xs
xsm
sm
md
lg

อุทธรณ์แก้ยกฟ้องบริษัท ซัพพอร์ต ซิสเต้มส์ ยักยอกทรัพย์แบงก์บีบีซี

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

นายเอกชัย อธิคมนันทะ อดีตผู้ช่วย กก.ผจก.ใหญ่ บีบีซี  จำเลยที่ 2 ซึ่งเดินทางมาฟังคำพิพากษา
ศาลอุทธรณ์แก้ยกฟ้องบริษัท ซัพพอร์ต ซิสเต้มส์ จำเลยที่ 3 ฐานยักยอกทรัพย์แบงก์บีซีซี 2,000 กว่าล้านบาท ร่วมกับ “เกริกเกียรติ ชาลีจันทร์” แต่ให้สั่งปรับเงิน 6 ล้านบาท ฐานผิด พ.ร.บ.หลักทรัพย์ฯ

วันนี้ (19 ก.ย.) ที่ห้องพิจารณาคดี 907 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์คดียักยอกทรัพย์ บีบีซี หมายเลขคดี อ.7251/2543 ที่อัยการฝ่ายคดีเศรษฐกิจและทรัพยากร และธนาคารกรุงเทพฯพาณิชย์การ จำกัด (มหาชน) หรือบีบีซี ร่วมกันเป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายเกริกเกียรติ ชาลีจันทร์ อดีตกรรมการผู้จัดการใหญ่ บีบีซี, นายเอกชัย อธิคมนันทะ อดีตผู้ช่วย กก.ผจก.ใหญ่ บีบีซี, บริษัท ซัพพอร์ต ซิสเต้มส์ จำกัด โดยนายจิตตสร ปราโมช ณ อยุธยา กรรมการผู้มีอำนาจ ซึ่งอดีตเป็น รอง ผอ.สำนักงานกรรมการการผู้จัดการใหญ่ บีบีซี และ นายรังสรรค์ ปิยะวงศ์ภิญโญ กรรมการบริษัทในเครือข่ายของนายราเกซ สักเสนา อดีตที่ปรึกษานายเกริกเกียรติ กก.ผจก.ใหญ่ บีบีซี เป็นจำเลยที่ 1-4 ในความผิดฐานยักยอกทรัพย์ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 352, ผู้ใดรับมอบทรัพย์สินให้จัดการทรัพย์สิน กระทำผิดหน้าที่ของตนเองโดยทุจริตจนเป็นเหตุให้เกิดความเสียหาย มาตรา 353, กระทำผิดในฐานะเป็นผู้จัดการทรัพย์สิน และ พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 307, 308, 309, 311 และ 313 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 86 กรณีเมื่อระหว่างปี 2538-2539 นายเกริกเกียรติ กับพวก และนายราเกซ สักเสนา เป็นที่ปรึกษาของนายเกริกเกียรติ กก.ผจก.ใหญ่ ได้ร่วมกันพิจารณาอนุมัติสินเชื่อวงเงินเกินบัญชี ให้กับบริษัท ซัพพอร์ต ซิสเต้มส์ จำกัด ที่ไม่มีการทำสัญญาใดๆ โดยอ้างว่านำเงินไปชำระหนี้แทนบริษัทในเครือข่ายของนายราเกซ ที่ซื้อหุ้นเพิ่มทุน บีบีซี โจทก์ร่วม อีกทั้งยังอนุมัติขยายวงเงินและขยายเวลา ชำระเงินกู้โดยไม่ผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการ (บอร์ด) บีบีซี ซึ่งฝ่าฝืน ประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย

คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษา เมื่อวันที่ 3 ก.ย. 2551 พิพากษาให้จำคุกนายเกริกเกียรติ จำเลยที่ 1 เป็นเวลา 35 ปี แต่เมื่อเรียงกระทงลงโทษตามกฎหมายแล้ว ให้จำคุกสูงสุดได้เป็นเวลา 20 และปรับเป็นเงิน 4,950,507,947.86 บาท โดยให้นับโทษจำเลยที่ 1 ต่อจากคดีอาญายักยอกทรัพย์บีบีซี ที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ มีคำพิพากษาเมื่อปี 2548 แล้วรวม 3 คดี และคดีอาญายักยอกทรัพย์บีบีซี ที่ศาลอาญา มีคำพิพากษาเมื่อปี 2548 และ ปี 2550 แล้วรวม 3 คดี และให้ปรับบริษัท ซัพพอร์ต ซิสเต้มส์ จำกัด จำเลยที่ 3 เป็นเงิน 6 ล้านบาท โดยให้จำเลยที่ 1 และ 3 ร่วมกันชดใช้เงินคืนให้ บีบีซี รวมทั้งสิ้น 2,475,253,993.93 บาท

สำหรับนายรังสรรค์ จำเลยที่ 4 นั้นให้จำคุก 12 ปี แต่คำให้การเป็นประโยชน์ เห็นควรลดโทษให้ 1 ใน 4 คงจำคุก เป็นเวลา 9 ปี ขณะที่นายเอกชัย จำเลยที่ 2 ศาลยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้ จึงพิพากษายกฟ้อง ต่อมาโจทก์และจำเลยยื่นอุทธรณ์

โดยวันนี้ นายเอกชัย อธิคมนันทะ จำเลยที่ 2 เดินทางมาศาลเพียงคนเดียว ซึ่งศาลอุทธรณ์ได้ประชุมตรวจสำนวนปรึกษากันแล้วเห็นว่า นายเกริกเกียรติ จำเลยที่ 1 และ นายรังสรรค์ จำเลยที่ 4 เสียชีวิตแล้ว จึงมีคำสั่งให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความ

ส่วนบริษัท ซัพพอร์ต ซิสเต้มส์ จำกัด จำเลยที่ 3 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องความผิดฐานยักยอกทรัพย์ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 352-354 แต่ให้ปรับตามความผิด พ.ร.บ.หลักทรัพย์ฯ มาตรา 315 ประกอบ มาตรา 307 เป็นความผิดต่างกรรมต่างวาระกัน ให้เรียงกระทงลงโทษ ปรับ 6 กระทงฯ ละ 1 ล้านบาท รวมเป็นเงิน 6 ล้านบาท

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับคดีที่นายเกริกเกียรติตกเป็นจำเลยคดียักยอกทรัพย์บีบีซี ที่ศาลมีคำพิพากษาแล้ว มีทั้งหมด 7 สำนวน และสำนวนนี้ เป็นสำนวนที่ 8 โดยก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 5 ก.ย. 2556 ที่ผ่านมา ศาลอุทธรณ์ได้พิพากษายกฟ้องคดีหมายเลขดำ ด.10764 /2542 ที่ยื่นฟ้องนายเกริกเกียรติและนายเอกชัย กรณีร่วมกันใช้บัตรพิเศษอนุมัติสินเชื่อผ่านระบบคอมพิวเตอร์ให้กับนิติบุคคลต่างๆ ในวงเงินเกิน 30 ล้านบาท โดยฝ่าฝืนหลักเกณฑ์ธนาคารแห่งประเทศไทย เนื่องจากพยานหลักฐานโจทก์ ยังไม่มีน้ำหนักเพียงพอ
กำลังโหลดความคิดเห็น