กรมราชทัณฑ์เสนอสร้างคุกเพิ่ม 42 แห่ง มูลค่ากว่า 30,000 ล้านบาท เตรียมชงเข้า ครม. เผย 1 ใน 42 แห่งผุดเรือนจำซูเปอร์แมกซ์ที่ควบคุมนักโทษคนสำคัญด้วยเทคโนโลยีทันสมัยที่ อ.คลองไผ่ จ.นครราชสีมา เป็นแห่งแรกในประเทศไทย
วันนี้ (16 ต.ค.) ที่กระทรวงยุติธรรม นายชัยเกษม นิติสิริ รมว.ยุติธรรม นายสุชน ชาลีเครือ ที่ปรึกษา รมว.ยุติธรรม นายปิติพงศ์ เต็มเจริญ เลขานุการ รมว.ยุติธรรม พ.ต.อ.สุชาติ วงศ์อนันต์ชัย อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ร่วมแถลงข่าวโครงการก่อสร้างเรือนจำแห่งใหม่ 42 แห่งทั่วประเทศ มูลค่า 30,000 ล้านบาท เพื่อทดแทนเรือนจำเก่าที่มีสภาพแออัดและอยู่ในเขตพื้นที่ชุมชน หลัง รมว.ยุติธรรมเห็นชอบในหลักการเบื้องต้นพร้อมเตรียมเสนอ ครม.อีก 2 สัปดาห์
พ.ต.อ.สุชาติ วงศ์อนันต์ชัย อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวว่า โครงการก่อสร้างเรือนจำ 42 แห่ง สืบเนื่องจากเรือนจำเก่าอยู่ในเมืองมีสภาพแออัด จึงเห็นควรย้ายเรือนจำออกไปอยู่นอกเมือง ส่วนพื้นที่เดิมจะไว้ทำประโยชน์ เบื้องต้นเรือนจำที่จะสร้างใหม่จะมีหนึ่งแห่งที่จะสร้างเรือนจำซุปเปอร์แม็ก ที่ อ.คลองไผ่ จ.นครราชสีมา เป็นเรือนจำที่ใช้ควบคุมนักโทษที่มีพฤติการณ์กระทำผิดซ้ำหรือความประพฤติไม่ดีไปควบคุม โดยจะวางแนวทางจำแนกนักโทษไปควบคุมที่เรือนจำที่มีความมั่นคงสูงใหม่ที่จะไม่พิจารณาเรื่องอัตราโทษในปัจจุบัน แต่อนาคตจะพิจารณาพฤติการณ์ของนักโทษที่มีปัญหาเป็นหลัก เพราะบางคดี เช่น คดีฉ้อโกง หากนักโทษพวกนี้ก่อเหตุฉ้อโกงหลายครั้งก็มีโทษจำคุกสูงแต่ไม่ได้หมายความว่านักโทษกลุ่มมีพฤติการณ์ก้าวร้าวรุนแรง โดยแผนการสร้างเรือนจำซูเปอร์แมกซ์ครั้งนี้ กรมราชทัณฑ์ได้เชิญอดีต ผบ.เรือนจำซูเปอร์แมกซ์ของสหรัฐอเมริกา มาหารือวางแนวทางการดำเนินการ ส่วนระยะนี้ที่ยังสร้างเรือนจำใหม่ไม่เสร็จ มีเรือนจำความมั่นสูง 17 แห่ง ที่ควบคุมนักโทษ โดยเรือนจำ 7 แห่งมีเครื่องรบกวนสัญญาณโทรศัพท์มือถือ และอีก 10 แห่ง มีเครื่องตัดสัญญาณโทรศัพท์มือถือ
อธิบดีกรมราชทัณฑ์กล่าวอีกว่า ส่วนเรือนจำที่เหลืออีก 41 แห่งที่จะสร้างใหม่ ตนจะให้ความสำคัญต่อนโยบายกรีนเอเรีย หรือเรื่องสิ่งแวดล้อมของเรือนจำ ทั้งการบำบัดน้ำเสีย การบำบัดขยะ ส่วนขนาดของเรือนจำที่จะสร้างใหม่จะขึ้นอยู่กับเรือนจำเดิมว่าเป็นเรือนจำอำเภอหรือเรือนจำจังหวัด โดยจะก่อสร้างให้เหมาะสมกับจำนวนนักโทษในแต่ละพื้นที่ ในส่วนของเรือนจำกลางคลองเปรม ที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองมีพื้นที่กว่า 300 ไร่ ยังไม่อยู่ในแผนการย้ายเรือนจำครั้งนี้ จะอยู่ในเฟส 2 ที่จะมีการย้ายเรือนจำในอนาคต รวมทั้งเรือนจำกลางบางขวางเช่นกันที่อยู่ในโครงการย้ายเรือนจำในระยะต่อไป ในส่วนของโครงการก่อสร่างเรือนจำเอกชน ตนได้เสนอ รมว.ยุติธรรม ในหลักการเบื้องต้น แต่ขณะนี้กฎหมายยังไม่พร้อม โดยเห็นว่าประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาสามารถทำได้ โดยแก้ไขกฎกระทรวง ในอนาคตหากมีการแก้ไขกฎหมายก็พร้อมเปิดโครงการเรือนจำ ใช้รองรับผู้ต้องขังระหว่างพิจารณาคดี เพราะผู้ต้องขังระหว่างการพิจารณาคดีตามรัฐธรรมนูญ ยังถือว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ จะปฎิบัติเหมือนนักโทษในเรือนจำไม่ได้ ซึ่งเรือนจำเอกชนทำให้รัฐไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการดูแลเพียงแต่เข้าไปดูแลมาตรฐานด้านการควบคุม
พ.ต.อ.สุชาติกล่าวอีกว่า สำหรับผลการปราบปรามการลักลอบนำโทรศัพท์มือถือเข้าเรือนจำให้กับนักโทษในเรือนจำ ล่าสุดวันที่ 15 ต.ค. ที่เรือนจำกลางคลองไผ่ จ.นครราชสีมา เจ้าหน้าที่เรือนจำสามารถยึดเครื่องบินบังคับวิทยุที่บินนำโทรศัพท์มือถือไปส่งให้นักโทษแดน 5 แต่ไม่สามารถส่งไปถึงจุดหมายได้ เนื่องจากผู้คุมได้สังเกตเห็นเสียก่อน ภายในเครื่องบินบังคับได้มีการบรรจุโทรศัพท์มือถือ 5 เครื่อง หูฟัง 6 ชุด บลูธูท 1 ชิ้น ซิมการ์ด 35 ชิ้น และที่ชาร์จแบตเตอรี่มือถืออีก 6 ชุด ขณะนี้อยู่ในการติดตามตัวผู้ที่เกี่ยวข้อง สำหรับราคาซื้อขายโทรศัพท์ภายในเรือนจำมีมูลค่าสูงโดยเฉพาะสมาร์ทโฟน เช่น ไอโฟน ซึ่งมีราคาสูงถึงเครื่องละ 300,000 บาท ส่วนมือถือธรรมดาก็ขึ้นอยู่กับความเก่าใหม่ แต่มีราคาระหว่าง 3-5 หมื่นบาท ส่วนเรือนจำกลางเขาบิน จังหวัดราชบุรี เจ้าหน้าที่เรือนจำสามารถควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยที่พยายามโยนโทรศัพท์มือถือข้ามกำแพงเรือนจำ อยู่ระหว่างสอบสวนขยายผลหาผู้ที่เกี่ยวข้องต่อไป