ดีเอสไอเผยได้รับรายงานข้อมูลลูกศิษย์ใกล้ชิด “สมีคำ” นำเงิน 500 ล้านบาท ซื้อประกันชีวิตแบบออมทรัพย์ เชื่อมีกุนซือวางแผนให้หวังเลี่ยงตรวจสอบ
วันนี้ (29 ก.ค.) พ.ต.อ.ญาณพล ยั่งยืน รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เปิดเผยว่าได้รับรายงานว่าอดีตลูกศิษย์คนสนิทคนหนึ่งของนายวิรพล สุขผล หรือ อดีตพระเณรคำ ฉัตติโก เป็นนายหน้าไปซื้อประกันตามแหล่งต่างๆ โดยเฉพาะใน จ.อุบลราชธานี มีการซื้อประกันชีวิตแบบออมทรัพย์ เมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา โดยเป็นการทยอยซื้อจากหลายๆ คน คนละหลายๆ ครั้ง ตั้งแต่ครั้งละ 10-20 และ 50 ล้านบาท ซึ่งคิดเป็นมูลค่ารวมถึง 500 บาท ซึ่งดีเอสไอจะต้องตรวจสอบหาความเชื่อมโยงของเครือข่ายลูกศิษย์นายวิรพลว่ามีใครเข้าไปเกี่ยวข้อง และมีการยักย้ายถ่ายเทไปอยู่ที่ใครบ้าง
พ.ต.อ.ญาณพล กล่าวอีกว่า ขั้นตอนต่อไปดีเอสไอจะเชิญเจ้าหน้าที่ธนาคารมาให้ข้อมูลเกี่ยวกับประเภทประกันภัย และการซื้อประกันชีวิตแบบออมทรัพย์ของบุคคลดังกล่าว แต่ไม่ได้เชิญมาในฐานะผู้ต้องหา เพราะการซื้อประกันภัยของธนาคารถือเป็นหน้าที่ของพนักงานที่จะต้องขายประกันอยู่แล้ว จริงๆ ก็ไม่ทราบว่าพวกดารา ศิลปิน ที่มีรายได้มากๆ จะมีใครซื้อประกันในวงเงินสูงขนาดนี้หรือไม่ จึงอยากตั้งข้อสังเกตว่า ลักษณะการซื้อประกันภัยแบบออมทรัพย์ถือเป็นการหลบเลี่ยงการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ ซึ่งเชื่อว่าเป็นการวางแผนที่ดีของกุนซือและมีการทำอย่างเป็นขบวนการ
ส่วนกรณีที่ดีเอสไอได้ออกหมายเรียกให้ นายสุขุม วงประสิทธิ ลูกศิษย์นายวิรพล พ่อแม่และพี่น้องนายวิรพล เข้าให้ปากคำในวันที่ 31 ก.ค.นี้ว่า ถึงขณะนี้ยังไม่มีการติดต่อมายังดีเอสไอว่าจะเข้าให้การหรือไม่ ซึ่งดีเอสไอต้องการให้เข้ามาให้ข้อมูลในสำนวน ซึ่งจะเป็นผลดีกว่าการให้สัมภาษณ์หรือการแถลงข่าวรายวัน อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ดีเอสไอได้ส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบการแจ้งความของนายสุขุมต่อตำรวจกองปราบ และหากพบว่า มีการแจ้งความเท็จก็จะแจ้งความดำเนินคดีกลับทันที
ด้าน พ.ต.อ.ทรงศักดิ์ รักศักดิ์สกุล ผู้บัญชาการสำนักกิจการต่างประเทศและคดีอาชญากรรมระหว่างประเทศ กล่าวถึงความคืบหน้าการติดตามตัวอดีตเณรคำกลับมาดำเนินคดีในประเทศไทยว่า ยังคงอยู่ในขั้นตอนการประสานความร่วมมือ ซึ่งล่าสุดได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ดีเอสไอไปประสานข้อมูลกับทางการประเทศสหรัฐฯแล้ว โดยสหรัฐฯได้แจ้งว่าได้รับเอกสารที่เกี่ยวข้องทั้งหมายจับและการเพิกถอนหนังสือเดินทางแล้ว
“หลังจากนี้คงต้องให้เวลาสหรัฐฯในการดำเนินการตามกฎหมาย ซึ่งกรณีของประเทศไทยจะเกี่ยวข้องกับ พ.ร.บ.คนเข้าเมือง ซึ่งสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองสามารถดำเนินการได้ แต่ในสหรัฐฯอาจมีความแตกต่าง เพราะต้องผ่านการเสนอข้อมูลให้ศาลไต่สวนก่อน อย่างไรก็ตาม ในสัปดาห์หน้าจะมีความชัดเจนเกี่ยวกับการขอตัวกลับมาดำเนินคดีมากขึ้นแน่นอน ทั้งนี้ ในการประสานขอความร่วมมือกับสหรัฐฯดีเอสไอได้ขอให้ช่วยตรวจสอบถิ่นที่อยู่ด้วย” พ.ต.อ.ทรงศักดิ์ ระบุ
อย่างไรก็ตามดีเอสไอได้ประสานไปยังตำรวจสากลเพื่อจับตาการเคลื่อนไหว หากจะมีการเดินทางผ่านสายการบินจะทราบข้อมูลได้ทันที ส่วนการขอลี้ภัยเป็นพลเมืองสหรัฐฯนั้น ตนเชื่อว่าสหรัฐฯต้องมีการตรวจสอบกลั่นกรองข้อมูลหลายด้านประกอบกัน แม้นายวิรพลจะมีทรัพย์สินและบ้านพักที่สหรัฐฯแต่ตนเชื่อว่าการขอลี้ภัยเป็นเรื่องที่ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ และมีเงื่อนไขที่เหมาะสม การลี้ภัยคงไม่สามารถทำได้ทุกกรณี เช่น กรณีอดีตเณรคำที่มีหมายจับทั้งคดีฉ้อโกง และล่วงละเมิดทางเพศคงไม่อยู่ในข่ายขอลี้ภัยได้ ทั้งนี้ ตนเชื่อว่าจะได้ตัวอดีตเณรคำกลับมาดำเนินคดีแน่นอน