xs
xsm
sm
md
lg

“เจ๊แดง” คัมแบ็กเป๊ะ หายใจรดต้นคอ “น้องปู”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เยาวภา วงศ์สวัสดิ์
รายงานการเมือง

ชัยชนะของ “เจ๊แดง” เยาวภา วงศ์สวัสดิ์ ในสนามเลือกตั้งซ่อมเขต 3 เชียงใหม่ เหนือคู่แข่งอย่างไม่เห็นฝุ่น ถือว่าไม่ได้พลิกโผไปจากที่คาดการณ์ไว้ และส่งให้ “พี่สาวนายกฯ” ได้เป็นว่าที่ ส.ส.ตามแผนที่วางไว้

จากนี้ก็รอเพียงการประกาศรับรองผลอย่างเป็นทางการจาก กกต.เพื่อเป็นสมาชิกบ้านเลขที่ 111 คนแรกที่กลับสู่สนามเลือกตั้งและได้รับชัยชนะอย่างเป็นทางการ

ทว่า 67,000 คะแนนเศษ ที่ได้มาในการเลือกตั้งหนนี้ ทำให้บารมีของ “เจ๊แดง” และตระกูลชินวัตร ในพื้นที่บ้านเกิดยังมีเครื่องหมายคำถามตามมา เพราะถือว่า “ต่ำกว่าเป้า” พอสมควร

ทั้งชื่อชั้น “อดีตเจ้าแม่วังบัวบาน” ผู้ทรงอิทธิพลในพื้นที่ภาคเหนือ โดยเฉพาะการเลือกตั้งใน “เมืองหลวง” ของตระกูลชินวัตรที่ จ.เชียงใหม่ ระดับนี้แล้วน่าจะชนะถล่มทลาย หรือไม่ต่ำกว่าแสนแต้มตามที่ได้ประกาศไว้บนเวทีปราศรัยใหญ่ช่วงโค้งสุดท้าย

อย่างน้อยๆ ก็ไม่ควรที่จะน้อยกว่า 81,863 คะแนนของ “ชินณิชา วงศ์สวัสดิ์” ลูกสาวตัวเอง ในการเลือกตั้ง 3 ก.ค. 54 หรือคะแนนของ “มวยแทน” อย่าง “เกษม นิมมลรัตน์” คนสนิทของตัวเอง ที่ได้ 72,385 คะแนน เมื่อเลือกตั้งซ่อม 2 มิ.ย. 55

จะว่าไปการเลือกตั้งเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา มีหลายปัจจัยที่เอื้อให้คะแนนของ “เจ๊แดง” ทำลายสถิติเก่าๆ ได้อย่างไม่ยากเย็น ทั้งการเลือกตั้งล่วงหน้าในช่วงเทศกาลหยุดยาวสงกรานต์ที่มีผู้มาใช้สิทธิมากเป็นพิเศษ ทั้งจำนวนผู้ออกมาใช้สิทธิรวมกว่า 75 เปอร์เซ็นต์ หรือ 103,364 คน จากผู้มีสิทธิทั้งหมด 138,684 คนในพื้นที่ 3 อำเภอ ประกอบด้วย แม่ออน สันกำแพง และดอยสะเก็ด

แถมยังเป็นการเลือกตั้งซ่อมเพียงเขตเดียวในช่วงนี้ ซึ่งพรรคเพื่อไทยก็ระดมสรรพกำลังปูพรมลงพื้นที่ช่วยหาเสียงอย่างเต็มที่ เรียกว่าแกนนำพรรคผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันไปช่วยหาเสียง โดยเฉพาะช่วงโค้งสุดท้ายบรรดารัฐมนตรีหลายคนต่างพร้อมใจกันใช้ช่วงเทศกาลสงกรานต์ขลุกอยู่ในพื้นที่โดยตลอด

ยิ่งหันมาดูในส่วนของ “แม่แดง” กิ่งกาญจน์ ณ เชียงใหม่ ผู้สมัครจากพรรคประชาธิปัตย์ ที่ได้ 21,372 คะแนน ทั้งที่ไม่ใช่พื้นที่ฐานเสียงของตระกูล ณ เชียงใหม่ ซึ่งอยู่ในพื้นที่เขต 4 จ.เชียงใหม่มากกว่า แต่ก็ถือว่าไม่ขี้เหร่เมื่อเทียบกับฐานเสียงเดิมของพรรคประชาธิปัตย์ที่ได้ราว 22,000 คะแนนในการเลือกตั้งใหญ่เดือน ก.ค. 54 หรือกว่า 19,000 คะแนนในการเลือกตั้งซ่อมก่อนหน้านี้

เมื่อผลออกมาเช่นนี้จะพูดว่าพรรคประชาธิปัตย์ได้ “กำไร” ก็คงไม่ผิด เพราะไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะแพ้ในพื้นที่ “ผูกขาด” ของตระกูลชินวัตร แถมยังทอนคะแนน “ตัวจริง” ของพรรคเพื่อไทยหายไปถึงหลักหมื่นแต้ม จึงไม่แปลกที่ทีมโฆษกพรรคจะออกมานั่งแถลงขยายผลเรื่องคะแนนจากการเลือกตั้งอย่างละเอียดยิบ

ขณะที่พรรคเพื่อไทยแม้ทำทีว่าไม่สนใจในคะแนนที่หายไป แต่ลึกๆแล้วย่อมรู้ตัวเองดีกว่า “เสียรังวัด” จากการเลือกตั้งหนนี้ไปไม่น้อย

โดยเฉพาะตัว “เจ๊แดง” เองที่ย่อมรู้ดีว่างานนี้แพ้ภัยตัวเอง ที่ทำให้ “คนเชียงใหม่” ที่นิยมชมชอบตระกูลชินวัตรรู้สึกเบื่อหน่ายการออกไปใช้สิทธิเลือกตั้ง 3 ครั้งในระยะเวลาไม่ถึง 2 ปี จากการที่สั่งให้ “เกษม” คนขับรถของตัวเองลาออกจากการเป็น ส.ส.ทั้งที่ทำงานมาแค่ 9 เดือนด้วยเหตุผลที่ฟังไม่ขึ้น เพื่อเปิดทางให้ตัวเองได้เข้าสู่สนามการเมืองอย่างเต็มตัว

หากยังทำตามอำเภอใจแบบนี้ต่อไป วันหน้าอาจถูก “คนเชียงใหม่” ตบหน้าแรงกว่านี้

มองต่อไปถึงบทบาทของ “เยาวภา” ในการได้เข้ามาทำหน้าที่ ส.ส.อีกครั้ง หลังจากห่างหายไปจาก “หน้าฉาก” ไปกว่า 5 ปี แน่นอนว่าต้องมาสวมหมวกเป็น “ผู้นำเบอร์ 2” ของพรรคเพื่อไทย รองจาก “น้องปู” ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี

โดยหน้าที่หลักของ “เจ๊แดง” คงหนีไม่พ้นการถือ “ไม้เรียว” คุม ส.ส.ในสภาด้วยตัวเอง ทั้งการแก้เกมในสภา หลังจากก่อนหน้าเกิดองค์ประชุมล่มบ่อยครั้ง แม้จะมีการสังคายนาปรับทีมวิปรัฐบาลมาแล้วก็ตาม และยังไม่ทันเกมฝ่ายค้านพรรคประชาธิปัตย์ที่นับวันเริ่ม “ฮาร์ดคอร์” หนักข้อขึ้นทุกขณะ

จน “พี่แม้ว” พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ต้องสไกป์มาตวาดกลางที่ประชุมพรรคบ่อยครั้งในระยะหลัง

ตรงนี้ “นายใหญ่” ประเมินแล้วว่า ถ้าจะคุม ส.ส.ลงกระด้งต้องใช้ “บารมี” จากคนในตระกูลชินฯ ที่ ส.ส.เกรงใจ และยังเป็นคนวางระบบ “ท่อน้ำเลี้ยง” อยู่เบื้องหลัง ถือเป็นเหตุผลหลักที่ทำให้ “เยาวภา” ต้องจำใจโดดมาอยู่ “หน้าฉาก” ทั้งที่กำลังสนุกสนานอยู่ “หลังฉาก” กับการเป็น “รัฐมนตรีสั่งการ” ที่เดินงานได้ถนัดถนี่กว่า

นอกจากนี้ยัง “เจ๊แดง” ยังมีการบ้านชิ้นสำคัญในการพิสูจน์ตัวเองในสนามการเมือง เพราะแม้จะเคยทรงอิทธิพลในฐานะ “เจ้าแม่วังบัวบาน” มีเครือข่าย ส.ส.มากกว่าร้อยคนในสมัยพรรคไทยรักไทย แต่ก็ไม่อาจทำให้ “ทักษิณ” ไว้วางใจได้ แต่กลับเกิดอาการหวาดระแวงในการอาศัยชื่อพี่ชายแผ่ขยายอิทธิพลของ “วังบัวบาน” ในอดีต หลายๆครั้งมีท่าทีกระด้างกระเดื่องแข็งเมืองด้วยซ้ำ และเป็นที่มาของคำสั่งเด็ดขาดประกาศสลายมุ้งในอดีต

มาครั้งนี้ต้องดูว่า “น้องแดง” จะสอบผ่านพิชิตใจ “พี่แม้ว” ได้มากน้อยขนาดไหน

ส่วน “เหตุผลรอง” กับการเป็น “นายกฯสำรอง” ก็มองข้ามไม่ได้ แม้ว่า “ยิ่งลักษณ์” จะพ้นบ่วงการแจ้งบัญชีทรัพย์สินเป็นเท็จกับ ป.ป.ช.ไปแล้วก็ตาม แต่การที่ “พลพรรคเพื่อแม้ว” ตั้งหน้าตั้งตาตามล้างตามเช็ด และประกาศศึกกับ “องค์กรอิสระ-ฝ่ายตุลาการ” อย่างไม่ลดละ อาจเป็น “ตัวเร่ง” ให้เกิดอุบัติเหตุไม่คาดฝันหรือปัจจัยแทรกซ้อนอื่นๆที่ทำให้ “ยิ่งลักษณ์” นายกฯ คนปัจจุบันเก้าอี้หลุดก็เป็นได้

ในสถานการณ์นี้ “ตัวตายตัวแทน” จึงมีความสำคัญ และคงไม่มีใครไว้ใจได้เท่า “สายเลือดชินวัตร” ที่จะมาเป็น “อะไหล่สำรอง” หาก “น้องปู” เกิดเพลี่ยงพล้ำเข้าจริงๆ

น่าสนใจว่าตัว “เจ๊แดง” เองก็มีใจมองถึงเก้าอี้ “ผู้นำประเทศ” ไม่น้อยเช่นกัน ในเมื่อ “น้องสาวคนสุดท้อง” ที่คลานตามกันมาใช้ความไร้เดียงสานั่งเป็น “นายกฯ บาร์บี้” ได้มาตั้ง 2 ปี ก็ไม่ใช่เรื่องยากของคนระดับ “ซือเจ๊” ที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมามากกว่า ทั้งในฐานะน้องนายกฯ เมียนายกฯ และล่าสุดกับตำแหน่งพี่สาวนายกฯในปัจจุบัน

หากสังเกตดีๆจะเห็นได้ถึงการตระเตรียมปรับลุคส์ครั้งใหญ่ของ “เยาวภา” ที่สลัดคราบอดีตพยาบาลคนเดิมเสียจน “เป๊ะ” ตั้งแต่หัวจรดเท้า ดูได้จากเสื้อผ้าหน้าผมทุกวันนี้ต่างจากบุคลิคในอดีตอย่างเห็นได้ชัด ทั้งท่าทางทะมัดทะแมงกระฉับกระเฉงมากขึ้น ทรงผมที่ดูทันสมัยวัยรุ่น หรือแว่นสายตาที่อันตรธานหายไปจากหน้าขาวๆ ทรวดทรงองค์เอวที่เคย “เจ้าเนื้อ” ก็ขนาดลดลงดูสลิมขึ้นโข ที่สำคัญแก้มอวบอูมที่เคยถูกล้อเลียนเป็น “ซาลาเปา” ก็กลายเป็นอวบอิ่มน่ารักพอดีคำ

ราวกับผ่านการยกกระชับอัปหน้าใหม่มาจนเกือบจำไม่ได้

ทั้งหลายทั้งปวงทำให้การกลับมาหนนี้ของ “เจ๊แดง” เยาวภา วงศ์สวัสดิ์ จึงไม่เพียงแต่เป็นการกลับสู่สนามการเมืองอย่างเป็นทางการเท่านั้น ยังเห็นถึงสัญญาณการแต่งองค์ทรงเครื่องให้สมฐานะ “นายกฯสำรอง” อีกต่างหาก เรียกว่าหายใจรดต้นคอ “น้องปู” มาเลยทีเดียว

ส่วนบุญพาวาสนาจะส่งไปขนาดไหน เป็นเรื่องของอนาคต...
กำลังโหลดความคิดเห็น