ป.ป.ท. ลงพื้นที่ตรวจสอบนายทุนบุกรุกที่ป่าสงวนแห่งชาติตามคำสั่ง คสช. พบรีสอร์ตหรูบุกรุกพื้นที่โดยรอบกว่า 800 ไร่ในระยะเวลาไม่เกิน 1 ปี
วันนี้ (9 ก.ค.) ที่ จ.สระบุรี เมื่อเวลา 13.00 น. นายประยงค์ ปรียาจิตต์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) พร้อมด้วย พล.ต.ทิวะพร ชะนะพะเนาว์ รองหัวหน้าฝ่ายกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) นายวิเชียร พุฒิวิญญู ผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรี นายสมศักดิ์ เร่งเพียร ผู้อำนวยการสำนักจัดการ ทรัพยากรป่าไม้ที่ 5 (สระบุรี) และ พ.ต.อ.สามารถ แก้วมณี ผกก.สภ.มวกเหล็ก นำกำลังเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ จนท.กอ.รมน.จนท. ฝ่ายปกครอง และเจ้าหน้าที่กรมป่าไม้ ลงพื้นที่ตรวจสอบการบุกรุกที่ป่าสงวนแห่งชาติ บริเวณ ม. 5 ต.หนองย่างเสือ อ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี
นายประยงค์ กล่าวว่า ได้รับการร้องเรียนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่าพบการลักลอบบุกรุกป่าสงวนแห่งชาติป่าท่าฤทธิ์ - ลำทองหลาง ในเขต จ.สระบุรี ซึ่งก่อนหน้านี้ ได้ประสาน กอ.รมน. กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช ตรวจสอบเบื้องต้นพบว่ามีการบุกรุกเข้าไปสร้างรีสอร์ตขนาดใหญ่เนื้อที่กว่า 522 ไร่ ชื่อ ฮิลไซด์ รีสอร์ท ซึ่งเปิดให้บริการแล้ว และบางส่วนยังได้ประกาศแบ่งขายที่ดินที่มีเอกสาร ภทบ.5 ในราคาตารางวาละ 2,500 บาท หรือไร่ละ 1,000,000 บาท ซึ่งป.ป.ท. ลงพื้นที่ครั้งนี้เพื่อเปิดปฏิบัติการทวงคืนผืนป่า และดำเนินการให้เป็นไปตามคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ฉบับที่ 64/2557 ที่ระบุให้มีการจัดการกับขบวนการบุกรุกพื้นที่ป่าและทำลายทรัพยากรธรรมชาติ โดยป.ป.ท. จะอาศัยอำนาจตามมาตรา 69 ดำเนินการกับเจ้าหน้าที่ปล่อยปละละเลยให้มีการบุกรุกป่าสงวน
อย่างไรก็ตาม หลังได้รับเรื่องร้องเรียนและแจ้งให้กรมป่าไม้เข้าตรวจสอบดำเนินการ ปรากฏว่า ผ่านไปหนึ่งปีกลับพบว่ามีการขยายแนวการก่อสร้างบุกรุกพื้นที่เพิ่มเติมจากเดิมกว่า 522 ไร่ เป็นกว่า 800 ไร่
เลขาธิการ ป.ป.ท. กล่าวต่อว่า สำหรับ ฮิลไซด์ รีสอร์ท มีการปรับพื้นที่ด้านหน้าเปิดให้บริการกับนักท่องเที่ยวโดยเปิดเป็นร้านกาแฟ ร้านอาหาร ฟาร์มเลี้ยงแกะ และในบริเวณเดียวกันยังปรับแต่งเป็นทุ่งหญ้ามีการปลูกสร้างอาคารขนาดใหญ่ 4-5 ห้องนอนหลายหลัง สภาพด้านเข้าไปอีกยังพบพื้นที่ภูเขาลักษณะสูงชัน มีการก่อสร้างบันไดคอนกรีตจำนวน 384 ขั้น ขึ้นไปบนยอดเขาและปรับบริเวณยอดเขาให้เป็นจุดชมวิว มองเห็นทิวทัศน์ 360 องศา
ด้าน นายสมศักดิ์ เร่งเพียร ผอ.สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 5 กรมป่าไม้ กล่าวว่า หลังเข้ารับตำแหน่งได้สั่งการให้ผู้ใต้บังคับบัญชาตรวจสอบที่ดินดังกล่าว โดยผู้ครอบครองอ้างว่ามีเอกสารสิทธิ แต่เมื่อตรวจสอบไปที่ต้นขั้ว พบว่าสำเนาเอกสาร ส.ป.ก. ไม่ตรงกัน จึงเชื่อว่าอาจมีการนำเอกสารสิทธิที่ดินแปลงอื่นมาสวมทับเพื่อใช้กล่าวอ้างครอบครองที่ดิน ป่าไม้ จึงเข้าแจ้งความดำเนินคดีและเร่งดำเนินการสั่งให้เพิกถอนสิ่งปลูกสร้าง หากผู้ครอบครองไม่ยอมรื้อถอนเจ้าหน้าที่ป่าไม้จะเข้ารื้อถอนและคิดค่ารื้อถอนจากผู้ครอบครอง อย่างไรก็ตามในขั้นตอนนี้กฎหมายไม่เปิดช่องให้มีการเจรจาขอเช่าที่ดิน ซึ่งจะต้องรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างทั้งหมดออกไปก่อน แล้วค่อยเจรจาขอใช้พื้นที่อย่างถูกต้องต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าระหว่างการตรวจพื้นที่มี นางสมพิศ สารมโน อายุ 65 ปี นำเอกสารการครอบครองที่ดินในพื้นที่อยู่ติดกับฮิลไซด์ รีสอร์ท มาแสดงกับเจ้าหน้าที่ โดยระบุว่า ที่ดินดังกล่าวตนได้เข้ามาทำกินอยู่นานแล้ว แต่ปี 2552 ถูกนายทุนบุกรุกยึดที่ทำกินมาทำรีสอร์ท ซึ่งเลขาธิการป.ป.ท.ได้รับเรื่องไปตรวจสอบ
ทั้งนี้ ในวันเดียวกัน เลขาธิการ ป.ป.ท. พร้อมคณะได้เข้าไปตรวจสอบการบุกรุกพื้นที่ใกล้เคียงกัน คือ น๊อตติ้ง ฮิลล์ รีสอร์ท พบว่ามีการตัดถนนขึ้นไปบนเขาและมีการก่อสร้างอาคาร 3 หลัง มีการวางระบบสาธารณูปโภคทั้งไฟฟ้า และน้ำประปา นอกจากนี้ ยังมีการปรับพื้นที่เป็นแปลงในลักษณะพร้อมจัดสรรขาย เบื้องต้นจากการตรวจสอบการบุกรุกเขตป่าสงวนจำนวน 6 ไร่ แต่ยังต้องตรวจสอบให้ชัดเจนถึงพื้นที่โดยรอบว่ามีการบุกรุกเพิ่มเติมหรือไม่ ในส่วน ป.ป.ท. จะเร่งรัดส่วนราชการให้ดำเนินการหยุดยั้งการทำลายทรัพยากรป่าไม้โดยเร็ว หากพบว่ามีนายทุนอยู่เบื้องหลังจะรายงาน คสช. ให้ใช้มาตรการตามสมควร เพื่อหยุดยั้งการทำลายทรัพยากร ทั้งนี้ เฉพาะในเขตพื้นที่สระบุรีมีการบุกรุกในลักษณะเดียวกันหลายแห่ง ซึ่ง ป.ป.ท. อยู่ระหว่างสืบสวนโดยเฉพาะรีสอร์ทขนาดใหญ่ที่มีการบุกรุกพื้นที่ป่ากว่า 1,200 ไร่
เลขาธิการ ป.ป.ท. กล่าวต่อว่า ในวันที่ 15 ก.ค. นี้ จะครบกำหนด 30 วันตามที่ คสช. มีคำสั่งให้ทุกส่วนราชการส่งรายงานทางวินัยและปกครองกับข้าราชการที่กระทำผิด ซึ่งขณะนี้เหลืออีกหนึ่งสัปดาห์จะครบกำหนดจึงขอเตือนไปยังหัวหน้าส่วนราชการให้รีบดำเนินการให้แล้วเสร็จหากเพิกเฉยหัวหน้าส่วนราชการจะถูกดำเนินการทางวินัยเอง