สน.พระอาทิตย์
เป็นความพยายามอีกก้าวของ “บิ๊กกุ้ย”พล.ต.อ.วัชรพล ประสานราชกิจ รักษาการแม่ทัพใหญ่กรมปทุมวัน ในการจัดแถวสีกากี ให้เป็นที่พึ่งของประชาชน เป็นต้นธารกระบวนการยุติธรรมและบังคับใช้กฎหมายตามหน้าที่อย่างสมบูรณ์ ไม่เอียงกะเท่เร่เหมือนที่ผ่านมา ด้วยการออกคำสั่ง “ห้ามตำรวจข้องแวะนักการเมือง ผู้มีอิทธิพลและกลุ่มผลประโยชน์ต่างๆ”
หลังจากก่อนหน้านี้ ตั้งแต่ “บิ๊กกุ้ย” รับดาบอาญาสิทธิ์จากพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบเรียบร้อย(คสช.)ปรับทัพจัดทิศสำนักงานตำรวจแห่งชาติครั้งใหม่ แทนพล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร.พยายามโชว์การทำงานให้สมราคาที่ขุนทหารไว้วางใจทั้งการสั่งย้ายตำรวจที่ใกล้ชิดขั้วอำนาจการเมืองเก่าเข้ากรุรวมทั้งเดินเครื่องปฏิรูปตำรวจ ตามเสียงเรียบร้องจากสังคมและประชาชนเสียงส่วนใหญ่
แต่ดูเหมือนว่า การ “สั่งเด้ง”ตำรวจที่ใกล้ชิดขั้วการเมืองเก่าทั้งระดับผู้บัญชาการ รองผู้บัญชาการ ผู้บังคับการ และผู้กำกับการ 20-30 ราย ไม่ได้ทำให้การปฏิบัติภารกิจของ คสช.ที่ต้องการจัดบ้านแปลงเมืองใหม่ให้เข้ารูปเข้ารอยสะดวกโยธินตามที่ต้องการ เพราะนอกจากทำให้ตำรวจเกิดความระส่ำกันแล้ว“ตำรวจมะเขือเทศ”หลายคนก็ไม่ได้เกรงกลัวต่อมาตรการเด้งของพล.ต.อ.วัชรพลเท่าไหร่นัก ตรงกันข้ามมาตรการนี้ไม่ได้ทำให้ “ตำรวจมะเขือเทศ” หลายคนหวั่นเกรงบางส่วนบางคนยังคงแอบช่วยเหลือสนับสนุนกลุ่มที่ต่อต้าน คสช.อย่างลับๆเหมือนอย่างกรณี “หนูหริ่ง”สมบัติ บุญงามอนงค์ บก.ลายจุดบุคคลที่ คสช.ประกาศให้เข้ามารายงานตัวตามคำสั่งแอบหลบซ่อนตัวอยู่บ้านเช่าหลังหนึ่ง ในพื้นที่อำเภอพานทอง จังหวัดชลบุรีและโพสต์เฟซบุ๊กระดมมวลชนเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐประหารอย่างโจ๋งครึ่มโดยที่ตำรวจท้องที่ไม่ได้ดำเนินการใดๆ
ทั้งๆที่ตามหน้าที่ โดยเฉพาะตามสถานการณ์บ้านเมืองที่มีการประกาศรัฐประหารและมีคำสั่งบุคคลเข้ารายงานตัว บุคคลใดที่หลีกเลี่ยงหลบหนีการเข้ารายงาตัวคำสั่งคสช. เจ้าหน้าที่จะต้องช่วยกันติดตามควบคุมตัว ยิ่ง “บก.ลายจุด”ไม่ใช่คนโนเนมไม่มีใครรู้จัก การเข้ามาอยู่ในพื้นที่ตำรวจพื้นที่จะต้องรับรู้แต่นี่กลับนิ่ง จนไอซีทีต้องร่วมกับทหารเข้าควบคุมตัวโดยที่เจ้าหน้าที่ทหารไม่มีการประสานตำรวจท้องที่ให้ล่วงรู้เหมือนกลัว “ข่าวรั่ว”
ที่สำคัญเมื่อตรวจเช็คพื้นที่ที่ “บก.ลายจุด”แอบเข้ามาซุกซ่อนตัวมีชื่อ พ.ต.อ.อนุชา พงษ์เรืองรอง ซึ่งมีสายสัมพันธ์เป็นเครือญาติ “กี้”อริสมันต์ พงษ์เรืองรอง แกนนำคนเสื้อแดง ดำรงตำแหน่งผกก.สภ.พานทอง
ว่ากันว่า พ.ต.อ.อนุชา ก้าวขึ้นเป็น ผกก.พานทองในช่วงพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาล และกลุ่มคนเสื้อแดงเรืองอำนาจ ทำให้มีการขยับพ.ต.ท.อนุชา จาก รอง ผกก.สภ.แสนสุข จ.ชลบุรี ซึ่งมีอาวุโสลำดับท้ายๆ ข้ามขึ้นมาเป็นผกก. อยู่ในโรงพักระดับแนวหน้าของจังหวัดชลบุรีด้วย
เช่นเดียวกับการปฏิรูปตำรวจ ที่พล.ต.อ.วัชรพลขึงขังเดินหน้าเข้าเกียร์ห้าในการปฏิรูปตำรวจ แต่พอเอาเข้าจริงๆ เสียงค้านเสียงต้าน การปฏิรูปตำรวจแบบพลิกหน้ามือเป็นหลังมือเพื่อให้ตำรวจพ้นเงื้อมือนักการเมือง กลับโดนคนสีกากีตั้งแต่ระดับใหญ่ลงมาระดับน้อย ดื้อแพ่งเป็นคลื่นใต้น้ำจนทำให้การปฏิรูปตำรวจตามที่พล.ต.อ.วัชรพลต้องการสะดุด
โดยเฉพาะช่วงหลังๆที่พล.ต.อ.วัชรพลออกมาบอกกล่าวถึงเรื่องการปฏิรูปตำรวจไม่ขึงขัง หนักแน่น เหมือนช่วงแรกๆการปฏิรูปตำรวจจึงเดินหน้าแบบเรื่อยๆเท่านั้น
มาตรการจับตำรวจ “แถวตรง”ครั้งนี้ด้วยการออกคำสั่ง “ห้ามตำรวจข้องแวะนักการเมืองผู้มีอิทธิพล และกลุ่มผลประโยชน์ต่างๆ” ตามหนังสือคำสั่งที่ 0001(ศปก.ตร.)/282 โดยพล.ต.ต.ไกรบุญ ทรวดทรง ผบก.ฝอ./รองหน.ฝอ.ศปก.ตร. แจ้งเวียนไปตามหน่วยงานต่างๆในสังกัดสำนักงานตำรวจแห่งชาติระบุสาระสำคัญ
“...เพื่อเป็นการสนับสนุนการปฏิบัติภารกิจของคสช.ในการบริหารราชการแผ่นดินการดแลความปลอดภัยในชีวิตทรัพย์สินให้แก่ประชาชนทุกกลุ่มทุกฝ่ายรวมทั้งลดความขัดแย้งที่เกิดขึ้นระหว่างคนภายในชาติเป็นไปด้วยความเรียบร้อยห้ามมิให้กำลังพลทุกนายเข้าพบปะสังสรรค์ และ/หรือร่วมกิจกรรมกับบุคคลที่ถูกเชิญตัวภายหลังจากที่ได้รับการปล่อยตัวไปแล้ว ตลอดจนนักการเมือง ผู้มีอิทธิพลและกลุ่มผลประโยชน์ต่างๆทั้งนี้เพื่อเป็นการรักษาภาพลักษณ์ในการปฏิบัติงานไม่ให้ถูกมองได้ว่าเป็นการเลือกปฏิบัติหรือเข้าข้างฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดรวมทั้งเพื่อเป็นการป้องกันการเข้าใจผิดที่อาจเกิดขึ้น”
น่าจะเป็นอีกความพยายามหนึ่งที่ พล.ต.อ.วัชรพลต้องการปรับภาพลักษณ์ใหม่ตำรวจให้หันมาทำหน้าที่ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์อย่างแท้จริงไม่ต้องวิ่งไปหาหรือรับใช้นักการเมือง รับใช้ผู้มีอิทธิพล แต่การออกคำสั่งบังคับให้ตำรวจถีบหัวส่งนักการเมืองครั้งนี้จะได้ผลมากน้อยแค่ไหน หรือจะซ้ำรอย 2เรื่องที่พล.ต.อ.วัชรพลขับเคลื่อน เป็นคำถามที่ต้องรอการพิสูจน์
เหมือนอย่างที่รู้ๆกันอยู่ ถ้าเป็น“นิสัย”เปลี่ยนแปลงกันได้ แต่ถ้าเป็น “สันดาน”คงจะเปลี่ยนแปลงกันกันลำบากสัจธรรมข้อนี้ไม่รู้ว่า พล.ต.อ.วัชรพล ตระหนักรับรู้ไว้หรือไม่