กองพิสูจน์หลักฐาน ตรวจสอบแนววิถีกระสุนเหตุปะทะแยกหลักสี่ พบมาจากการยิงทั้งสองฟากฝั่ง ปัดไม่ใช่เพื่อต้องการหักล้างข้อมูลทางทหาร แต่ยอมรับมีการใช้อาวุธสงครามจริง
วันนี้ (3 ก.พ.) พล.ต.อ.จรัมพร สุระมณี ที่ปรึกษา (สบ 10) พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน (พฐ.) ตรวจสอบบริเวณแยกหลักสี่ที่เกิดเหตุปะทะระหว่างมวลมหาประชาชน กปปส. และกลุ่มคนเสื้อแดง มีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวนหลายราย โดยใช้วิธีตรวจวิถีกระสุนด้วยการใช้แสง เลเซอร์ยิง และใช้แท่งเหล็กประกอบ เครื่องมือคำนวณ เข้าตรวจตามจุดที่มีภาพปรากฏบนสื่อต่างๆ ใช้เวลาประมาณ 1 ชม.เศษ
พล.ต.อ.จรัมพรกล่าวว่า พบมีร่องรอยกระสุน 48 รอยจากอาวุธ 7 ชนิด ประกอบด้วย (1. ปืนลูกซอง (2. ปืนขนาด .38 (3. ปืนขนาด 9 มม. (4. ปืนขนาด .45 (5. ปืนคาร์บิน (6. ปืนความเร็วสูงที่ใช้กระสุนขนาด .223 (7. ปืนอาก้า ใช้กระสุนขนาด 7.62 พล.ต.อ.จรัมพรกล่าวว่า มีการยิงมาจากสองฝากฝั่งของผู้ชุมนุม แต่ไม่ขอตอบคำถามนักข่าวว่าฝั่งไหนใช้อาวุธรุนแรงกว่ากัน ซึ่งจากนี้จะนำไปประเมินความสัมพันธ์ของชนิดอาวุธปืนกับรอยกระสุน ประกอบภาพถ่ายจากสื่อต่างๆ เพื่อสรุปว่ายิงมาจากจุดไหนด้วยปืนอะไร ซึ่งต้องเวลาสักระยะ ผู้สื่อข่าวถามว่าที่มาตรวจเพื่อหักล้างกับข้อมูลของทางทหารใช่หรือไม่ พล.ต.อ.จรัมพรกล่าวว่า ไม่ใช่ ตำรวจทำตามหลักนิติวิทยาศาสตร์ วิถีกระสุนจะเป็นตัวอธิบายและตำรวจที่ตรวจที่เกิดเหตุชำนาญด้านวิถีกระสุนโดยเฉพาะ ยืนยันว่าตำรวจให้ความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย
พล.ต.อ.จรัมพรกล่าวต่อว่าตนไม่สามารถบอกได้ว่าผู้ยิงมีความชำนาญหรือไม่ แต่อาจมีคลิปวิดีโอการฝึกการใช้อาวุธต่างๆ ในอินเทอร์เน็ต ซึ่งผู้สื่อข่าวสามารถไปค้นคว้าหาข้อมูลมาประกอบก็ได้