“กลุ่มตุลาการผู้รักแผ่นดิน” ล่าชื่อคัดค้านร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมสุดซอย เป็นการส่วนตัว ไม่ได้เกี่ยวข้องหรือกระทำในนามองค์กรศาล ชี้ทำลายระบบนิติรัฐ เป็นที่น่ารังเกียจในสังคมโลก โดยอ้างเหตุอันมีที่มาจากการเมือง
จากกรณีที่ขณะนี้หลายฝ่ายในสังคมออกมาแสดงความคิดเห็นต่อการเสนอร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ซึ่งได้ผ่านความเห็นชอบของสภาผู้แทนราษฎรแล้ว และขณะนี้กำลังจะเข้าสู่วาระพิจารณาของวุฒิสภา ที่ ส.ว.บางส่วนก็ได้มีท่าทีออกมาคัดค้านแล้ว
วันนี้ (5 พ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ล่าสุดมีกลุ่มผู้พิพากษาจำนวนหนึ่ง รวมตัวในนาม “กลุ่มตุลาการผู้รักแผ่นดิน” แสดงความคิดเห็นโดยอิสระเป็นการส่วนตัว ไม่ได้เกี่ยวข้องหรือกระทำในนามองค์กรศาล ซึ่งกลุ่มตุลาการผู้รักแผ่นดิน ขณะนี้มีการลงชื่อทั้งสิ้น 63 ราย เพื่อออกคำชี้แจงลงวันที่ 5 พ.ย. 2556 แสดงจุดยืนคัดค้านร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ระบุว่า “ตามที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเสียงข้างมากมีมติเห็นชอบให้ผ่านร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ซึ่งกรรมาธิการแก้ไขถึงขนาดเปลี่ยนแปลงหลักการตามร่างในชั้นกรรมาธิการ โดยให้มีผลนิรโทษกรรมแก่การกระทำความผิดอาญาร้ายแรง โดยอ้างว่าเป็นมูลเหตุจากวิถีทางการเมือง การชุมนุมทางการเมือง หรือเกี่ยวเนื่องกับการแสดงความคิดเห็นและการชุมนุมทางการเมือง ไม่ว่าจะเป็นความผิดเกี่ยวกับการก่อให้เกิดภยันตรายแก่ประชาชน ความผิดต่อชีวิต ร่างกาย ทรัพย์สิน โดยมิได้คำนึงถึงผู้เสียหายที่ถูกกระทำไม่ว่าจะเกิดขึ้นจากฝ่ายใด ขัดต่อหลักนิติธรรม ซึ่งมีเป้าประสงค์สูงสุดเพื่อปกป้องสุจริตชนและเพื่อให้เกิดความสงบเรียบร้อยในบ้านเมือง ซ้ำร้ายกว่านั้น ร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ ยังมีผลครอบคลุมถึงความผิดเกี่ยวกับการทุจริตประพฤติมิชอบต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ไม่ว่าศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้วก็ดี หรืออยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาล หรืออยู่ในชั้นสอบสวนก็ดี ทั้งที่ความผิดลักษณะดังกล่าวเป็นภัยร้ายแรงต่อประเทศชาติ เป็นที่น่ารังเกียจในสังคมโลก สมควรได้รับการพิจารณาตามกระบวนการพิสูจน์ความผิดหรือได้รับการปฏิบัติตามโทษานุโทษ แต่ร่าง พ.ร.บ ฉบับนี้กลับกำหนดยกเว้นกฎหมาย ทำลายนิติรัฐ โดยอ้างว่าเป็นเหตุอันมีที่มาจากการเมือง ทั้งที่ประจักษ์ชัดโดยคำพิพากษาถึงที่สุดแล้วว่าเป็นการทุจริตต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ อันจะเป็นบรรทัดฐานที่ไม่ถูกต้องของสังคมไทยต่อไปในอนาคต ข้าพเจ้า ซึ่งต่างสำนึกตลอดมาว่ามีหน้าที่ธำรงไว้ซึ่งความถูกต้องเป็นธรรมบนแผ่นดินนี้ จึงคัดค้านร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ซึ่งจะเข้าสู่วาระการพิจารณาของวุฒิสภาดังเหตุผลที่กล่าวข้างต้น เพื่อมิให้ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในขณะนี้บานปลายไปสู่การใช้ความรุนแรงต่อกัน อันจะนำมาซึ่งความเสียหายอย่างใหญ่หลวงต่อประเทศชาติและแผ่นดิน จึงให้ผู้ที่เกี่ยวข้องใช้ดุลพินิจทบทวนหรือยับยั้งการออกกฎหมายฉบับนี้โดยเร็วที่สุด”
ขณะที่แหล่งข่าวผู้พิพากษาศาลฎีกา ซึ่งได้ร่วมลงชื่อ เปิดเผยว่า แถลงการณ์นี้เป็นแนวคิดของตุลาการบางส่วนที่ไม่เห็นด้วยกับการออก พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ถึงแม้กฎหมายดังกล่าวจะมีส่วนที่ดี แต่ก็ยังมีบางส่วนที่ขัดรัฐธรรมนูญและความยุติธรรม รวมถึงตัดสิทธิ์เสรีภาพประชาชน จึงอยากแสดงออกให้ฝ่ายนิติบัญญัติทราบเท่านั้น โดยกิจกรรมมีเจตนาเพียงเท่านี้ ทั้งนี้ การรวมกลุ่มตุลาการรักแผ่นดินเพิ่งเกิดขึ้นวันนี้และเป็นการรวมกันเฉพาะกิจ และภารกิจก็จบแล้วในวันนี้ โดยกิจกรรมนั้นทำในนามส่วนตัวที่มีความเห็นว่าประเด็นการออกร่างกฎหมายดังกล่าวจะก่อให้เกิดปัญหาความร้าวฉานในสังคม และเมื่อหลายฝ่ายในสังคมได้ออกมาแสดงความเห็นคัดค้านการออกกฎหมายแล้วเราในฐานะประชาชนคนไทยคนหนึ่งเพียงแต่ประกอบวิชาชีพเป็นผู้พิพากษาก็นิ่งเฉยไม่ได้ จึงจะต้องร่วมกันแสดงจุดยืนและชี้แจงถึงเหตุที่มีการคัดค้าน โดยคำชี้แจงนี้เสมือนเป็นการเขียนบทความแสดงความเห็นต่อสังคมให้เข้าใจ เพียงแต่ผู้เขียนมีมากกว่าหนึ่งคน และในการรวมตัวครั้งนี้เราก็ได้ชี้แจงต่อผู้พิพากษาที่มาร่วมลงชื่อแล้วว่าจะมีการทำเป็นคำชี้แจงเปิดเผยให้สาธารณะชนและสังคมเข้าใจ ขณะที่ยืนยันว่าการดำเนินการครั้งนี้ไม่เกี่ยวข้องกับองค์กรศาลและฝ่ายการเมืองใดๆ ทั้งสิ้น รวมทั้งไม่ได้มีการนำชื่อผู้พิพากษาที่รวมตัวกันไปใช้ในประโยชน์อื่น
แหล่งข่าวผู้พิพากษาศาลฎีกา กล่าวอีกว่า เมื่อถามว่า เกรงหรือไม่จะทำให้ต้องถูกตรวจสอบโดยคณะกรรมการตุลาการศาลยุติธรรม (ก.ต.) ว่าการกระทำดังกล่าวผิดวินัยตุลาการ แหล่งข่าวผู้พิพากษาศาลฎีกา กล่าวย้ำว่า การรวมตัวครั้งนี้เป็นการแสดงจุดยืนเรื่องความคิดเห็นส่วนตัว
สำหรับรายชื่อผู้พิพากษากลุ่มตุลาการผู้รักแผ่นดิน ประกอบด้วย นายสมชาติ ธัญญาวินิชกุล, นายฉัตรไชย จันทร์พรายศรี, นายพิชัย เพ็งผ่อง, นายสิทธิศักดิ์ วนะชกิช, นายมานิตย์ สุขอนันต์, นายอนุรักษ์ สง่าอารีย์กูล, นางวราภรณ์ สุระพัฒน์พิชัย, นายอุเทน วิภาณุรัตน์, นางอรพันท์ เพ็ญตระการ, นางสาวมาลี เตชะจันตะ, นายสมนึก เมืองคำสกุล, นางสกุลรัตน์ อยู่เปนสุข, น.ส.สุณิสา สมประสงค์, นายเจริญวิทย์ เกื้อทิพย์, นางอภิญญา จันทรเศรษฐ, น.ส.ศิณีนาถ เกียรติกังวาฬไกล, นางสาวจรีรัตน์ โรจนาจิณ, นายเกียรติคุณ แม้นเลขา, นางเศรณี ศิริมังคละ, นายธนิต รัตนะผล, นายภีม ธงสันติ, นางรัชดาพร เสนีย์วงศ์ ณ อยุธยา, นายวิรัตน์ เกษมทรัพย์, นายโกสินทร์ ฤทธิรงค์, นายชาติชาย เหลืองอ่อน, น.ส.นิสากร บุญศิริ, นายสมพร ศรีกฤษณ์, นายพรเทพ สุทิน, นายสรพงค์ ไกรสุวรรณ์, นายสมพร ฮี้เกษม, นายวินัย ศักดาไกร, นายบุญลอง นรจิตต์,
นางจันทร์กระพ้อ ต่อสุวรรณ สินธวถาวร, น.ส.รังสิมา ลัธธนันท์, น.ส.ศรัญวรรณ โชตินิมิตคุณ,นายสรวิทย์ จันทโสภณพร, นางสาวนฤภร จันทรักษ์, นายรพี แพ่งสภา, นายไพศาล ไพบูลย์วัฒนกิจ, นายอวิรุทธ์ ชาญชัยกิตติกร, นายเสกสันติ์. เทพหนู, นางพินสิริ นามสีฐาน เพ็งงาน, น.ส.อังคณา หรูวรนันท์, นายชัยรัตน์ ชุมพล, นายเอนก ศรีมุกข์, นายคนองเดช สวัสดิ์วงศ์วิชา, นางวราทิพย์ จตุวรพัฒน์, นางสุชาดา ยิ่งสกุล, นางปัทมาพร นาคเรืองศรี, นางราณี เหล่าพัฒนา, นางนันทวัน เจริญศักดิ์ เกษมสมพร, นางชนัญชิตา ณ ระนอง, นายดำรงค์ศักดิ์ ใจฐิติวิทย์, นางจรัสวรรณ ใจฐิติวิทย์, นายอายุกร บุญอากาศ, นายเชิดพันธุ์ วิลาวรรณ, นางปิยนันท์ พันธุ์ชนะวานิช, นายพรศักดิ์ เชาวลิต, นางมะลิวรรณ วิภาดาพรพงษ์, นายไกรพิชญ์ ปิยสิรานนท์, นายดุลประภัสสร์ มุลพรม, นายรัฐพล โลนา และนางสุวรรณา นาคะรัศมี