ศูนย์ข่าวศรีราชา - ตำรวจ ศปอช.สนธิกำลังร่วม ตร.ภ.จว.ชลบุรี ทลายแก๊งบัตรเครดิตปลอม พร้อมรวบผู้ต้องหาทั้งไทย-จีน รวม 14 คนพร้อมของกลาง ชี้มูลค่าความเสียหายหลายล้านบาท
วันนี้ (9 พ.ค.) พล.ต.ต.คัชชา ธาตุศาสตร์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจศูนย์ป้องกันปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ หรือ ศปอช. ได้ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุมแก๊งใช้บัตรเครดิตปลอมรายใหญ่ ที่บริเวณด้านหน้าสถานีตำรวจภูธรเมืองพัทยา โดยมีผู้ต้องหาทั้งชาวไทย และต่างชาติ จำนวน 14 คน ประกอบด้วย ผู้ต้องหาชาวจีน 3 คน คือ นายเฉา บิน อายุ 45 ปี นางฉ้าน กิ้น อายุ 46 ปี และนางมัก ยุต มิ่ง อายุ 47 ปี
ผู้ต้องหาชาวไทยประกอบด้วย น.ส.กนกวรรณ ศิริไล อายุ 42 ปี นายปวริศ ภูษา อายุ 46 ปี น.ส.ปาริชาติ บุญกิริยา อายุ 44 ปี นายรามิล นาคหฤทัย อายุ 33 ปี นายหัตถชัย สวัสดิ์สถข อายุ 33 ปี นายจิระพล คงทน อายุ 44 ปี นายสมศักดิ์ เกริกธวัชศักดิ์ อายุ 36 ปี นางปุ๊กปิก จิตตะปัญญา อายุ 21 ปี นายชัยสิทธิ์ บุญเพ็ง อายุ 32 ปี และ นายณัทธรพงษ์ บุญโต อายุ 36 ปี
พร้อมของกลางบัตรอิเล็กทรอนิกส์ปลอม 20 ใบ สลิปบัตรที่ได้มาจากการรูดใช้ จำนวน 3 แผ่น ข้อมูลในแถบแม่เหล็ก 2 แผ่น เครื่องรูดบัตรเครดิต 1 เครื่อง เครื่องบันทึกข้อมูลลงแถบแม่เหล็ก หรือเครื่องสกิมเมอร์ คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก และโทรศัพท์มือถือ 15 เครื่อง
โดยการจับกุมดังกล่าวเป็นผลจากการที่ก่อนหน้านี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้รับแจ้งจากสายลับว่า ได้รับการติดต่อจากนายชัยสิทธิ์ หนึ่งในผู้ต้องหาให้ช่วยหาเครื่องรูดบัตรเครดิตของธนาคารกสิกรไทยจากร้านค้ามาให้กลุ่มชาวจีน ที่มีนายเฉา บิน เป็นหัวหน้าแก๊ง ซึ่งสามารถทำบัตรเครดิตปลอมได้
ต่อมา เจ้าหน้าที่ได้ปลอมตัวเป็นเจ้าของบริษัททัวร์ พร้อมนำเครื่องรูดบัตรเครดิตไปให้นายชัยสิทธิ์ กับเพื่อนร่วมแก๊งชาวไทย และทั้งหมดได้พูดคุยแบ่งผลประโยชน์กัน โดยนายเฉา บิน กับเพื่อนร่วมแก๊งชาวจีน เป็นผู้คัดลอกข้อมูลจากเหยื่อในประเทศจีนก่อนนำมาใส่บัตร และจะได้รับเงินส่วนแบ่ง 50 เปอร์เซ็นต์ ส่วนเจ้าของเครื่องรูดบัตรได้ 40 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่นายหน้า ล่าม และคนดูต้นทางจะได้รับส่วนแบ่ง 10 เปอร์เซ็นต์
และต่อมาทั้งหมดได้พากันไปเปิดห้องพักที่นาวินแมนชัน หลังห้างสรรพสินค้าบิ๊กซีเอ็กซ์ตร้า พัทยากลาง โดยนายเฉา บิน กับหญิงชาวจีนอีก 2 คน ได้เปิดห้องพักหมายเลข 305 เพื่อนำคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก พร้อมเครื่องสกิมเมอร์ และบัตรอิเล็กทรอนิกส์ปลอมมาติดตั้งกับเครื่องอนุมัติวงเงิน หรือเครื่องรูดบัตร และติดต่อประสานงานให้เครือข่ายในประเทศจีน เพื่อคัดลอกข้อมูลของเหยื่อลงในบัตรเครดิตปลอม ก่อนขออนุมัติวงเงินจากธนาคารในประเทศจีนจนได้เงินไปกว่า 3 ล้านบาท โดยมีทีมงานชาวไทยดูต้นทาง
โดยหลังได้หลักฐานการกระทำผิดที่แน่ชัด เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ซุ่มใกล้เคียงได้แสดงตัวเข้าจับกุมทั้งหมดพร้อมของกลาง
ทั้งนี้จ ากการสอบสวนทั้งหมดให้การรับสารภาพ เจ้าหน้าที่จึงแจ้งข้อกล่าวหาว่า ร่วมกันทำบัตรอิเล็กทรอนิกส์ปลอมทั้งฉบับ หรือส่วนหนึ่งส่วนใด เติมหรือตัดทอนข้อความหรือแก้ไขด้วยประการใดๆ ในบัตรอิเล็กทรอนิกส์ที่แท้จริง ใช้หรือมีไว้เพื่อใช้สิ่งหนึ่งสิ่งใดๆ อันได้มาโดยรู้ว่าเป็นของที่ทำปลอมหรือแปลงขึ้น ก่อนส่งตัวให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมาย
