ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรมพาอดีตพนักงานขับรถเก็บขยะ และอดีตพนักงานเก็บขยะ อบต.ขามเฒ่า จ.นครพนม 2 แพะรับบาปคดีลักลอบนำยาบ้าเข้าเรือนจำนครพนม จนต้องถูกจับติดคุก เข้าร้องเรียนต่อนักข่าวกองสปราบฯเรียกร้อง เรนือนจำนครพนม และตำรวจร่วมกันรับผิดชอบ ภายหลังสามารถจับกุมผู้กระทำความผิดตัวจริงได้
วันนี้ ( 17 พ.ย.) ที่ กองปราบปราม เมื่อเวลา 10.30 น. นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ได้พา นายทรัพย์ หม่อมบ่าว อายุ 56 ปี อดีตพนักงานขับรถเก็บขยะ อบต.ขามเฒ่า จ.นครพนม และนายวาที วงษ์ธิ อายุ 50 ปี อดีตพนักงานเก็บขยะ อบต.ขามเฒ่า ซึ่งทั้งสองเคยตกเป็นผู้ต้องหา ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย ร่วมกันนำสิ่งของต้องห้ามเข้าในเรือนจำ อันเป็นการฝ่าฝืนระเบียบหรือข้อบังคับเรือนจำ มาร้องขอความเป็นธรรมต่อสื่อมวลชน ภายหลังอัยการสั่งไม่ฟ้องทั้งสอง เนื่องจากมีการจับกุมผู้ต้องหาตัวจริงได้
นายอัฉริยะ กล่าวว่า เมื่อต้นเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ลูกสาวของนายวาที ได้ร้องทุกข์ขอความช่วยเหลือจากชมรมฯ ว่า เมื่อวันที่ 19 กันยายนที่ผ่านมา บิดาและเพื่อนร่วมงานอีก 2 คน ถูกจับกุมพร้อมของกลางยาบ้า 198 เม็ด โทรศัพท์มือถือ 9 เครื่อง และอุปกรณ์โทรศัพท์มือถือต่างๆ ซึ่งซุกซ่อนอยู่ใต้ท้องรถเก็บขยะ บริเวณใกล้กับล้อหน้า ขณะที่ทั้งหมดขับรถไปเก็บขยะในเรือนจำ แล้วถูกเจ้าหน้าที่ตรวจค้นพบของกลาง แล้วควบคุมตัวไว้แถลงข่าวภายในเรือนจำ ก่อนส่งตัวไปดำเนินคดีที่ สภ.บ้านกลาง อ.เมือง จ.นครพนม จากนั้นก็มีการขออำนาจศาลฝากขังที่เรือนจำกลางนครพนม โดยไม่ได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว
นายอัฉริยะ กล่าวต่อว่า หลังจากรับเรื่องทางชมรมฯ ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง รวมทั้งสืบหาข้อมูลจากสายลับในเรือนจำ กระทั่งพบกลุ่มผู้ต้องสงสัยที่เกี่ยวข้องในเครือข่าย นายใจ รันศรี นักโทษคดียาเสพติด 8 คดี จึงรวบรวมข้อมูลดังกล่าวไปร้องขอความเป็นธรรมต่อ พล.ต.ท.อนุชัย เล็กบำรุง ผบช.ภ.4 และรับได้ความช่วยเหลือจาก พล.ต.ท.อนุชัย สั่งการให้สืบสวนสอบสวนคดี จนสามารถจับกุมผู้ต้องหาที่กระทำผิดได้ 2 คน คือ นายศราวุธ แก่นปัตชา เป็นผู้ซื้อโทรศัพท์มือถือและนำมาส่งให้ นายประจวบ รันศรี ญาติของนายใจ เป็นผู้นำไปซ่อนไว้ใต้ท้องรถ จึงทำเรื่องร้องขอความเป็นธรรมไปยังอัยการจังหวัดนครพนมเมื่อกลางเดือนธันวาคมที่ผ่านมา อัยการสอบสวนแล้วจึงมีคำสั่งไม่ฟ้องนายวาที นายทรัพย์ และผู้ต้องหาอีกราย
ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม กล่าวอีกว่า ก่อนหน้านี้ผู้ต้องหาทั้งหมดต้องอยู่ในเรือนจำ 84 วัน กว่าจะได้รับการพิสูจน์ความบริสุทธิ์ คดีนี้จึงอยากร้องขอความเป็นธรรมไปยังเรือนจำกลางนครพนม ซึ่งคุมตัวผู้ต้องหาไปแถลงข่าว ถึงตอนนี้พวกเขาเป็นผู้บริสุทธิ์ ก็ยังไม่มีการแสดงความรับผิดชอบดูแลเยียวยาใดๆ เลย รวมถึงในทางคดีก็ยังไม่มีการแจ้งข้อหาเพิ่มเติมกับนักโทษที่คาดว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีนี้ แต่ทราบว่ามีการสั่งย้ายนักโทษที่พัวพันคดีไปอยู่เรือนจำอุดรธานี โดยให้เหตุผลว่าไม่สามารถควบคุมดูแลได้
ด้าน นายทรัพย์ กล่าวว่า ช่วงระหว่างที่มีการจับกุมตัวพร้อมของกลาง รู้สึกตกใจมาก เพราะไม่รู้เรื่อง ไม่รู้ว่ายาเสพติดทั้งหมดมาจากไหนเป็นของใครที่เอามาซุกซ่อนไว้ในรถเก็บขยะ แม้จะยืนยันถึงความบริสุทธิ์ว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง และปฏิเสธข้อกล่าวหาแต่ก็ไม่เป็นผล เมื่อลูกๆ รู้เรื่อง เขาก็ไม่สบายใจต้องคอยมาเยี่ยมตนที่เรือนจำ ทำให้พูดไม่ออก แต่หลังจากได้รับการช่วยเหลือก็รู้สึกดีใจมาก
ขณะที่ นายวาที กล่าวว่า เจ้าหน้าที่เรือนจำบอกกับตนก่อนออกจากเรือนจำ ว่าพวกเขาทำตามหน้าที่ ขอให้อโหสิกรรม และว่าพวกเราจะได้รับการชดเชยเยียวยาวันละ 200 บาท แต่ถึงจะได้เท่าไรก็ไม่คุ้มกับสภาพจิตใจและร่างกายที่เสียไป ส่วนอาชีพการงานนั้น ก็คงกลับไปทำงานเก็บขยะที่ อบต.เหมือนเดิม ส่วนการเก็บขยะในเรือนจำ นั้น จากนี้คงไม่เข้าไปอีกแล้ว จะรออยู่ด้านนอกให้มีการขนขยะออกมาให้
