ตร.กองปราบจับแก๊งสกิมเมอร์บัตรเครดิต 7 ธนาคาร โดยตระเวนกดเงินสดและใช้ชำระค่าสินค้ามูลค่าความเสียหายหลักล้านบาท พบประวัติเคยถูกสั่งจำคุกในคดีลักษณะเดียกัน และเพิ่งพ้นโทษมาได้ 2 ปีเศษก่อนมาก่อคดีซ้ำอีก
วันนี้ (1 มิ.ย.) ที่ กองปราบปราม เมื่อเวลา 14.00 น. พ.ต.อ.อัคราเดช พิมลศรี รอง ผบก.ป. และ พ.ต.อ.อัครวุฒิ์ หลิมรัตน์ ผกก.1 บก.ป. พ.ต.ท.นิคม ชัยเจริญ รอง ผกก.1 บก.ป. และ พ.ต.ท.ต่อวงศ์ พิทักษ์โกศล สว.กก.1 บก.ป. แถลงผลระดมจับกุมแก๊งโจรกรรมข้อมูลบัตรเครดิตผู้เสียหายไปกดเงินสด ประกอบด้วย นายสมเกียรติ หรือ ตั้ม ขันติแก้ว อายุ 35 ปี ชาว จ.กาฬสินธุ์ นายธีทัต ศรีอ่อน อายุ 38 ปี ชาว จ.นครสวรรค์
นายอาทิตย์ เครือแสง อายุ 32 ปี ชาว จ.ศรีสะเกษ พร้อมของกลางประกอบด้วยเครื่องสกิมเมอร์ซึ่งมีไว้สำหรับคัดลอกข้อมูลบัตรเครดิต เครื่องคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก ซึ่งมีโปรแกรมข้อมูลสำหรับบันทึกข้อมูลลงแถบแม่เหล็ก และโปรแกรมถอดข้อมูลออกจากเครื่องสกิมเมอร์ เครื่องบันทึกข้อมูลลงแถบแม่เหล็กและบัตรอิเล็กทรอนิกส์ปลอมจำนวนมาก โดยจับกุมผู้ต้องหาทั้งหมดได้ใน กทม.
พ.ต.อ.อัคราเดช กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ เจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งจากธนาคารพาณิชย์ในประเทศกว่า 7 ธนาคาร ประกอบดัวย ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารไทยพาณิชย์ ธนาคารกรุงไทย ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ธนาคารธนชาต ธนาคารซิตี้แบงก์ บริษัท อิออน และธนาคารต่างประเทศอีกหลายประเทศ อาทิ เกาหลี สิงคโปร์ อเมริกา จีน ญี่ปุ่น ฝรั่งเศส และอื่นๆ ว่าตรวจพบการทุจริตเกี่ยวกับขบวนการคัดลอกข้อมูลบัตรอิเล็กทรอนิกส์ (แก๊งสกิมเมอร์) ในประเทศไทย และกำลังระบาดอยู่ในขณะนี้ สร้างความเสียหายต่อระบบเศรษฐกิจ รวมมูลค่าความเสียหายหลายล้านบาท และทำลายชื่อเสียงของประเทศด้านการท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก
พ.ต.อ.อัคราเดช กล่าวต่อว่า จากนั้นเจ้าหน้าที่จึงเข้าสืบสวนและจับกุมได้ดังกล่าว ทั้งนี้ สอบสวนทราบว่า นายอาทิตย์ เคยถูกจับกุมในคดีเดียวกันในท้องที่ สน.บางนา เมื่อ ปี พ.ศ. 2551 ศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุก 15 ปี อุทธรณ์แก้เหลือ 6 ปี แต่ถูกจำคุกจริงเพียง 2 ปี 9 เดือน และเพิ่งจะพ้นโทษออกมาเพียง 6 เดือน ก่อนก่อเหตุในลักษณะนี้ซ้ำอีก ซึ่งเจ้าหน้าที่แจ้งข้อกล่าวหา “มีไว้เพื่อใช้ ซึ่งบัตรอิเล็กทรอนิกส์ที่ทำปลอมขึ้นทั้งฉบับ หรือบัตรอิเล็กทรอนิกส์ที่ทำปลอมขึ้นแต่ส่วนหนึ่งส่วนใด หรือบัตรอิเล็กทรอนิกส์ที่แท้จริงที่ถูกตัดทอนข้อความหรือแก้ไขด้วยประการใดๆ อันได้มาโดยรู้ว่าเป็นของที่ทำปลอมหรือแปลงขึ้น, มีเครื่องมือหรือวัตถุสำหรับปลอมหรือแปลง หรือสำหรับให้ได้ข้อมูลในการปลอมหรือแปลงใดๆ ซึ่งระบุไว้ข้างต้น เพื่อใช้หรือให้ได้ข้อมูลในการปลอมหรือแปลง และการกระทำดังกล่าวเป็นการกระทำเกี่ยวกับบัตรอิเล็กทรอนิกส์ที่ผู้ออกได้ออกให้แก่ผู้มีสิทธิใช้ เพื่อใช้ประโยชน์ในการชำระค่าสินค้า ค่าบริการหรือหนี้อื่นแทนการชำระด้วยเงินสด หรือใช้เบิกถอนเงินสด”
จากนั้นเจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางนำส่งพนักงานสอบสวน กก.1 บก.ป. เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป