เกาะกระแสนายกฯคนกลาง พลิกโฉม “ผบ.ตร.คนใหม่”

สน.พระอาทิตย์

“นักวิ่งสีกากี”ชั่วโมงนี้คงต้องเก็บข้อมูลทำการบ้านกันหนัก รวมทั้งต้องติดตามสถานการณ์บ้านเมืองกันชนิดติดขอบทุกนาที

ไม่ใช่เพราะต้องคุมม็อบตามหน้าที่เป็นมือเป็นไม้ให้ศูนย์อำนวยการรักษาความสงบ (ศอ.รส.) ใช้เป็นกำลังหลักในการแยกเขี้ยวขู่! ม็อบไปวันๆ แต่หากการเปลี่ยนทางการเมืองนับจากนี้ ไม่ว่าจะออกซ้ายหรือขวาจะมีผลอย่างมากต่อทิศทาง “สำนักงานตำรวจแห่งชาติ”ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า

ตามปฏิทินกรมปทุมวันจากนี้อีก 1-2 เดือนจะเข้าสู่โหมดหา “หัวใหม่” เพราะสิ้นเดือนกันยายนปีนี้ “ผบ.อู๋” พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร. เกษียณอายุราชการ ซึ่งธรรมเนียมปฏิบัติที่ผ่านมา หาก “ผบ.ตร.”กำลังจะเกษียณ คณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ (ก.ต.ช.) ต้องคัดเลือกข้าราชการตำรวจระดับ พล.ต.อ. ที่อยู่ในราชการ ขึ้นเป็น “ผบ.ตร.”คนใหม่ ช่วงประมาณเดือนกรกฎาคม หรืออย่างช้าสิงหาคม เป็นอย่างช้าเพื่อให้การบริหารงานต่อเนื่องไม่สะดุด

ถ้าเป็นช่วงภาวะการเมืองปกติ บ้านเมืองไม่มีปัญหาอะไร การแต่งตั้ง “ผบ.ตร.”คนใหม่ แวดวงสีกากีส่วนใหญ่น่าจะคาดเดากันได้ว่าใครจะเป็น ผบ.ตร. คนต่อไป เพราะนำองค์ประกอบทางการเมืองมาบวกความสัมพันธ์กับรอง ผบ.ตร. ที่มีอยู่ก็จะปรากฏภาพให้เห็นอย่างชัดเจน

แต่ในปัจจุบันที่การเมืองโยกไปเย้มา ยังไม่รู้ว่าบทสรุปจะออกหัวหรือก้อยแคนดิเดต “ผบ.ตร.” คนใหม่ ก็ยากจะคาดเดา

พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ พล.ต.อ.วรพงษ์ ชิวปรีชา พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ รองผบ.ตร. ล้วนมีสิทธิ์ขึ้นเป็น “ผู้นำสีกากี” ทุกคน

รวมทั้ง พล.ต.อ.ชัชวาลย์ สุขสมจิตร์ รอง ผบ.ตร. พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน จเรตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.วุฒิ ลิปตพัลลภ ที่ปรึกษา (สบ10) ก็มีสิทธิ์เหมือนกัน แม้จะมีโอกาสน้อย เพราะอาวุโสน้อยเพิ่งติดยศ พล.ต.อ. กันไม่นานก็ตาม ทว่าตามกฎหมาย ตามระเบียบ พ.ร.บ. ตำรวจแห่งชาติ “พล.ต.อ.”ในราชการทุกคนล้วนมีโอกาสทั้งนั้น

โดยเฉพาะตอนนี้การเมืองทำท่าจะถึงทางตันและเริ่มเห็นเค้าลางมีโอกาสตั้ง “นายกฯคนกลาง”เข้ามาแก้ปัญหาบ้านเมืองคลายความขัดแย้งที่เกิดขึ้น เหล่าบรรดาสีกากีต่างยิ่งต้องจับตาอย่างใกล้ชิด เพราะคนที่เข้ามาเป็น “นายกรัฐมนตรี” ไม่ว่าจะเป็นคนกลาง หรือจากนักการเมือง ตามตำแหน่งจะต้องมานั่งหัวโต๊ะเป็น “ประธาน ก.ต.ช.” คัดเลือก “ผบ.ตร.”คนต่อไป ซึ่งนั่นจะทำให้เห็นทิศทางสีกากีว่า “นักวิ่ง”จะเลี้ยวรถเข้าเลนไหนถึงจะแล่นฉลุย

ยิ่งตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา การเมืองขยับแพลม “นายกฯคนกลาง”ออกมา มีชื่อ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมและอดีตผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) พี่ใหญ่แห่งบูรพาพยัคฆ์ ซึ่ง พล.อ.ประวิตร ถือได้ว่าเป็นนายทหารที่เติบโตมาจากกองทัพภาคที่ 1 ทางภาคตะวันออกมาโดยตลอด โดยสังกัดกับกรมทหารราบที่ 21 รักษาพระองค์ (ร.21 รอ.) หรือที่เรียกกันว่า “ทหารเสือราชินี”ถือได้ว่าเป็นนายทหารรุ่นพี่ที่สนิทสนมกับ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา อดีตผู้บัญชาการทหารบก และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบกคนปัจจุบันด้วย

ชื่อ “พล.อ.ประวิตร” อดีตนายทหารใหญ่ด้วยยศด้วยตำแหน่งอาจจะไม่เกี่ยวข้องกับตำรวจ แต่ถ้านามสกุล “วงษ์สุวรรณ” แวดวงสีกากีคงต้องโฟกัสไปที่ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ อดีต ผบ.ตร. น้องชาย“ประวิตร” ซึ่งถ้า พล.อ.ประวิตร มาเป็นนายกฯคนกลางจริงๆ หลายคนเชื่อว่าเมื่อถึงเวลาการแต่งตั้ง “ผบ.ตร.”คนใหม่ “พัชรวาท”น่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องบ้างไม่มากก็น้อยในฐานะอดีตเลือดสีกากีเก่า

สปอร์ตไลต์ “ว่าที่ ผบ.ตร.”ยามนี้เลยส่องไปที่ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง รอง ผบ.ตร. หนึ่งในแคนดิเดตเปล่งประกายขึ้นมาโดดเด่นเหนือคู่แข่ง เพราะความสัมพันธ์ระหว่าง “พี่ป๊อด”กับ “น้องอ๊อด”แนบแน่นกันมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะช่วงที่ พล.ต.อ.พัชรวาท นั่งเก้าอี้ ผบ.ตร. พล.ต.อ.สมยศ ก็ช่วยงานทั้ง “บุ๋น”และ “บู๊”ใกล้ชิด

ถ้าทุกอย่างลงล็อก “ประวิตร”เป็นนายกฯคนกลาง เมื่อถึงช่วงกรกฎา หรือสิงหา ซึ่งต้องมีการแต่งตั้ง “ผบ.ตร.”คนใหม่ แทน พล.ต.อ. อดุลย์ ที่เกษียณอายุราชการวันที่ 30 กันยายน 2557 วัดจากน้ำหนักความสัมพันธ์ของรอง ผบ.ตร. ที่เป็นแคนดิเดตอยู่ อย่างไรเสียก็คงไม่เลือกเคาะชื่อ “จูดี้”พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ รอง ผบ.ตร. หรือ พล.ต.อ.วรพงษ์ ชิวปรีชา รอง ผบ.ตร.อย่างแน่นอน

“จูดี้”พล.ต.อ.พงศพัศ ชัดเจนแดงแจ๋ในทิศทางการเมือง เพราะเคยลาออกจากราชการไปลงสมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพฯ ในสีเสื้อพรรคเพื่อไทย เช่นเดียวกับ พล.ต.อ.วรพงษ์ แม้จะไม่ได้ประกาศตัวอยู่สังกัดพรรคเพื่อไทย แต่การทำงานก็เด่นชัดว่าอยู่ใต้ร่มเงารัฐบาลพรรคเพื่อไทย รวมทั้งมีความใกล้ชิดเป็นไม้เป็นมือให้กับ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ผอ.ศอ.รส.

คนที่เข้ามาเป็น นายกฯคนกลาง คงจะไม่กล้าฝ่ากระแสดงเท้ามวลมหาประชาชน เลือกคนที่อยู่ข้างรัฐบาลเพื่อไทย มาสืบทอดอำนาจมาตามไล่บี้ดำเนินคดีแกนนำ กปปส. แน่

ชื่อ พล.ต.อ.สมยศ ถึงแม้จะมีภาพเป็นเงา พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ อดีต ผบ.ตร. ปราบปรามยาเสพติดด้วยกันมาตลอด แต่ก็สามารถล้างภาพด้วยการอ้างหน้าที่รอง ผบ.ตร. ที่รับผิดชอบด้านปราบปรามยาเสพติด มากลบได้ว่าคือการทำงาน

ทว่าทั้งนี้ทั้งนั้น การมาของนายกฯคนกลาง ก็ไม่ได้โรยดอกกลีบกุหลาบ ที่จะเหาะมากันง่ายๆ เพราะฝ่ายรัฐบาลพรรคเพื่อไทย และคนเสื้อแดง รวมทั้งมวลชนฝ่ายอื่นต่างก็ต้องขวางทุกวิถีทาง ที่ พล.อ.ประวิตร จะมาสวมตอนั่งเป็นนายกฯได้ตามความฝัน

รวมทั้งแคนดิเดตชิงเก้าอี้ “ผบ.ตร.”ที่ประเมินแล้วว่า หากการเมืองเปลี่ยนฉาก มีนายกฯคนกลางมา โอกาสพวกตนที่ปูทางจะได้นั่งเก้าอี้เบอร์ 1 ยุทธจักรสีกากีไว้แล้ว คงจะไม่ง่ายเหมือนเดิม ย่อมต้องพยายามปิดทางสกัดกั้นสูตรนายกฯคนกลางเต็มที่

ไม่เช่นนั้น พล.ต.อ.วรพงษ์ จะทุ่มเททำงานตามคำสั่ง ศอ.รส. อย่างสุดลิ่มทิ่มประตูอย่างที่เห็นๆ กันหรือ?