ชุดอีโอดีคาดวิถีกระสุนถูกยิงมาจากแนวแบริเออร์แยกหลักสี่

เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานเข้าตรวจสอบบริเวณแยกหลักสี่ คาดวิถีกระสุนถูกยิงมาจากแนวแบริเออร์ เตรียมสอบปากคำผู้บาดเจ็บ เพื่อออกหมายจับผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดี

วันนี้ (2 ก.พ.) พล.ต.ต.อดุลย์ ณรงค์ศักดิ์ รอง ผบช.น. พร้อมด้วย พล.ต.ท.คำรบ ปัญญาแก้ว ผู้บัญชาการสำนักงานพิสูจน์หลักฐาน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ผบช.สพฐ.ตร.) และเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน เจ้าหน้าที่หน่วยเก็บกู้วัตถุระเบิด (อีโอดี) ได้เดินทางเข้าตรวจสอบบริเวณบริเวณแยกหลักสี่ ถนนแจ้งวัฒนะ อีกครั้งหลังจากเกิดเหตุการปะทะกันของกลุ่ม กปปส.และกลุ่มผู้ชุมนุมที่สนับสนุนการเลือกตั้งเมื่อวานนี้ (1ก.พ.)

พล.ต.ท.คำรบกล่าวว่า จากการลงพื้นที่ตรวจหาหลักฐานอีกครั้ง ทำให้ได้หลักฐานเพิ่มอีก 2 รายการ คือ หัวกระสุน โดยเก็บได้ที่บริเวณป้อมจราจร และรถสายตวรจ ทะเบียน 45432 ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งรถคันดังกล่าวถูกจอดทิ้งไว้บริเวณข้างป้อมจราจร เมื่อตรวจสอบวิถีกระสุนแล้วคาดว่าน่าจะถูกยิงมาจากแนวแบริเออร์ฝั่งตรงข้ามป้อมจราจร เป็นหลักฐานเพิ่มเติมจากที่เมื่อวานเก็บปลอกกระสุน 25 รายการ มีทั้งขนาด 11 มม. ขนาดคาร์บิ้น 9 มม. หมอนรองกระสุนลูกซอง หัวกระสุน .223, .45, .38 ซึ่งทั้งหมดนี้ขณะนี้ในชั้นต้นพบว่ามีการใช้อาวุธปืนประมาณ 5 ชนิด คือ ขนาด 11 มม., ขนาด.38, ปืนคาร์บิน ขนาด .223 และขนาด 9 มม. โดย .223 เป็นกระสุนที่ใช้กระสุนเอ็ม 16 และจากเสียงระเบิดที่ดังขึ้นนั้น เมื่อตรวจสอบแล้วไม่พบสะเก็ดระเบิด จึงคาดว่าน่าจะเป็นเสียงของประทัดยักษ์

พล.ต.ต.อดุลย์กล่าวว่า ต่อจากนี้ต้องตวรจดูวิถีกระสุนว่ามาจากทางใดบ้าง และทางเจ้าหน้าที่จะนำหลักฐานทั้งหมดที่ได้มา ประกอบในสำนวนคดี พร้อมทั้งได้เรียกผู้บาดเจ็บทั้ง 5 คนมาสอบสวนเพิ่มเติม เพื่อออกหมายจับผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีต่อไป