xs
xsm
sm
md
lg

“สันดานแม้ว” ไม่เคยเสียสละ กินรวบ-เอาเปรียบ คงได้ตายจริง!!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ผ่าประเด็นร้อน

เป็นอีกครั้งหนึ่งที่พิสูจน์ให้เห็นถึงธาตุแท้ หรือจะเรียกว่า “สันดาน” ก็ได้ สำหรับ ทักษิณ ชินวัตร หลังจากสไกป์เข้ามาในที่ประชุม ส.ส.พรรคเพื่อไทย โดยสั่งการให้ทำโน่นทำนี่ แต่เมื่อพิจารณาถึงเป้าหมายปลายทางแล้วทุกอย่างก็เพื่อประโยชน์ส่วนตัว สร้างความร่ำรวยให้กับครอบครัวของตัวเอง ลักษณะไม่ต่างจากการ “ทำธุรกิจการเมือง” โดยใช้ พรรคเพื่อไทยทำหน้าที่ไม่ต่างจากบริษัทส่วนตัว ทำธุรกิจใหญ่โตโดยใช้อำนาจรัฐเป็นเครื่องมือเป็นใบเบิกทาง

การหาประโยชน์จากโครงการรัฐบาล การกู้เงินนอกงบประมาณ ที่มาพร้อมกับข่าวคราวอื้อฉาว การกินค่าหัวคิว ทุกอย่างล้วนเป็นเงินมหาศาล ขณะที่การตรวจสอบแทบจะเป็นศุูนย์ เพราะกลไกรัฐ ทั้งตำรวจ กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือแม้แต่อัยการก็ถูกมองว่าเป็นพวกเดียวกัน

นี่ยังไม่ต้องพูดถึงทั้งสภาผู้แทนราษฎร วุฒิสภา ที่กลายเป็นเครื่องมือของฝ่ายบริหารหรือรัฐบาลอย่างเบ็ดเสร็จ โดยเฉพาะอย่างยิ่งตัวประธานสภาผู้แทนฯ ที่ทำหน้าที่เป็นประธานรัฐสภาด้วยก็มีฐานะในความหมายไม่ต่างจาก “ลูกน้องนายกฯ” ซึ่งคนที่เป็นนายกฯก็เป็นน้องสาวของ ทักษิณ ชินวัตร

นี่คือสภาพความเป็นจริงที่เป็นอยู่ ที่คนรู้ทันไม่น้อยมองเห็นภาพได้ชัดเจน ปต่ขณะเดียวกันก็ยังมีความจริงอีกแบบหนึ่งซ่อนอยู่นั่น แม้ว่าคนอย่าง ทักษิณ จะเห็นแต่ตัวคิดแต่เรื่องผลประโยชน์ส่วนตัวแค่ไหนก็ตาม แต่ก็ยังมีบางกลุ่มเข้ามาเกาะเกี่ยวเข้ามาห้อยโหนกับตัวเขาเพื่อสร้างความฝันในอนาคตพร้อมกันไปด้วย ขณะที่คนอย่าง ทักษิณ อะไรก็ได้ที่ทำให้ตัวเองมีอำนาจ มีประโยชน์ได้กำไร โดยไม่เลือกวิธีการ จะ “ล้มเจ้า” หรือไม่ก็ได้ทั้งนั้น ผิดกับอีกกลุ่มที่กำลังเข้ามาเกาะเกี่ยวกันอยู่ในเวลานี้ คนกลุ่มหลังนี่แหละที่มีเป้าหมาย “ล้มเจ้า” ชัดเจน และอันตรายไม่แพ้กัน แต่ที่สำคัญก็คือคนพวกนี้กำลังพึ่งพาอาศัยกัน โดย ทักษิณ ใช้พวกนี้ขับเคลื่อน ส่วนคนกลุ่มหลังที่เรียกว่า “พวกล้มเจ้าหลุดโลก” ก็ต้องการใช้มวลชนเป็นเครื่องมือเพื่อนำไปสู่เป้าหมายหรือความฝันของตัวเอง

นั่นคือภาพรวมๆภายในพรรคเพื่อไทย และในมวลชนคนเสื้อแดง และรวมไปถึงพวกนักวิชาการล้มเจ้า ที่กำลังร่วมือกันแบบ “รวมการเฉพาะกิจ” ดำเนินการล้อมกรอบสังคมเข้ามาอย่างเข้มข้น

อย่างไรก็ดี หากพิจารณาเฉพาะกรณีของทักษิณ ที่สไกป์ล่าสุดเข้ามาในพรรคเพื่อไทย ที่สั่งการแบบเร่งเร้าให้ “จัดการแบบม้วนเดียวจบ” เป้าหมายเพื่อให้ตัวเองได้กลับบ้านโดยไม่มีความผิด และกลับมามีอำนาจอีกรอบ นี่แหละทำให้มีปัญหา เพราะนั่นเท่ากับว่า กระตุ้นให้เกิดความวุ่นวายขึ้นมาในบ้านเมืองอีกรอบ โดยที่ตัวเองคอยปลุกระดมสั่งการอยู่ข้างนอก

คำพูดของ ทักษิณ แสดงให้เห็นถึงสภาพจิตที่เห็นแก่ตัวไม่เปลี่ยนแปลง ไม่เคยยอมรับความผิด ไม่ยอมรับความจริง คอยโทษแต่คนอื่น การสั่งการให้ ส.ส.และรัฐบาลและสภาเดินหน้าชนกับศาลรัฐธรรมนูญ แบบเสี่ยงเป็นเสี่ยงกัน หมายความว่าถ้าแก้ไขรัฐธรรมนูญเที่ยวนี้ไม่ได้ก็ให้เตรียมตัวยุบสภาเลือกตั้งใหม่ โดยมั่นใจว่าจะชนะเลือกตั้งกลับมาอีกรอบ แล้วจะอ้างมติของประชาชนให้พรรคของตัวเองทำอะไรได้ตามใจชอบ เป็นการ “ตอกย้ำ” ให้ชัดเจนขึ้น เขามั่นใจอย่างนั้น

ขณะเดียวกัน เมื่อต้องการกินรวบ เอาแต่ได้ทุกเรื่อง ก็ต้องสั่งเดินหน้าร่างพระราชบัญญัติปรองดองซึ่งตบตาต้องการ “ลบล้างความผิด” ให้กับตัวเองเข้ามาพร้อมกัน และที่ผ่านมาก็จับคนเสื้อแดงเป็นตัวประกันมาตลอด แสดงให้เห็นชัดเจนว่าเขาไม่ได้ต้องการช่วยเหลือหรือจริงใจกับมวลชนคนเสื้อแดงอย่างจริงจัง คิดจะหาประโยชน์จากคนพวกนี้ตลอดเวลา ไม่เคยช่วยเหลือเรื่องคดี ทำให้ครแบครัวของคนพวกนี้ลำบากแสนสาหัส เพราะล้วนแล้วเป็นคนยากจนหาเช้ากินค่ำ และเลือกช่วยเหลือเฉพาะบรรดาแกนนำที่มีชื่อมีประโยชน์กับตัวเองเท่านั้น

เพราะถ้าพิจารณาจากร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมที่กำลังบรรจุเป็นวาระด่วน ก็ถูกมองว่ามีวัตถุประสงค์ “ซ่อนเร้น” เพื่อช่วยเหลือบรรดาแกนนำทั้งหมด รวมไปถึง ทักษิณ ชินวัตร ด้วย เพียงแต่ว่าอาจต้อง “ตีความ” เท่านั้น หรืออาจใช้วิธีแปรญัติในขั้นกรรมาธิการในขั้นตอนต่อไป แต่คนอย่างเขาก็ไม่ยอมเสี่ยง ไม่ยอมให้ใช้วิธีแบบนี้ เนื่องจาก “เขาไม่ได้ประโยชน์” ไงล่ะ และนี่แหละคือคำตอบว่าที่ผ่านมาทำไมคนเสื้อแดงถึงถูกจับเป็นตัวประกันมาตลอด ทั้งที่หากมีการเสนอร่างกฎหมายนิรโทษกรรมเฉพาะคนที่ฝ่าฝืน พ.ร.บ.ฉุกเฉิน ทำความผิด พ.ร.บ.ความมั่นคง ก็มีความเป็นไปได้และสังคมก็มีแนวโน้มเห็นด้วย แต่เมื่อ ทักษิณ ต้องการให้ลบล้างความผิดมาถึงตนเองด้วยมันก็เกิดปัญหาจนถึงทุกวันนี้

ดังนั้น อย่าได้แปลกใจที่เขาแสดงอาการทุรนทุรายว่า กำลัง “ลอยคอ” กลางทะเลจนหนาวสั่นใกล้ปอดบวมตายแล้ว ก็คงอีกไม่นานจะได้ตายสมใจแน่ เพราะการคิดเอาเปรียบด้วยการจะให้ลบล้างความผิดให้่กับตัวเอง และแก้ไขรัฐธรรมนูญแบบรวบอำนาจรองรับตัวเองในอนาคต รับรองว่าไม่มีใครยอมรับได้ และยิ่งมีการเปิดเผยธาตุแท้ให้เห็นแบบนี้ ด้วยการดันพระราชบัญญัติปรองดองเข้ามาในสมัยประชุมหน้าก็ลองดู หากไม่รู้จักสรุปบทเรียน และที่สำคัญไม่รู้จักพอ มันก็ช่วยไม่ได้!!
กำลังโหลดความคิดเห็น