รองโฆษก ตร.แถลงสรุปสถานการณ์การชุมนุมและเหตุรุนแรงรายวัน ล่าสุดเหตุการณ์คนร้ายลอบวางระเบิดแสวงเครื่อง มีนาฬิกา ตั้งเวลาระเบิดหวังสังหารหมู่คนบริสุทธิ์ด้วยรัศมีทำลายล้าง 20-40 เมตร เผย ผบ.ตร.ส่ง “เอก-วินัย” ลุยสางคดีและติดตามคนร้ายแล้ว
วันนี้ (17 มี.ค.) เมื่อเวลา 10.30 น. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ต.อนุชา รมยะนันทน์ รองโฆษก ตร. กล่าวถึงสถานการณ์การชุมนุมและผลการประชุมติดตามสถานการณ์ว่า สถานการณ์การชุมนุมที่ผ่านมาของ กปปส.ยังคงมีการชุมนุมในหลายพื้นที่ของ กทม.เช่นเดิม ส่วนเวทีชุมนุมคู่ขนานในต่างจังหวัด มี 12 จังหวัด ประกอบด้วย ภาคเหนือ 4 จังหวัด, ภาคกลาง 1 จังหวัด, ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 2 จังหวัด และภาคใต้ 5 จังหวัด ส่วนกิจกรรมของกลุ่ม กปปส.วันนี้จะมีการเคลื่อนขบวนไปยังสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล และเคลื่อนขบวนไปยื่นเรื่องต่อผู้ตรวจการแผ่นดิน ให้ดำเนินการยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ เรื่องการสิ้นสุดสถานภาพของรัฐบาลรักษาการ สำหรับ กปปส.บริเวณสวนลุมพินีจะมีการเสวนาในหัวข้อต่างๆ และในขณะนี้กลุ่ม นปช.มีการเคลื่อนไหวที่ จ.แพร่ และ จ.สมุทรสาคร
ส่วนผลการตั้งด่านความมั่นคง ประจำวันที่ 12-13 มี.ค.ที่ผ่านมา มีการจับกุมผู้ต้องหา 9 ราย ของกลางอาวุธปืน 2 กระบอก, กระสุนปืน 17 นัด, อาวุธมีด 4 เล่ม, ยาเสพติด (ยาบ้า) 3,000 เม็ด, ยาเสพติด (กัญชา) 1 ราย และยาเสพติด (ยาอี) 1 ราย ในช่วงเช้านี้มีเหตุแทรกซ้อน 2 เหตุ คือ ที่บริเวณหน้าสำนักงานอัยการสูงสุด บริเวณถังขยะหน้าป้ายแท็กซี่อัจฉริยะ พบวัตถุระเบิดชนิดเเสวงเครื่องบรรจุในถังดับเพลิงขนาด 15 กก. ภายในถังดับเพลิงมีสาร 2 ชนิด ซึ่งอยู่ระหว่างการพิสูจน์ และมีรัศมีการทำลายล้างประมาณ 20-40 เมตร ก่อนที่ระเบิดจะทำงาน เจ้าหน้าที่อีโอดีสามารถตัดชนวนระเบิดได้ก่อนเวลา และหน้าสถาบันพัฒนาข้าราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรม พบวัตถุระเบิดอีกจุดหนึ่ง เจ้าหน้าที่อีโอดีจึงเข้าไปตรวจสอบ พบว่าเป็นระเบิดแสวงเครื่อง มีลักษณะเช่นเดียวกับลูกระเบิดที่พบหน้าสำนักงานอัยการสูงสุด ขณะที่ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร.ได้มอบหมายให้ พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ รอง ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.วินัย ทองสอง ผู้ช่วย ผบ.ตร.เข้าไปดำเนินการตรวจสอบและดำเนินการสอบสวนหาผู้กระทำความผิดต่อไป
ในส่วนของการประชุมของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในการเตรียมความพร้อมที่จะสัมมนางานป้องกันและปราบปราม ได้เชิญนายกสมาคมผู้ประกอบการร้านทอง นายกสมาคมธนาคาร และผู้แทนร้านสะดวกซื้อ มาประชุมเพื่อวางแนวทางในการสัมนาเพื่อให้เกิดประโยชน์และประสิทธิภาพสูงสุดในการป้องกันอาชญากรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งอาชญากรรมที่น่าสนใจและอาชญากรรมที่เป็นกังวลของผู้ประกอบการ คือ อาชญากรรมที่เกี่ยวของกับร้านทอง ร้านสะดวกซื้อ และธนาคาร เป็นต้น
สำรับกรณีปรับพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ไปเป็นพระราชบัญญัติความมั่นคง ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติมีความพร้อมและมีดำเนินการจัดแผนการรองรับไว้เรียบร้อยแล้ว