ดีเอสไอเล็งแจ้งข้อหา มาร์ค-เทือก ฆ่าคนตายโดยเจตนาเล็งเห็นผลคดี 6 ศพวัดปทุมฯ หลังศาลอาญากรุงเทพใต้ไต่สวนการเสียชีวิตทั้ง 6 ราย เสียชีวิตจากกระสุนความเร็วสูงของทหาร และตรวจสอบไม่พบชายชุดดำในบริเวณดังกล่าว ประกอบกับไม่พบอาวุธปืนและเขม่าดินปืนในมือผู้เสียชีวิต
ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เมื่อเวลา 11.00 น.วันที่ 6 ส.ค.นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านคดีพิเศษ (ระดับ 9) ดีเอสไอ ร่วมแถลงข่าวแนวทางการสอบสวนคดีการเสียชีวิตของประชาชน 6 ศพ บริเวณวัดปทุมวนารามราชวรวิหาร ถนนพระราม 1 ขณะการกระชับพื้นที่การชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดง เมื่อวันที่ 19 พ.ค.2553 หลังศาลอาญากรุงเทพใต้ มีคำสั่งไต่สวนชันสูตรพลิกศพ
นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ กล่าวว่า เมื่อตอนเช้าศาลอาญากรุงเทพใต้ ได้อ่านคำสั่งไต่สวนชันสูตรพลิกศพ สืบเนื่องจากเหตุการณ์ไม่สงบในเดือน เม.ย.-พ.ค.หลังจากดีเอสไอได้ส่งสำนวนให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย บช.น.ทำสำนวนชันสูตรพลิกศพ ก่อนจะมีการส่งพนักงานอัยการ และมีการยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อไต่สวนหาสาเหตุการตายของผู้ตายทั้ง 6 ศพ ในที่สุดศาลอาญากรุงเทพใต้ ได้อ่านคำสั่งไต่สวนชันสูตรพลิกศพทั้ง 6 ศพ สาระสำคัญมีว่า ศาลได้พิจารณาจากพยานแวดล้อมและผู้เชี่ยวชาญด้านต่างๆ รับฟังได้ว่า ผู้ตายทั้ง 6 ราย ถึงแก่ความตายด้วยกระสุนปืนความเร็วสูง ศาลจึงมีคำสั่งว่าผู้ตาย ประกอบด้วย นายสุวัน ศรีรักษา นายอัฐชัย ชุมจันทร์ นายมงคล เข็มทอง นายรพ สุขสถิตย์ น.ส.กมนเกด อัคฮาด และนายอัครเดช ขันแก้ว ที่ถึงแก่ความตายในวัดปทุมฯ เมื่อวันที่ 19 พ.ค.2553 เวลากลางวัน สืบเนื่องจากถูกยิงด้วยกระสุนปืนความเร็วสูง คือ กระสุนเอ็ม 16 โดยวิถีกระสุนถูกยิงมาจากเจ้าพนักงานซึ่งปฏิบัติหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อยบนรางรถไฟฟ้าบีทีเอส หน้าวัดปทุมวนาราม ซึ่งเข้าควบคุมพื้นที่บริเวณแยกราชประสงค์ตามคำสั่งของศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) เป็นเหตุให้ทั้ง 6 คน ถึงแก่ความตาย โดยยังไม่ทราบว่าใครเป็นผู้ลงมือยิง
อธิบดีดีเอสไอ กล่าวอีกว่า เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับดีเอสไอโดยตรง เพราะเมื่อศาลมีคำสั่ง สิ่งที่ดีเอสไอต้องดำเนินการต่อไป คือ ต้องทำการสอบสวนคดีนี้เพื่อหาผู้กระทำความผิด เนื่องจากการสั่งของศาลดังกล่าวมีรายละเอียดและสาระสำคัญทำนองเดียวกับคดีนายพัน คำกอง อย่างชัดเจน ดีเอสไอมีความจำเป็นต้องดำเนินการตามคำสั่งของศาลที่ได้ชี้ว่า 6 คน ไม่ได้เกิดจากการตายโดยธรรมชาติ และถูกฆ่าตายโดยกระสุนปืนเอ็ม 16 ของเจ้าหน้าที่ ซึ่งฝ่ายเจ้าหน้าที่ทำตามคำสั่งของ ศอฉ.พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ต้องสอบสวนหาพยานหลักฐาน หาผู้รับผิดชอบในการตาย เมื่อข้อเท็จจริงและรายละเอียดเป็นทำนองเดียวกับคดีนายพัน คำกอง ซึ่งได้ส่งฟ้องต่ออัยการแล้ว ดีเอสไอจะสอบสวนร่วมกัน 3 หน่วย ทั้งดีเอสไอ ตำรวจ อัยการ มีแนวโน้มที่ดีเอสไอจะแจ้งข้อกล่าวหาดำเนินคดีกับบุคคลทั้งสองที่เกี่ยวข้องกับการออกคำสั่ง ศอฉ.โดยตรงคือ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี และ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง และอดีต ผอ.ศอฉ.ในข้อกล่าวหาร่วมกันก่อให้ผู้อื่นฆ่าคนตายโดยเจตนาเล็งเห็นผล
นายธาริต กล่าวอีกว่า ดีเอสไอมีแน้วโน้มว่าจะมีความเห็นสั่งฟ้องต่อพนักงานอัยการเหมือนคดีนายพัน คำกอง เชื่อว่าจะสามารถดำเนินคดีได้อย่างรวดเร็ว เพราะพยานหลักฐานข้อเท็จจริงเป็นทำนองเดียวกับคดีนายพัน คำกอง ทั้งพยานเกี่ยวกับการสั่งใช้กำลัง การใช้อาวุธ การใช้กระสุนจริง เป็นพยานชุดเดียวกัน ส่วนเวลายังตอบไม่ได้ เพราะการที่จะได้ตัวบุคคลทั้ง 2 คน มาในคดีต้องอยู่ในช่วงให้ปิดสมัยประชุมสภา ส่วนเจ้าหน้าที่ทหาร มีแนวโน้มว่าดีเอสไอจะถือว่าเจ้าพนักงานทหารได้ปฏิบัติงานตามหน้าที่ตามคำสั่งของ ศอฉ.ซึ่งเชื่อว่าถูกต้องตามกฎหมาย จะได้รับการคุ้มครองตามมาตรา 70 ประมวลกฎหมายอาญา ดีเอสไอจะไม่ดำเนินคดีกับฝ่ายทหาร ส่วนคำสั่งของศาลครั้งนี้ มีการเจาะจงข้อเท็จจริงชัดเจนว่าไม่มีชายชุดดำปรากฏในที่เกิดเหตุชัดเจน ข้อต่อสู้ของผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 2 ท่าน ที่เคยสู้ในคดีนายพัน คำกอง คงไม่มีน้ำหนักในคดีนี้เลย ขณะนี้สำนวนการไต่สวนสาเหตุการตายในช่วงการชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดง ดีเอสไอได้ส่งไป บช.น.ทำสำนวนไต่สวนหาสาเหตุการตาย 93 ศพ ขณะนี้มีความชัดเจน 11 ราย นอกจากนี้ตนไม่กังวลว่าการแถลงข่าวจะดำเนินคดีในครั้งนี้จะถูกฟ้องอีก ยืนยันจะเดินหน้าทำงาน และเชื่อว่าการแถลงข่าวจะนำไปสู่การฟ้องร้อง ตนไม่แถลงผู้สื่อข่าวก็ต้องติดตามสอบสวน