สองโจ๋ฟันคอชิงทรัพย์นักข่าวไทยโพสต์ สารภาพชิงทรัพย์ ปฏิเสธพยายามฆ่า ขณะที่ผู้เสียหายตั้งทนายความเข้าเป็นโจทก์ร่วม-พร้อมเรียกค่าชดเชย 1 ล้าน ระบุแขนซ้ายยังอ่อนแรง ศาลนัดสืบพยานโจทก์ครั้งแรก 15 ก.ค.ปีหน้า
วันนี้ (9 ก.ย.) ที่ห้องพิจารณาคดี 905 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดตรวจพยานหลักฐานและสอบคำให้การจำเลยคดีหมายเลขดำที่ 2138/2556 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 7 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายปรีชา วารารัมย์ อายุ 19 ปี และ นายศรัณ ชูนิ่ม อายุ 22 ปี เป็นจำเลยในความผิดฐาน ร่วมกันชิงทรัพย์ในเวลากลางคืนโดยมีอาวุธมีด โดยใช้ยานพาหนะเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัสฯ และพยายามฆ่าผู้อื่น ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 339, 340 ตรี
คดีนี้โจทก์ฟ้องเมื่อวันที่ 12 มิ.ย.ระบุว่า เมื่อวันที่ 18 มี.ค.เวลากลางคืนที่ บริเวณซอยรัชดา 36 (ซอยเสือใหญ่อุทิศ) หลังมหาวิทยาลัยราชภัฏจันทรเกษม จำเลยทั้งสองได้นำมีดพร้า 1 เล่ม ความยาว 1 ฟุต ติดตัวไปเป็นอาวุธแล้วร่วมกันชิงโทรศัพท์มือถือ จำนวน 1 เครื่อง ราคา 1,000 บาท ของ นายสุวัฒน์ ปัญจวงศ์ 30 ปี ผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ ประจำศาลยุติธรรม โดยจำเลยทั้งสองได้ใช้มีดดังกล่าวฟันเข้าที่ลำคอโดยมีเจตนาฆ่า บาดแผลฉีกขาดยาวประมาณ 7 ซม.ลึกถึงขั้นกล้ามเนื้อ เส้นเลือดดำฉีกขาด เส้นประสาทคู่ที่ 5 ได้รับบาดเจ็บ แต่ผู้เสียหายได้รับการรักษาจากแพทย์ได้ทัน จึงไม่ถึงแก่ความตายตามเจตนาของจำเลยทั้งสอง แต่เป็นเหตุได้รับอันตรายสาหัสจนไม่สามารถประกอบกิจกรรมได้ตามปกติ ต่อมาวันที่ 21 มี.ค.2556 เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงจับกุมจำเลยทั้งสองได้ พร้อมโทรศัพท์ของผู้เสียหายและอาวุธมีด 1 เล่ม ในชั้นสอบสวนจำเลยให้การรับสารภาพ เหตุเกิดที่ แขวงจันทรเกษม เขตจตุจักร กทม.จึงขอให้พิพากษาลงโทษจำเลยตามกฎหมาย และสำหรับ นายศรัณ จำเลยที่ 2 เนื่องจากเคยต้องคำพิพากษาถึงที่สุด จำคุก 6 เดือนคดีร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืน และจำคุก 8 เดือน คดีครอบครองยาบ้าของศาลจังหวัดนนทบุรี ซึ่งจำเลยได้กระทำผิดในคดีดังกล่าวขณะมีอายุไม่ต่ำกว่า 18 ปี แม้ว่าจำเลยพ้นโทษทั้งสองคดีมาแล้ว เมื่อปี 52 และ ปี 55 ตามลำดับ แต่กลับมากระทำผิดในคดีอาญาที่ฟ้องนี้ภายในระยะเวลา 5 ปี นับจากวันพ้นโทษจากคดีเดิม จึงขอให้ศาลเพิ่มโทษจำเลยที่สอง ตามกฎหมายด้วย
ศาลได้อ่านและอธิบายคำฟ้องให้จำเลยทั้งสองและสอบถามว่าจะรับสารภาพหรือปฏิเสธ จำเลยทั้ง 2 ให้การรับสารภาพในข้อหาร่วมกันชิงทรัพย์ แต่ให้การปฏิเสธในข้อหาร่วมกันพยายามฆ่า ขณะที่ นายสุวัฒน์ ผู้เสียหาย ได้มอบอำนาจให้ทนายความจากสภาทนายความยื่นคำร้องขอเข้าเป็นโจทก์ร่วมในคดีนี้ด้วย ศาลสอบพนักงานอัยการโจทก์แล้วไม่คัดค้าน จึงอนุญาตให้นายสุวัฒน์เข้าเป็นโจทก์ร่วมในคดีนี้ได้
ขณะที่อัยการแถลงขอนำพยานเข้าสืบจำนวน 5 ปาก ส่วนฝ่ายจำเลย ระบุขอสืบพยานต่อสู้คดี จำนวน 2 ปาก ศาลพิจารณาแล้วจึงนัดสืบพยานโจทก์ปากแรก ในวันที่ 15 ก.ค.2557
ภายหลัง นายสุวัฒน์ ผู้เสียหาย กล่าวว่า คดีนี้ตนขอเป็นโจทก์ร่วม และได้มีการเรียกค่าเสียหายในคดีอาญาด้วย เนื่องจากตั้งแต่เกิดเหตุไม่มีการติดต่อขอโทษ หรือเยียวยาจากฝ่ายจำเลยเลยแม้แต่น้อย ส่วนที่จำเลยทั้งสองสู้ในข้อหาพยายามฆ่านั้น ช่วงที่เกิดเหตุพฤติการณ์ของจำเลยได้มุ่งตรงเข้ามาทำร้ายตน ซึ่งบาดแผลที่โดนฟันนั้นเป็นจุดสำคัญ แพทย์เองก็ระบุว่าถ้าตนถูกส่งตัวไปโรงพยาบาลช้าอาจทำให้เสียชีวิตได้ ขณะที่การรักษาต้องมีการกายภาพบำบัดต่อเนื่องไม่ต่ำกว่า 2 ปี และยังไม่แน่ว่าแขนซ้ายที่โดนฟันจะกลับมาใช้งานได้เหมือนเดิมหรือไม่