เมื่อวานนี้ (22 ส.ค.) ที่กระทรวงการต่างประเทศ (กต.) นายจักรกฤษณ์ ศรีวลี รองอธิบดีกรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่แผ่นตรวจลงตรา (วีซ่า) ของสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย หายไป 300 แผ่น ว่า เจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบพบแล้วว่า เกิดการทุจริตเรื่องนี้จากลูกจ้างท้องถิ่นชาวมาเลเซีย จึงได้ประสานกับสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) ให้เข้มงวดในการตรวจแผ่นลงตราวีซ่า ทั้งนี้เรื่องดังกล่าวได้ดำเนินการตามกฎหมายกับผู้กระทำความผิดอย่างถึงที่สุด และคาดว่าเรื่องนี้ทำกันเป็นขบวนการ โดยเชื่อว่ามีคนในประเทศไทยรวมอยู่ด้วย
นายจักรกฤษณ์ กล่าวว่า ที่ผ่านมาเรื่องนี้ไม่ได้เป็นข่าว เพราะไม่ต้องการให้ผู้ที่ใช้แผ่นวีซ่านี้ ซึ่งยังอยู่ในประเทศไทยไหวตัวทัน เพื่อให้ง่ายต่อการตามจับตัว โดยการยกเลิกแผ่นวีซ่านี้ จะกระทำต่อเมื่อบุคคลที่มีแผ่นวีซ่าดังกล่าวใช้วีซ่าในการเดินทางออกนอกประเทศ ซึ่งในส่วนของคณะกรรมการตรวจสอบที่ได้ตั้งขึ้นนั้น มีทั้งจากสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย และคณะกรรมการตรวจสอบจากกระทรวงการต่างประเทศ ที่ได้เดินทางไปตรวจสอบตั้งแต่เดือนก.ค.ที่ผ่านมา โดยตรวจสอบพบว่า มีการกลบเกลื่อนร่อยรอยไว้เป็นอย่างดี และเชื่อว่ามีกลุ่มบุคคลในไทยอยู่ในขบวนการด้วย แต่เชื่อว่า น่าจะเป็นบุคคลภายนอกของกระทรวงการต่างประเทศ เพราะยังไม่พบหลักฐานที่บ่งชี้ว่า เป็นบุคคลภายใน
อย่างไรก็ตาม ขอให้ทุกคนไม่ต้องกังวล เพราะเรื่องนี้จะต้องหาตัวผู้รับผิดชอบให้ได้ และกระทรวงจะดำเนินการเอาผิดทุกทางที่ทำได้ ไม่มีการละเว้น
ด้านพล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยตำรวจตรวจคนเข้าเมืองได้รับรายงาน และประสานกระทรวงการต่างประเทศ พบว่า วีซ่าตราประทับของกระทรวงการต่างประเทศ ที่ออกโดยสถานทูตไทยในกรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย หายไปจำนวน 300 ใบ ซึ่งทาง ตม.ทุกจุดได้ตรวจเข้มพบแล้วว่า มีคนนำมาใช้ 9 ใบ โดยทางตม.มุกดาหาร พบว่าเป็น ชาวแคเมอรูน และ กีนี 2 ราย ซึ่งเดินทางมาจากประเทศลาว ผ่านช่องทางมุกดาหาร ทั้งนี้จากการตรวจรายละเอียดพบว่า ทั้ง 2 ราย ไม่ได้เดินทางไปมาเลเซีย แต่กลับพบว่ามีตราประทับว่ามาจากมาเลเซียได้อย่างไร ทางตม.มุกดาหาร จึงผลักดันออกนอกประเทศ
นอกจากนี้ ยังพบว่า มี 7 ราย ใช้ตราประทับนี้เข้าทางสุวรรณภูมิ ประกอบด้วย ปากีสถาน อิหร่าน อินเดีย ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้จับกุมข้อหาปลอมแปลงเอกสาร ขณะนี้ถูกดำเนินคดีที่ ตม.1 สวนพลู สำหรับตราวีซ่าที่เหลือ ได้ถูกยกเลิกหมดแล้ว
เมื่อถามว่า จากการตรวจพบมีการเกี่ยวข้องกับการก่อการร้ายหรือไม่ พล.ต.อ.ประชา กล่าวว่า ยังไม่ทราบ คงต้องตรวจสอบกันต่อไป เมื่อถามว่า การข่าวรายงานว่ามีการนำมาใช้แล้ว 259 ใบ รองนายกฯ กล่าวว่า ขอยืนยันว่า พบแค่ 9 ใบเท่านั้น ส่วนการสืบสวนหาสาเหตุการหาย เป็นหน้าที่ของกระทรวงการต่างประเทศ ตนไม่ขอก้าวล่วงไปจุดนั้น
เมื่อถามว่า คิดว่ามีความผิดปกติหรือไม่ รองนายกฯ กล่าวว่า ก็ตั้งข้อสังเกตเหมือนกันว่า ทำไมต้องเป็นที่สถานทูตที่กัวลาลัมเปอร์ มาเลเซีย ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศ คงตรวจสอบประเด็นนี้
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กล่าวว่า ไม่อยากให้พูดถึงเรื่องนี้ เพราะประเทศไทยไม่ใช่ประเทศต้นทาง และไม่ได้เป็นประเทศที่มีข้อขัดแย้ง ดังนั้นความรุนแรงไม่น่าจะเกิดขึ้น ตนไม่ได้ห่วงว่า อะไรจะหาย หรือไม่หาย แต่เป็นห่วงว่า ประชาชนมีความพร้อมหรือยัง งานเรื่องการเตรียมความพร้อมเกี่ยวกับจิตสำนึก การเฝ้าระวัง หรือการตรวจตรา แจ้งเจ้าหน้าที่ ไม่วางเฉยเมื่อเห็นอะไรที่ไม่ถูกต้อง
ทั้งนี้ต้องเข้าใจบทบาทการทำหน้าที่ของทหาร ว่า เรื่องวีซ่าหายไม่ใช่หน้าที่ตน แต่ถ้าเจอที่ไหนจะเรียกตำรวจไปจับ เรื่องพวกนี้มีมาโดยตลอด ต้องแก้ไขให้ได้ ไม่ใช่เฉพาะวีซ่า เรื่องบัตรประชาชน
"พูดง่ายๆ คือ มีคนชั่ว คนไม่ดีหากินโดยไม่คิดว่า อะไรทำให้เกิดอันตรายต่อประเทศ โดยเฉพาะเรื่องความปลอดภัย และความมั่นคงของประเทศชาติ ไม่ว่า ใบอะไรต่างๆ ก็ปลอมได้ทั้งนั้น ขอให้ใจเย็น อย่าคิดว่า ประเทศไทยเลวร้าย เพราะมีกันทั้งโลก บางประเทศอันตรายมากกว่าเรา ดังนั้นเราต้องช่วยกันเฝ้าระวัง หยุดยับยั้งตั้งแต่เริ่มต้น "ผบ.ทบ. กล่าว
นายจักรกฤษณ์ กล่าวว่า ที่ผ่านมาเรื่องนี้ไม่ได้เป็นข่าว เพราะไม่ต้องการให้ผู้ที่ใช้แผ่นวีซ่านี้ ซึ่งยังอยู่ในประเทศไทยไหวตัวทัน เพื่อให้ง่ายต่อการตามจับตัว โดยการยกเลิกแผ่นวีซ่านี้ จะกระทำต่อเมื่อบุคคลที่มีแผ่นวีซ่าดังกล่าวใช้วีซ่าในการเดินทางออกนอกประเทศ ซึ่งในส่วนของคณะกรรมการตรวจสอบที่ได้ตั้งขึ้นนั้น มีทั้งจากสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย และคณะกรรมการตรวจสอบจากกระทรวงการต่างประเทศ ที่ได้เดินทางไปตรวจสอบตั้งแต่เดือนก.ค.ที่ผ่านมา โดยตรวจสอบพบว่า มีการกลบเกลื่อนร่อยรอยไว้เป็นอย่างดี และเชื่อว่ามีกลุ่มบุคคลในไทยอยู่ในขบวนการด้วย แต่เชื่อว่า น่าจะเป็นบุคคลภายนอกของกระทรวงการต่างประเทศ เพราะยังไม่พบหลักฐานที่บ่งชี้ว่า เป็นบุคคลภายใน
อย่างไรก็ตาม ขอให้ทุกคนไม่ต้องกังวล เพราะเรื่องนี้จะต้องหาตัวผู้รับผิดชอบให้ได้ และกระทรวงจะดำเนินการเอาผิดทุกทางที่ทำได้ ไม่มีการละเว้น
ด้านพล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยตำรวจตรวจคนเข้าเมืองได้รับรายงาน และประสานกระทรวงการต่างประเทศ พบว่า วีซ่าตราประทับของกระทรวงการต่างประเทศ ที่ออกโดยสถานทูตไทยในกรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย หายไปจำนวน 300 ใบ ซึ่งทาง ตม.ทุกจุดได้ตรวจเข้มพบแล้วว่า มีคนนำมาใช้ 9 ใบ โดยทางตม.มุกดาหาร พบว่าเป็น ชาวแคเมอรูน และ กีนี 2 ราย ซึ่งเดินทางมาจากประเทศลาว ผ่านช่องทางมุกดาหาร ทั้งนี้จากการตรวจรายละเอียดพบว่า ทั้ง 2 ราย ไม่ได้เดินทางไปมาเลเซีย แต่กลับพบว่ามีตราประทับว่ามาจากมาเลเซียได้อย่างไร ทางตม.มุกดาหาร จึงผลักดันออกนอกประเทศ
นอกจากนี้ ยังพบว่า มี 7 ราย ใช้ตราประทับนี้เข้าทางสุวรรณภูมิ ประกอบด้วย ปากีสถาน อิหร่าน อินเดีย ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้จับกุมข้อหาปลอมแปลงเอกสาร ขณะนี้ถูกดำเนินคดีที่ ตม.1 สวนพลู สำหรับตราวีซ่าที่เหลือ ได้ถูกยกเลิกหมดแล้ว
เมื่อถามว่า จากการตรวจพบมีการเกี่ยวข้องกับการก่อการร้ายหรือไม่ พล.ต.อ.ประชา กล่าวว่า ยังไม่ทราบ คงต้องตรวจสอบกันต่อไป เมื่อถามว่า การข่าวรายงานว่ามีการนำมาใช้แล้ว 259 ใบ รองนายกฯ กล่าวว่า ขอยืนยันว่า พบแค่ 9 ใบเท่านั้น ส่วนการสืบสวนหาสาเหตุการหาย เป็นหน้าที่ของกระทรวงการต่างประเทศ ตนไม่ขอก้าวล่วงไปจุดนั้น
เมื่อถามว่า คิดว่ามีความผิดปกติหรือไม่ รองนายกฯ กล่าวว่า ก็ตั้งข้อสังเกตเหมือนกันว่า ทำไมต้องเป็นที่สถานทูตที่กัวลาลัมเปอร์ มาเลเซีย ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศ คงตรวจสอบประเด็นนี้
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กล่าวว่า ไม่อยากให้พูดถึงเรื่องนี้ เพราะประเทศไทยไม่ใช่ประเทศต้นทาง และไม่ได้เป็นประเทศที่มีข้อขัดแย้ง ดังนั้นความรุนแรงไม่น่าจะเกิดขึ้น ตนไม่ได้ห่วงว่า อะไรจะหาย หรือไม่หาย แต่เป็นห่วงว่า ประชาชนมีความพร้อมหรือยัง งานเรื่องการเตรียมความพร้อมเกี่ยวกับจิตสำนึก การเฝ้าระวัง หรือการตรวจตรา แจ้งเจ้าหน้าที่ ไม่วางเฉยเมื่อเห็นอะไรที่ไม่ถูกต้อง
ทั้งนี้ต้องเข้าใจบทบาทการทำหน้าที่ของทหาร ว่า เรื่องวีซ่าหายไม่ใช่หน้าที่ตน แต่ถ้าเจอที่ไหนจะเรียกตำรวจไปจับ เรื่องพวกนี้มีมาโดยตลอด ต้องแก้ไขให้ได้ ไม่ใช่เฉพาะวีซ่า เรื่องบัตรประชาชน
"พูดง่ายๆ คือ มีคนชั่ว คนไม่ดีหากินโดยไม่คิดว่า อะไรทำให้เกิดอันตรายต่อประเทศ โดยเฉพาะเรื่องความปลอดภัย และความมั่นคงของประเทศชาติ ไม่ว่า ใบอะไรต่างๆ ก็ปลอมได้ทั้งนั้น ขอให้ใจเย็น อย่าคิดว่า ประเทศไทยเลวร้าย เพราะมีกันทั้งโลก บางประเทศอันตรายมากกว่าเรา ดังนั้นเราต้องช่วยกันเฝ้าระวัง หยุดยับยั้งตั้งแต่เริ่มต้น "ผบ.ทบ. กล่าว
