สน.พระอาทิตย์/สามยอด
แม้คณะกรรมการข้าราชการตำรวจ(ก.ตร.) ที่พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รองนายกรัฐมนตรี นั่งหัวโต๊ะเป็นประธานการประชุมไปเมื่อช่วงกลางเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ไฟเขียวตามที่พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว แม่ทัพใหญ่สีกากี เสนอข้อขยายเวลาการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจวาระประจำปี 2556
ตำแหน่ง ผู้บังคับการ(ผบก.)-รองผู้บัญชาการ(รองผบช.) ออกไปจากเดิมต้องเสร็จสิ้นภายในวันที่ 31 สิงหาคม 2556 ไปเป็นวันที่ 30 กันยายน 2556 รวมทั้งยังอนุมัติให้การแต่งตั้งเลื่อนขึ้นในตำแหน่ง รองผบก.ขึ้น ผบก.และผบก.ขึ้น รองผบช. สามารถขึ้นข้ามหน่วยได้เหมือนเดิม
แต่ดูเหมือนเพียงแค่พ้นเดือนสิงหาคมตามกำหนดเดิมไม่กี่วัน การจัดทำบัญชีแต่งตั้งโยกย้ายนายพลล็อตสอง ยศ พล.ต.ต. ก็น่าจะรูดม่านปิดฉากดับฝันบรรดานักวิ่งสีกากี ที่ยังไม่ถึงฝั่งฝันต้องหยุดการเคลื่อนไหวในปีนี้ และไปสู้กันใหม่ครั้งหน้า
ว่ากันว่า ช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา บัญชีการเมืองขั้นสุดท้ายที่ได้รับการตีตราประทับจากดูไบถูกส่งลงมาที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติเรียบร้อย และช่วงปลายสัปดาห์ก็มีการนำบัญชีการเมืองมาเริ่มจัดทำบัญชีการแต่งตั้งโยกย้ายระดับ ผบก.-ผบช.ลงตามตำแหน่งต่างๆ
มีข่าวการแต่งตั้งนายพลเล็กปีนี้ โควตาส่วนใหญ่ 60% มาจากสายการเมือง ระดับ ตร.ได้ 40% ซึ่งในจำนวน 40% ของตร. จัดแบ่งให้ผู้บังคับบัญชาสูงสุดไป 30% อื่นๆ 10%
โดยว่ากันว่าในระดับ พล.ต.อ. ได้รับการแบ่งปันสามารถเสนอชื่อผู้ตนเองสนับสนุนมาได้คนละ 1 ราย แต่ทุกรายชื่อที่สนับสนุนก็ต้องผ่านตราประทับจากต่างแดนก่อน
อย่างไรก็ตาม การเปิดโควตาให้ระดับ รอง ผบ.ตร. ครั้งนี้ ไม่ใช่จู่ๆ พล.ต.อ.อดุลย์ จะใจดียอมแบ่งปันให้พี่ให้น้อง แต่มีเสียงลือกันสนั่นภายในกรมปทุมวัน เหตุผลสำคัญน่าจะมาจากเก้าอี้ “นายเวรผบ.ตร.” ที่พล.ต.อ.อดุลย์ ต้องการยกระดับ นายเวร ผบ.ตร. จากตำแหน่งเทียบเท่า รองผบก. มาเป็น ผบก. ยศพล.ต.ต. ซึ่งหากไม่มีสิ่งใดแลกเปลี่ยนให้ รองผบ.ตร. ซึ่งเป็นเสียงหลักใน ก.ตร. ก็เกรงอาจจะมีปัญหาและมีข้อครหา
รวมทั้งอาจส่งผลต่อความแตกแยกในหมู่คณะ เพราะเปิดขยายตำแหน่งให้กับคนของตัวเอง เพื่อประโยชน์ตัวเองอย่างเดียว จึงต้องยอมที่จะเฉือนเนื้อแลกชีวิต
และผลพวงจากการยอมเฉือนเนื้อแลกชีวิตก็ทำให้ทุกอย่างราบรื่น เพราะในการประชุมก.ตร.กลางเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา เมื่อพล.ต.อ.อดุลย์ขอขยายเวลาการแต่งตั้งระดับ ผบก.-รองผบช.อออกไปอีก 1 เดือน กรรรมการ ก.ตร.เสียงส่วนใหญ่จึงไม่มีใครทัดทาน
ทั้งๆที่ส่วนใหญ่ต่างก็รับรู้กันว่าการแต่งตั้งโยกย้าย หากจะทำกันจริงภายในกำหนดที่เคยขอ ก.ตร.ไว้ก็น่าจะเสร็จทัน แต่ที่ต้องขอขยายเวลา ส่วนสำคัญก็เพื่อรอให้ขั้นตอนการขอเปิดตำแหน่ง พล.ต.ต.ตำแหน่งใหม่ นายเวร ผบ.ตร. เทียบเท่า ผบก. เรียบร้อย
เมื่อทุกอย่างสมประโยชน์ หนามกุหลาบก็ถูกลิดรอนจนเหี้ยนไปได้ การขอเปิดตำแหน่ง นายเวร ผบ.ตร. ตำแหน่งเทียบเท่า ผบก. ยศ พล.ต.ต. ผ่านฉลุยทุกขั้นตอนตั้งแต่การขอเปิดตำแหน่งจาก ก.ตร. การขออนุมัติการเปิดตำแหน่งใหม่จากคณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ(ก.ต.ช.) สุดท้ายก็เหลือเพียงการแต่งตั้ง ที่จะนำไปรวมกับการแต่งตั้งนายพลล็อต 2 ปีนี้ทันท่วงที
นอกจากนี้ ด้วยตำแหน่งระดับ ผบก.-รองผบช.ปีนี้มีว่างจำนวนมาก โดยปีนี้ตำแหน่ง ผบก.ว่าง 93 ตำแหน่ง และรองผบช.ว่าง 47 ตำแหน่ง รวม 140ตำแหน่ง ซึ่งยังไม่รวมการโยกสลับตำแหน่งอีกจำนวนหนึ่ง ที่คาดว่ารวมๆแล้วอาจถึง 200 ตำแหน่ง ทำให้การจัดสรรแบ่งปันไม่ใช่ปัญหาใด
ตรวจแถวตำแหน่งว่างปีนี้ ระดับ รองผบช.ว่างจากผู้ที่เกษียณราชการ30 ตำแหน่ง ว่างจากที่ลาออก 1 ตำแหน่งและว่างจากที่เลื่อนขึ้นเป็น ผบช.อีก 16ตำแหน่ง รวมมีตำแหน่งว่าง 47 ตำแหน่ง ซึ่งแต่ละตำแหน่งที่ว่างก็ถือว่าไม่ธรรมดา เช่น รองผบช.น.ว่าง 2 ตำแหน่ง รองผบช.ภ.1 รองผบช.ปส. เป็นต้น
ระดับ ผบก.ว่างจากเกษียณ 45 ตำแหน่ง เก้าอี้ บวกกับที่ต้องขยับขึ้น รอง ผบช. อีก อย่างน้อย 47 เก้าอี้ และตำแหน่ง ผบก.บก.สกัดกั้นการลำเลียงยาเสพติดอีก 1 เก้าอี้ จะทำให้การแต่งตั้งนายพลเล็กล็อตนี้มีเก้าอี้ว่างอย่างน้อย 93 เก้าอี้ เช่น ผบก.ตำแหน่งหลัก อาทิ ผบก.ภ.จว.แพร่. ผบก.ภ.จว.สตูล ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ ผบก.ภ.จว.กาฬสินธุ์ ผบก.น.5 ผบก.ตม.6 ผบก.สส.ภ.4 ผบก.ภ.จว.พะเยา ผบก.ภ.จว.ปราจีนบุรี ผบก.ภ.จว.ลพบุรี ผบก.ภ.จว.สระแก้วผบก.ภ.จว.สมุทรสงคราม เป็นต้น
ยิ่งล่าสุดโผแต่งตั้งที่แย้มออกมา ก็ดูจะสนับสนุนกระแสข่าวบัญชีแต่งตั้งเสร็จสิ้น และแต่ละตำแหน่งก็ล้วนมีที่มาที่ไปไม่ธรรมดา อาทิ พ.ต.อ.อธิชา เปาอินทร์ รองผบก.น.6 ลูกน้องพล.ต.อ.อดุลย์ ก็ขึ้นมาเป็น นายเวร ผบ.ตร.เทียบเท่า ผบก. พ.ต.อ.ฉัตรไชย เรือนเมฆ รองผบก.ภ.จว.ประจวบคีรีขันธ์ อดีตตำรวจใกล้ชิดพล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง รองผู้ว่าฯกทม. ที่ตอนนี้ขยับไปช่วยงานนายวิสาร เตชะธีราวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย รัฐมนตรีสายนายยงยุทธ ติยะไพรัตน์ แกนนำพรรรคเพื่อไทยภาคเหนือ ขึ้นเป็น ผบก.ภ.จว.ประจวบคีรีขันธ์
พล.ต.ต.แสงเพชร บุญญสิทธิ์ ผบก.ภ.จ.พิษณุโลก ที่ได้รับการสนับสนุนจากคนพรรคเพื่อไทย โยกมา ผบก.น.7 พล.ต.ต.จิตติ รอดบางยาง รอง จตร.(สบ7) มือทำงานของพล.ต.ท.รณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น. ถูกดึงมาช่วยงานเป็น รอง ผบช.น. พ.ต.อ.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ รอง ผบก.น.4 ถือตั๋วเสนาะ เทียนทองขึ้นไปเป็น ผบก.ภ.จว.สระแก้ว
นอกจากนี้ยังมีชื่อ พล.ต.ต.รมย์สิทธิ์ วีริยาสรร รอง ผบช.ภ.6 โยกมา รอง ผบช.ภ.2 พล.ต.ต.ชยุต ธนทวีรัชต์ รอง ผบช.ภ .1 คาดโยกมา รอง ผบช.น. พล.ต.ต.ศุภกิจ ศรีจันทรนนท์ รอง ผบช.ภ.1 โยกมา รอง ผบช.น. พล.ต.ต.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผบก.อก.บช.ภ.1 คาดขึ้น รอง ผบช.ภ.1 พล.ต.ต.วราวุธ ทวีชัยการ ผบก.อก.สตม.ญาติเลขาฯกกต. โยกมาคุมทำเลทอง ผบก.น.5 พล.ต.ต.สืบศักดิ์ พันธุ์สุระ ผบก.น.5 โดนพิษบ่อนพนัน แต่มีกำลังทางการเมืองสนับสนุนขยับมาแค่เป็น ผบก.น.6
พ.ต.อ.อดุลย์ รัตนภิรมย์ รองผบก.สปพ.คาดขึ้น ผบก.อก.บชน.พ.ต.อ.พจน์ บุญมาภาค รองผบก.น.1 คาดเป็นขึ้น ผบก.ภ.จ.ราชบุรี พล.ต.ต.นพดล เผือกโสภณ รองผบช.ภ.9 ขอกลับไปอยู่เป็น รอง ผบช.ศชต.พล.ต.ต.พีระ บุญเลี้ยง ผบก.ภ.จ.ยะลา ได้โบนัสจากผบ.อดุลย์ก่อนเกษียณ ขยับมาเป็น ผบก.ภ.จ.สงขลา ส่งพล.ต.ต.พัฒนวุฒิ อังคะนาวิน ผบก.ศฝร.ศชต. ไปเป็น ผบก.ภ.จ.ยะลา เป็นต้น
เมื่อทุกอย่างสมประโยชน์ลงตัวทุกฝ่าย คาดว่าไม่น่าจะเกินวันที่ 15กันยายนนี้ วงประชุม ก.ตร.น่าจะได้ฤกษ์ทำคลอดการแต่งตั้งโยกย้าย ผบก.-รองผบช.ประจำปีให้เสร็จสิ้นเสียที