ศาลเลื่อนอ่านอุทธรณ์คดี “สมชาย ไพบูลย์” แนวร่วม นปช.ปลุกระดมก่อความวุ่นวายปี 53 ไป 8 ส.ค.นี้ เหตุจำเลยป่วยอ้างท้องเสียและยื่นใบรับรองแพทย์
วันนี้ (20 มิ.ย.) ที่ห้องพิจารณา 910 ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดอ่านคำพิพากษาคดีดำ อ.2543/2553 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 4 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายสมชาย ไพบูลย์ อายุ 45 ปี อดีต ส.ข.เขตบางบอน พรรคไทยรักไทย และแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เป็นจำเลยฐานร่วมกันกระทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจาเพื่อให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน, มั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไปใช้กำลังประทุษร้ายให้เกิดความวุ่นวายขึ้นในบ้านเมืองโดยมีอาวุธ ซึ่งเจ้าพนักงานสั่งให้เลิกแล้วไม่เลิก ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116, 215, 216 และร่วมกันชุมนุมฝ่าฝืน พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 มาตรา 5, 9, 11, 18
โจทก์ฟ้องสรุปว่า เมื่อระหว่างวันที่ 8-10 เม.ย. 2553 ภายหลังที่รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง จำเลยกับพวกซึ่งมีจำนวนตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป ร่วมกันชุมนุมและมั่วสุม ที่เวทีผ่านฟ้าลีลาศ และเวทีราชประสงค์ โดยจำเลยกับพวกทราบคำสั่งเจ้าพนักงานแล้วยังขัดขืนคำสั่งของเจ้าหน้าที่ไม่เลิกการชุมนุม และยังใช้กำลังทำร้ายเจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจ โดยมีอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิดไม่ทราบชนิด ขนาด มีด ดาบ ท่อนไม้ ท่อนเหล็ก หนังสติ๊กหลายชิ้น ไม่ทราบจำนวนแน่ชัด เป็นอาวุธ เป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่ทหาร ประชาชนได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก รวมทั้งทรัพย์สินของทางราชการและประชาชนเสียหาย เหตุเกิดที่แขวงตลาดยอด, แขวงวัดโสมนัส, แขวงบวรนิเวศ เขตพระนคร, แขวง-เขตดุสิต แขวงลุมพินี แขวง-เขตปทุมวัน กทม. จำเลยปฏิเสธ
คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษา จำคุก 1 ปี ฐานร่วมกันก่อให้เกิดความไม่สงบขึ้นในราชอาณาจักรและให้ประชาชนล่วงละเมิดต่อกฎหมาย ตามมาตรา 116 โดยพฤติการณ์แห่งคดีมีความร้ายแรง ส่งผลให้กลุ่มผู้ชุมนุมปะทะกับเจ้าหน้าที่ของรัฐจนมีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต กรณีจึงไม่มีเหตุรอการลงโทษ ภายหลังนายสมชายได้ยื่นหลักทรัพย์เป็นเงินสดจำนวน 100,000 บาท ขอปล่อยชั่วคราวระหว่างต่อสู้คดีในชั้นอุทธรณ์
โดยในวันนี้ทนายความของนายสมชายได้ยื่นคำร้องขอเลื่อนนัดฟังคำพิพากษาออกไปก่อนเนื่องจากนายสมชายมีอาการป่วยท้องเสีย อาเจียน และร่างกายอ่อนเพลีย พร้อมนำใบรับรองแพทย์มามอบให้เป็นหลักฐาน ศาลพิจารณาแล้วเห็นว่ามีเหตุอันควรจึงให้เลื่อนนัดฟังคำพิพากษาเป็นวันที่ 8 ส.ค.นี้ เวลา 09.30 น.
