ASTV ผู้จัดการรายวัน - ศาลสั่งจำหน่ายคดี “เอกยุทธ” ทำร้ายร่างกายและทรัพย์สินภายในร้านคาราโอเกะซิตี้ เหตุเสียชีวิต ขณะที่ “ไอ้บอล” ผู้ต้องหาในคดีฆ่าชิงทรัพย์ ยอมรับมีทนายผู้หญิงเข้าสอบปากคำในเรือนจำจริง ปริปากอาจจะกลับคำให้การในชั้นศาล วอนให้ผู้สื่อข่าวไปสืบข้อเท็จจริงเรื่องร่วมงานกับนายสมชาย ด้านรองผบช.น. มั่นใจสำนวนคดี ไม่มีอะไรบกพร่อง อ้างเหตุอัยการสั่งสอบเพิ่ม แค่ดุลพินิจแต่ละดีกรีแตกต่างกัน
วานนี้ (2 ก.ย.) ที่ห้องพิจารณาคดี 903 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดตรวจพยานหลักฐานคดีดำหมายเลข อ.2001/2556 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 9 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายเอกยุทธ อัญชันบุตร อายุ 53 ปี อดีตนักธุรกิจการเงินและอสังหาริมทรัพย์ชื่อดัง กับพวกอีก 2 คือ นายก้องการุณ ศรีประสาน อายุ 32 ปี อาชีพค้าขาย และนายสันติภาพ เพ็งด้วง หรือ บอล อายุ 23 ปี อาชีพรับจ้าง ร่วมกันเป็นจำเลยที่ 1-3 ในความผิดฐานร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กาย, เอาไปซึ่งเอกสารของผู้อื่น และ พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ
สำหรับคดีนี้อัยการโจทก์ฟ้องสรุปว่า เมื่อวันที่ 19 ธ.ค.2555 เวลากลางคืน จำเลยกับพวกได้ร่วมกันกระทำผิดกฎหมายหลายบท โดย นายเอกยุทธ จำเลยที่ 1 ได้ยุยงส่งเสริมให้จำเลยที่ 2-3 ทำร้ายร่างกายใช้มือตบศีรษะ ชกต่อยที่บริเวณใบหน้า ใช้เท้าถีบลำตัว ล็อกคอ และลากตัวนายจตุพล มังกรทอง รองผู้จัดการร้านคาราโอเกะ ซิตี้ ย่าน ถ.ประดิษฐ์มนูธรรม แขวง-เขตลาดพร้าว กทม.นอกจากนี้นายก้องการุณ จำเลยที่ 2 ได้บังอาจทำร้ายร่างกาย น.ส.เฟื่องฟ้า กันทมูล แคชเชียร์ โดยขว้างขวดน้ำอัดลมใส่ประตูกระจกห้องพนักงานเก็บเงิน จนเศษกระจกกระเด็นบาดหน้าแข้งซ้ายของ น.ส.เฟื่องฟ้า ได้รับบาดเจ็บ และจำเลยที่ 3 ได้ทำร้ายร่างกายใช้มือผลักกระแทกใบหน้า น.ส.จุฬา เครือวัลย์ ผู้จัดการร้านคาราโอเกะ ซิตี้
นอกจากนี้จำเลยที่ 1 ยังได้ทำลายเอกสารบันทึกการขายหรือใบสลิปชำระค่าอาหารและเครื่องดื่มจำนวน 34,895 บาท ด้วยการขยำทิ้งลงในบ่อน้ำของร้าน ส่วนจำเลยที่ 2 และ 3 ได้พกอาวุธปืนไม่ทราบชนิด และขนาด ไม่มีหมายเลขทะเบียน อันเป็นอาวุธตามกฎหมายติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน และทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร
ศาลได้อ่านและอธิบายคำฟ้องให้จำเลยฟังแล้ว จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ และขอต่อสู้คดี ในส่วนนายเอกยุทธ อัญชัญบุตร จำเลยที่ 1 นั้นศาลได้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความ เนื่องจากเสียชีวิต ต่อมาอัยการโจทก์แถลงขอนำพยานเข้าสืบจำนวน 15 ปาก ส่วนฝ่ายจำเลยแถลงนำพยานสืบหักล้าง จำนวน 9 ปาก ซึ่งศาลนัดสืบพยานโจทก์ครั้งแรก วันที่ 11 พ.ย.2557 เวลา 09.00 น.
ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวได้สอบถามนายสันติภาพ หรือ บอล ระหว่างที่อยู่ในห้องพิจารณาคดี ถึงประเด็นที่นายสุวัตร อภัยภักดิ์ อดีตทนายความนายเอกยุทธ ได้ส่ง น.ส.อัจฉรา แสงขาว ทีมทนายความเข้าพบระหว่างถูกคุมขังอยู่ภายในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ จริงหรือไม่ โดยนายสันติภาพ กล่าวว่า มีทนายความผู้หญิงมาพบจริง แต่ตนจำชื่อไม่ได้ เป็นการมาเยี่ยมตามประสาคนรู้จัก และหลังจากนั้นก็มีเจ้าหน้าที่ตำรวจ บช.น.มาสอบปากคำเพิ่มเติม และตอนนี้ตนยังขอยืนยันในคำให้การเดิม
ส่วนกรณีที่ นางสาวอัจฉรา แสงขาว ทนายความได้แถลงข่าวว่าตนได้สารภาพว่าฮาร์ดดิสก์ กล้องวงจรปิดได้เอาไปฝังดินไว้นั้น ขอไม่พูดถึง แต่ขอให้ผู้สื่อข่าวไปสืบข้อเท็จจริงเอาเองว่าตนเคยร่วมงานกับนายสมชาย จิตปรีดากร นักธุรกิจด้านคอมพิวเตอร์จริงหรือไม่
เมื่อถามถึงกรณีที่มีการระบุว่าถูกเบี้ยวค่าจ้าง 3 ล้านบาทนั้น นายสันติภาพ ไม่ขอตอบ เดี๋ยวก็รู้เอง เมื่อถามต่อว่าหากคดีขึ้นสู่ศาลแล้วจะรับสารภาพว่าเป็นคนลงมือสังหารนายเอกยุทธ หรือจะปฏิเสธ นายสันติภาพบอกว่าขอดูก่อน
ผูู้สื่อข่าวถามอีกว่า อยู่ในเรือนจำมีความกลัวหรือไม่ว่าจะมีคนปองร้ายและมีใครมาเยี่ยมหรือดูแลบ้าง นายสันติภาพ กล่าวสั้นๆ ว่า อยู่ได้ ทุกวันนี้มีแต่พ่อแม่มาเยี่ยม ส่วนตนอยู่แดน 1 เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ร่วมกับเพื่อนผู้ต้องหาในคดีฆ่านายเอกยุทธ แต่ยังไม่เคยคุยกันว่าจะสู้คดีในแนวทางเดียวกันหรือไม่ ต้องรอดูไปก่อน ตนก็มีทนายความของตน โดยตนเป็นผู้เสียค่าใช้จ่ายเองไม่ได้มีใครมาช่วยเหลือ
เมื่อถามว่า ได้ติดต่อเพื่อขอรับความช่วยเหลือจากนายสุวัตรหรือไม่ เนื่องจากนายสุวัตรเคยเป็นทนายของนายเอกยุทธมาก่อน นายสันติภาพ กล่าวเพียงสั้นๆ ว่า ตอนนี้ก็ไม่ได้เป็นแล้วนี่
หลังจากนั้น น.ส.อัจฉรา แสงขาว ทีมทนายความก็ได้เดินทางมาพูดคุยกับนายสันติภาพ หรือบอล ในห้องพิจารณาคดี โดยใช้เวลานานประมาณ 15 นาที หลังจากพูดคุยกันเสร็จ ผู้สื่อข่าวได้เข้าไปสอบถามแต่ น.ส.อัจฉรา ทนายความปฏิเสธไม่ขอเปิดเผยรายละเอียด
**ตร.มั่นใจคดีไม่มีอะไรบกพร่อง
ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ต.อนุชัย เล็กบำรุง รอง ผบช.น.ฐานะหัวหน้าชุดพนักงานสอบสวนคดีฆ่านายเอกยุทธ เรียกประชุมชุดสอบสวนเพื่อสรุปสำนวนคดีส่งพนักงานอัยการสำนักงานคดีอาญา 6 หลังพนักงานอัยการส่งสำนวนกลับมาให้ชุดสอบสวนเมื่อวันที่ 30 ส.ค.โดยสั่งให้สอบปากคำเพิ่มเติมรวม 4 ประเด็น และสอบพยานบางปากเพิ่มเติม ก่อนให้ส่งสำนวนมาคืนภายใน 3 วัน โดย พล.ต.ต.อนุชัย กล่าวว่า จะมีการเร่งรัดส่งสำนวนให้พนักงานอัยการโดยเร็ว คิดว่าในช่วงบ่ายน่าจะพร้อมส่งสำนวน
ผู้สื่อข่าวถามว่าตามที่พนักงานอัยการส่งสำนวนมาให้สอบสวนเพิ่มเติมมีความบกพร่องอย่างไร พล.ต.ต.อนุชัย กล่าวว่า ที่สอบสวนมาในขอบเขตของอำนาจพนักงานสอบสวนตนพิจารณาแล้วไม่มีอะไรบกพร่อง แต่ในมุมมองของพนักงานอัยการอาจจะขอให้เสริมอะไรบางอย่าง เพื่อให้สำนวนนั้นพร้อมมากยิ่งขึ้น มีพยานหลักฐานเพียงพอที่จะลงโทษผู้กระทำผิดได้ อย่างไรก็ตามมุมมองขององค์กรในกระบวนการยุติธรรมในแต่ละส่วน ก็ไม่เหมือนกัน พนักงานสอบสวนมีดีกรีการรวบรวมระดับหนึ่ง พนักงานอัยการท่านก็มีดุลพินิจอีกระดับหนึ่ง ที่จะนำพยานหลักฐานในสำนวนการสอบสวนไปแสดงต่อศาลเพื่อให้เกิดความน่าเชื่อถือ และคดีมีน้ำหนักที่จะลงโทษผู้กระทำผิดฉะนั้นไม่มีอะไรที่บกพร่อง
เมื่อถามว่า พนักงานอัยการส่งสำนวนกลับมาแสดงว่าในชั้นสอบสวนทำสำนวนอ่อนหรือไม่ พล.ต.ต.อนุชัย ตอบว่า เราไม่ได้บกพร่องอะไรเป็นการใช้ดุลพินิจแต่ละระดับ
พล.ต.ต.อนุชัย กล่าวด้วยว่า ผลการตรวจสอบทางนิติวิทยาศาสตร์ ทางคณะพนักงานสอบสวนมุ่งเน้นผลนิติวิทยาศาสตร์ที่รายงานออกมาจากสถานบันนิติเวชวิทยา รพ.ตำรวจ และผลการตรวจชันสูตรพลิกศพในที่เกิดเหตุ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา เป็นสำคัญ
ต่อข้อถามว่าได้มีการรวบรวมผลสรุปความคิดเห็นของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ไว้ในสำนวนการสอบสวนหรือไม่ พล.ต.ต.อนุชัย ตอบว่า ตนดูตามกฎหมาย โดยว่าตามพยานหลักฐานตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาให้อำนาจ ตามที่ กสม.ตั้งข้อสังเกตไว้เราก็รับไว้พิจารณาแต่ว่าในการสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานต้องเป็นไป ตามกฎหมาย ส่วนที่พนักงานอัยการให้สอบสวนเพิ่มเติมในประเด็นใดบ้าง ตนคงเปิดเผยไม่ได้เพราะเป็นความลับของสำนวนการสอบสวน แต่ขอให้รอเวลาอีกสักระยะ ถ้าคดีนี้อยู่ในชั้นพิจารณาศาลแล้วจะเป็นไปด้วยความเป็นธรรม และเปิดเผย ก็จะสามารถตอบคำถามได้ทุกส่วน
ด้าน ร.ต.ต.พงษ์นิวัฒน์ ยุทธภัณฑ์บริภาร อธิบดีอัยการฝ่ายคดีอาญา กล่าวว่า สำหรับการส่งสำนวนคดีฆ่านายเอกยุทธ อัญชันบุตรให้พนักงานสอบสวนทำการสอบสวนเพิ่มเติมในบางประเด็นนั้น ขณะนี้ทางพนักงานสอบสวน บช.น.ได้ส่งสำนวนการสอบสวนบางส่วน ที่คณะทำงานอัยการสั่งให้สอบสวนมาแล้ว คาดว่าประเด็นการสอบสวนทั้งหมดทางพนักงานสอบสวนจะส่งกลับมาให้พนักงานอัยการครบถ้วนภายในวันนี้ หลังจากนั้นทางคณะทำงานอัยการจะส่งผลการสอบสวนในประเด็นที่สั่งให้สอบสวนเพิ่มนั้นมาให้ตนพิจารณาว่า มีความสมบูรณ์ครบถ้วนหรือไม่ สำหรับประเด็นที่สั่งให้สอบเพิ่มนั้นไม่มีประเด็นใหม่ แต่เป็นการเพิ่มเติมให้พยานหลักฐานมีความละเอียดมากยิ่งขึ้น ส่วนประเด็นที่นายสุวัตร อภัยภักดิ์ อดีตทนายความของนายเอกยุทธ อัญชันบุตร ตั้งข้อสังเกตนั้นไม่อยู่ในประเด็นที่สั่งให้สอบเพิ่มเติม เนื่องจากไม่ได้อยู่ในสำนวนของพนักงานสอบสวนแต่อย่างใด คาดว่าจะสามารถส่งฟ้องผู้ต้องหาได้ภายในวันที่ 4 ก.ย.2556 ก่อนครบกำหนดฝากขังอย่างแน่นอน
วานนี้ (2 ก.ย.) ที่ห้องพิจารณาคดี 903 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดตรวจพยานหลักฐานคดีดำหมายเลข อ.2001/2556 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 9 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายเอกยุทธ อัญชันบุตร อายุ 53 ปี อดีตนักธุรกิจการเงินและอสังหาริมทรัพย์ชื่อดัง กับพวกอีก 2 คือ นายก้องการุณ ศรีประสาน อายุ 32 ปี อาชีพค้าขาย และนายสันติภาพ เพ็งด้วง หรือ บอล อายุ 23 ปี อาชีพรับจ้าง ร่วมกันเป็นจำเลยที่ 1-3 ในความผิดฐานร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กาย, เอาไปซึ่งเอกสารของผู้อื่น และ พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ
สำหรับคดีนี้อัยการโจทก์ฟ้องสรุปว่า เมื่อวันที่ 19 ธ.ค.2555 เวลากลางคืน จำเลยกับพวกได้ร่วมกันกระทำผิดกฎหมายหลายบท โดย นายเอกยุทธ จำเลยที่ 1 ได้ยุยงส่งเสริมให้จำเลยที่ 2-3 ทำร้ายร่างกายใช้มือตบศีรษะ ชกต่อยที่บริเวณใบหน้า ใช้เท้าถีบลำตัว ล็อกคอ และลากตัวนายจตุพล มังกรทอง รองผู้จัดการร้านคาราโอเกะ ซิตี้ ย่าน ถ.ประดิษฐ์มนูธรรม แขวง-เขตลาดพร้าว กทม.นอกจากนี้นายก้องการุณ จำเลยที่ 2 ได้บังอาจทำร้ายร่างกาย น.ส.เฟื่องฟ้า กันทมูล แคชเชียร์ โดยขว้างขวดน้ำอัดลมใส่ประตูกระจกห้องพนักงานเก็บเงิน จนเศษกระจกกระเด็นบาดหน้าแข้งซ้ายของ น.ส.เฟื่องฟ้า ได้รับบาดเจ็บ และจำเลยที่ 3 ได้ทำร้ายร่างกายใช้มือผลักกระแทกใบหน้า น.ส.จุฬา เครือวัลย์ ผู้จัดการร้านคาราโอเกะ ซิตี้
นอกจากนี้จำเลยที่ 1 ยังได้ทำลายเอกสารบันทึกการขายหรือใบสลิปชำระค่าอาหารและเครื่องดื่มจำนวน 34,895 บาท ด้วยการขยำทิ้งลงในบ่อน้ำของร้าน ส่วนจำเลยที่ 2 และ 3 ได้พกอาวุธปืนไม่ทราบชนิด และขนาด ไม่มีหมายเลขทะเบียน อันเป็นอาวุธตามกฎหมายติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน และทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร
ศาลได้อ่านและอธิบายคำฟ้องให้จำเลยฟังแล้ว จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ และขอต่อสู้คดี ในส่วนนายเอกยุทธ อัญชัญบุตร จำเลยที่ 1 นั้นศาลได้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความ เนื่องจากเสียชีวิต ต่อมาอัยการโจทก์แถลงขอนำพยานเข้าสืบจำนวน 15 ปาก ส่วนฝ่ายจำเลยแถลงนำพยานสืบหักล้าง จำนวน 9 ปาก ซึ่งศาลนัดสืบพยานโจทก์ครั้งแรก วันที่ 11 พ.ย.2557 เวลา 09.00 น.
ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวได้สอบถามนายสันติภาพ หรือ บอล ระหว่างที่อยู่ในห้องพิจารณาคดี ถึงประเด็นที่นายสุวัตร อภัยภักดิ์ อดีตทนายความนายเอกยุทธ ได้ส่ง น.ส.อัจฉรา แสงขาว ทีมทนายความเข้าพบระหว่างถูกคุมขังอยู่ภายในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ จริงหรือไม่ โดยนายสันติภาพ กล่าวว่า มีทนายความผู้หญิงมาพบจริง แต่ตนจำชื่อไม่ได้ เป็นการมาเยี่ยมตามประสาคนรู้จัก และหลังจากนั้นก็มีเจ้าหน้าที่ตำรวจ บช.น.มาสอบปากคำเพิ่มเติม และตอนนี้ตนยังขอยืนยันในคำให้การเดิม
ส่วนกรณีที่ นางสาวอัจฉรา แสงขาว ทนายความได้แถลงข่าวว่าตนได้สารภาพว่าฮาร์ดดิสก์ กล้องวงจรปิดได้เอาไปฝังดินไว้นั้น ขอไม่พูดถึง แต่ขอให้ผู้สื่อข่าวไปสืบข้อเท็จจริงเอาเองว่าตนเคยร่วมงานกับนายสมชาย จิตปรีดากร นักธุรกิจด้านคอมพิวเตอร์จริงหรือไม่
เมื่อถามถึงกรณีที่มีการระบุว่าถูกเบี้ยวค่าจ้าง 3 ล้านบาทนั้น นายสันติภาพ ไม่ขอตอบ เดี๋ยวก็รู้เอง เมื่อถามต่อว่าหากคดีขึ้นสู่ศาลแล้วจะรับสารภาพว่าเป็นคนลงมือสังหารนายเอกยุทธ หรือจะปฏิเสธ นายสันติภาพบอกว่าขอดูก่อน
ผูู้สื่อข่าวถามอีกว่า อยู่ในเรือนจำมีความกลัวหรือไม่ว่าจะมีคนปองร้ายและมีใครมาเยี่ยมหรือดูแลบ้าง นายสันติภาพ กล่าวสั้นๆ ว่า อยู่ได้ ทุกวันนี้มีแต่พ่อแม่มาเยี่ยม ส่วนตนอยู่แดน 1 เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ร่วมกับเพื่อนผู้ต้องหาในคดีฆ่านายเอกยุทธ แต่ยังไม่เคยคุยกันว่าจะสู้คดีในแนวทางเดียวกันหรือไม่ ต้องรอดูไปก่อน ตนก็มีทนายความของตน โดยตนเป็นผู้เสียค่าใช้จ่ายเองไม่ได้มีใครมาช่วยเหลือ
เมื่อถามว่า ได้ติดต่อเพื่อขอรับความช่วยเหลือจากนายสุวัตรหรือไม่ เนื่องจากนายสุวัตรเคยเป็นทนายของนายเอกยุทธมาก่อน นายสันติภาพ กล่าวเพียงสั้นๆ ว่า ตอนนี้ก็ไม่ได้เป็นแล้วนี่
หลังจากนั้น น.ส.อัจฉรา แสงขาว ทีมทนายความก็ได้เดินทางมาพูดคุยกับนายสันติภาพ หรือบอล ในห้องพิจารณาคดี โดยใช้เวลานานประมาณ 15 นาที หลังจากพูดคุยกันเสร็จ ผู้สื่อข่าวได้เข้าไปสอบถามแต่ น.ส.อัจฉรา ทนายความปฏิเสธไม่ขอเปิดเผยรายละเอียด
**ตร.มั่นใจคดีไม่มีอะไรบกพร่อง
ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ต.อนุชัย เล็กบำรุง รอง ผบช.น.ฐานะหัวหน้าชุดพนักงานสอบสวนคดีฆ่านายเอกยุทธ เรียกประชุมชุดสอบสวนเพื่อสรุปสำนวนคดีส่งพนักงานอัยการสำนักงานคดีอาญา 6 หลังพนักงานอัยการส่งสำนวนกลับมาให้ชุดสอบสวนเมื่อวันที่ 30 ส.ค.โดยสั่งให้สอบปากคำเพิ่มเติมรวม 4 ประเด็น และสอบพยานบางปากเพิ่มเติม ก่อนให้ส่งสำนวนมาคืนภายใน 3 วัน โดย พล.ต.ต.อนุชัย กล่าวว่า จะมีการเร่งรัดส่งสำนวนให้พนักงานอัยการโดยเร็ว คิดว่าในช่วงบ่ายน่าจะพร้อมส่งสำนวน
ผู้สื่อข่าวถามว่าตามที่พนักงานอัยการส่งสำนวนมาให้สอบสวนเพิ่มเติมมีความบกพร่องอย่างไร พล.ต.ต.อนุชัย กล่าวว่า ที่สอบสวนมาในขอบเขตของอำนาจพนักงานสอบสวนตนพิจารณาแล้วไม่มีอะไรบกพร่อง แต่ในมุมมองของพนักงานอัยการอาจจะขอให้เสริมอะไรบางอย่าง เพื่อให้สำนวนนั้นพร้อมมากยิ่งขึ้น มีพยานหลักฐานเพียงพอที่จะลงโทษผู้กระทำผิดได้ อย่างไรก็ตามมุมมองขององค์กรในกระบวนการยุติธรรมในแต่ละส่วน ก็ไม่เหมือนกัน พนักงานสอบสวนมีดีกรีการรวบรวมระดับหนึ่ง พนักงานอัยการท่านก็มีดุลพินิจอีกระดับหนึ่ง ที่จะนำพยานหลักฐานในสำนวนการสอบสวนไปแสดงต่อศาลเพื่อให้เกิดความน่าเชื่อถือ และคดีมีน้ำหนักที่จะลงโทษผู้กระทำผิดฉะนั้นไม่มีอะไรที่บกพร่อง
เมื่อถามว่า พนักงานอัยการส่งสำนวนกลับมาแสดงว่าในชั้นสอบสวนทำสำนวนอ่อนหรือไม่ พล.ต.ต.อนุชัย ตอบว่า เราไม่ได้บกพร่องอะไรเป็นการใช้ดุลพินิจแต่ละระดับ
พล.ต.ต.อนุชัย กล่าวด้วยว่า ผลการตรวจสอบทางนิติวิทยาศาสตร์ ทางคณะพนักงานสอบสวนมุ่งเน้นผลนิติวิทยาศาสตร์ที่รายงานออกมาจากสถานบันนิติเวชวิทยา รพ.ตำรวจ และผลการตรวจชันสูตรพลิกศพในที่เกิดเหตุ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา เป็นสำคัญ
ต่อข้อถามว่าได้มีการรวบรวมผลสรุปความคิดเห็นของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ไว้ในสำนวนการสอบสวนหรือไม่ พล.ต.ต.อนุชัย ตอบว่า ตนดูตามกฎหมาย โดยว่าตามพยานหลักฐานตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาให้อำนาจ ตามที่ กสม.ตั้งข้อสังเกตไว้เราก็รับไว้พิจารณาแต่ว่าในการสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานต้องเป็นไป ตามกฎหมาย ส่วนที่พนักงานอัยการให้สอบสวนเพิ่มเติมในประเด็นใดบ้าง ตนคงเปิดเผยไม่ได้เพราะเป็นความลับของสำนวนการสอบสวน แต่ขอให้รอเวลาอีกสักระยะ ถ้าคดีนี้อยู่ในชั้นพิจารณาศาลแล้วจะเป็นไปด้วยความเป็นธรรม และเปิดเผย ก็จะสามารถตอบคำถามได้ทุกส่วน
ด้าน ร.ต.ต.พงษ์นิวัฒน์ ยุทธภัณฑ์บริภาร อธิบดีอัยการฝ่ายคดีอาญา กล่าวว่า สำหรับการส่งสำนวนคดีฆ่านายเอกยุทธ อัญชันบุตรให้พนักงานสอบสวนทำการสอบสวนเพิ่มเติมในบางประเด็นนั้น ขณะนี้ทางพนักงานสอบสวน บช.น.ได้ส่งสำนวนการสอบสวนบางส่วน ที่คณะทำงานอัยการสั่งให้สอบสวนมาแล้ว คาดว่าประเด็นการสอบสวนทั้งหมดทางพนักงานสอบสวนจะส่งกลับมาให้พนักงานอัยการครบถ้วนภายในวันนี้ หลังจากนั้นทางคณะทำงานอัยการจะส่งผลการสอบสวนในประเด็นที่สั่งให้สอบสวนเพิ่มนั้นมาให้ตนพิจารณาว่า มีความสมบูรณ์ครบถ้วนหรือไม่ สำหรับประเด็นที่สั่งให้สอบเพิ่มนั้นไม่มีประเด็นใหม่ แต่เป็นการเพิ่มเติมให้พยานหลักฐานมีความละเอียดมากยิ่งขึ้น ส่วนประเด็นที่นายสุวัตร อภัยภักดิ์ อดีตทนายความของนายเอกยุทธ อัญชันบุตร ตั้งข้อสังเกตนั้นไม่อยู่ในประเด็นที่สั่งให้สอบเพิ่มเติม เนื่องจากไม่ได้อยู่ในสำนวนของพนักงานสอบสวนแต่อย่างใด คาดว่าจะสามารถส่งฟ้องผู้ต้องหาได้ภายในวันที่ 4 ก.ย.2556 ก่อนครบกำหนดฝากขังอย่างแน่นอน