล้ว แต่บางส่วนยังไม่ได้อายัด ทำให้ทำธุรกรรมสำเร็จ 8 ราย เป็นเงินกว่า 1 ล้านบาท สอบประวัติ นายธณพล มีประวัติหลบหนีหมายจับ สน.บางรัก คดีปลอมแปลงเอกสารด้วย
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันพบว่ากลุ่มคนร้ายจะใช้วิธีทำธุรกรรมทางการเงินผ่านทางอินเทอร์เน็ต โดยไม่จำเป็นต้องนำบัตรเครดิตมารูดซื้อหน้าร้าน ทำให้ไม่ถูกตรวจสอบ ซึ่งเจ้าหน้าที่ฝากเตือนร้านค้าที่เปิดบริการทำธุรกรรมทางอินเทอร์เน็ต ควรเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบยืนยันกับผู้ให้บริการทางการเงิน เพื่อป้องกันความเสียหาย
จากการตรวจสอบพบนายธณพล และนายวิจิตร นำเอกสารมาติดต่อขอรับทองคำ โดยระบุได้รับการว่าจ้างจากชายต่างชาติผิวดำ และหญิงไทยไม่ทราบชื่อ ให้เปิดบัญชีเพื่อซื้อทองคำทางอินเทอร์เน็ตจากร้านทอง จากนั้นนำเอาข้อมูลบัตรเครดิตของผู้เสียหายชาวอเมริกามาทำธุรกรรมทางการเงินในการซื้อทองคำ โดยหลังทำธุรกรรมสำเร็จได้เดินทางมาที่ร้านทอง เพื่อขอรับทองคำ แต่ถูกจับกุมก่อน เบื้องต้นผู้ต้องหาอ้างรู้จักกับหญิงชาวไทย และชายผิวดำที่ย่านนานา และได้รับการว่าจ้างโดยได้ค่าจ้างคนละ 1 หมื่นบาท
ทั้งนี้ พบมีการใช้ข้อมูลบัตรเครดิตของผู้เสียหาย 57 ราย เป็นเงินกว่า 3 ล้านบาท ซึ่งผู้เสียหายบางรายได้อายัดการทำธุรกรรมทางการเงินไปแล้ว แต่บางส่วนยังไม่ได้อายัด ทำให้ทำธุรกรรมสำเร็จ 8 ราย เป็นเงินกว่า 1 ล้านบาท สอบประวัติ นายธณพล มีประวัติหลบหนีหมายจับ สน.บางรัก คดีปลอมแปลงเอกสารด้วย
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันพบว่ากลุ่มคนร้ายจะใช้วิธีทำธุรกรรมทางการเงินผ่านทางอินเทอร์เน็ต โดยไม่จำเป็นต้องนำบัตรเครดิตมารูดซื้อหน้าร้าน ทำให้ไม่ถูกตรวจสอบ ซึ่งเจ้าหน้าที่ฝากเตือนร้านค้าที่เปิดบริการทำธุรกรรมทางอินเทอร์เน็ต ควรเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบยืนยันกับผู้ให้บริการทางการเงิน เพื่อป้องกันความเสียหาย