ผบก.น.6 ฮึ่ม! ขีดเส้นตาย 3 วันให้แกนนำหน้ากากขาวนำ 2 มือชกตำรวจขณะปฏิบัติหน้าที่อารักขาขบวนเสด็จฯ เข้ามอบตัว ลั่นรู้ตัวแล้ว ขู่ไม่มามอบตัวถูกหมายจับ ชี้ ตร.ทำตามหน้าที่ ไม่น่ามาทำกับตำรวจเช่นนี้ พร้อมให้ความเป็นธรรม
จากกรณีกลุ่มหน้ากากขาว รวมตัวชุมนุมที่บริเวณหน้าศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ เพื่อต่อต้านระบอบทักษิณและแสดงความไม่เห็นด้วยต่อการบริหารประเทศของรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เมื่อวันที่ 21 ก.ค.ที่ผ่านมา โดยเกิดการปะทะกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่ตั้งแนวโล่อยู่บริเวณริมทางเท้า ระหว่างทางกลุ่มผู้ชุมนุมพยายามเคลื่อนตัวนำรถติดเครื่องเสียงขึ้นไปบนลานหน้าหอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร ส่งผลให้เจ้าหน้าที่ตำรวจถูกทำร้ายได้รับบาดเจ็บ 2 นาย ตามที่ได้เสนอข่าวไปก่อนหน้านี้นั้น
เมื่อเวลา 09.00 น.วันนี้ (23 ก.ค.) ที่สน.ปทุมวัน พล.ต.ต.วัลลภ ประทุมเมือง ผบก.น.6 พร้อมด้วย พ.ต.ท.พนม เชื้อทอง รองผกก.สส.สน.ปทุมวัน พ.ต.ท.เดโช สมศรีธนาเดช สวป.สน.บางรัก นำตัว ด.ต.ศุภกฤต ลิ้มลิขิตอักษร ด.ต.พิสิษฐ์ สะอาดเอี่ยม ทั้ง 2 นายตำแหน่ง ผบ.หมู่งานสืบสวน สน.บางรัก ซึ่งปฏิบัติหน้าที่ชุด ปจ.ของ บก.น.6 และถูกลุ่มผู้ชุนุมทำร้ายร่างกายในวันเกิดเหตุมาชี้แจงข้อเท็จจริงต่อสื่อมวลชน พร้อมทั้งแนวทางในการติดตามตัวผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีตามกฎหมาย
พล.ต.ต.วัลลภเปิดเผยว่า ในการชุมนุมเมื่อวันที่ 21 ก.ค.ที่ผ่านมา ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ชุด ปจ.ของ บก.น.6 จำนวน 1 กองร้อย มาคอยดูแลความปลอดภัยให้กับกลุ่มผู้ชุมนุมที่บริเวณโดยรอบหอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นจุดสุดท้ายที่เคลื่อนขบวนมารวมตัวกันในเวลา15.30 น.เพื่อทำกิจกรรมกัน แต่ในเวลา 17.00 น.จะมีขบวนเสด็จฯ จึงได้สั่งให้เจ้าหน้าที่ชุด ปจ.ตั้งแนวโล่ที่หัวมุมถนนพญาไท พร้อมทั้งใช้เครื่องขยายเสียงประชาสัมพันธ์ให้กลุ่มผู้ชุมนุมขึ้นไปอยู่บนทางเท้าเท่านั้นไม่ให้ลงมาที่พื้นที่ถนน เพื่อเป็นการถวายการอารักขาในเส้นทางเสด็จฯ
พล.ต.ต.วัลลภกล่าวต่อว่า หลังจากนั้นทางกลุ่มผู้ชุมนุมได้นำรถเครื่องขยายเสียง 2 คันมาจอดบริเวณริมถนนพญาไท ทางเจ้าหน้าที่จึงแจ้งให้ทำการเคลื่อนย้ายออกจากเส้นทางไป แต่กลุ่มผู้ชุมนุมกลับพยายามจะนำรถขึ้นไปจอดบนลานด้านหน้าหอศิลป์ ด้วยการพยายามดันโล่ที่ทางเจ้าหน้าที่ได้ทำการกั้นไว้ จึงมีการกระทบกระทั่งกันเกิดขึ้น จน ด.ต.พิสิษฐ์ และ ด.ต.ศุภกฤต ถูกผลักและทำร้ายร่างกายด้วยการชกต่อยจนได้รับบาดเจ็บดังกล่าว ซึ่งหลังจากนั้นก็ได้นำตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลตำรวจ
พล.ต.ต.วัลลภกล่าวอีกว่า ทั้งนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งหมดไม่ได้มีโต้ตอบผู้ชุมนุมแต่อย่างใด ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจมาดูแลความปลอดภัยให้กลุ่มผู้ชุนนุม และถวายอารักขาตามหน้าหน้าที่ กลุ่มผู้ชุมนุมก็ไม่น่าจะทำร้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจเช่นนี้ อย่างไรก็ตาม หลังเกิดเหตุทางเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนได้ตรวจสอบคลิปและภาพนิ่งที่ได้บันทึกไว้ก็พบตัวผู้ก่อเหตุ 2 รายที่ทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้ง 2 นายแล้วชัดเจน จึงฝากไปยังแกนนำด้วยว่าให้นำตัวทั้งผู้ก่อเหตุทั้ง 2 รายมาพบพนักงานสอบสวน สน.ปทุมวัน เพื่อรับทราบข้อกล่าวหาทำร้ายร่างกาย และขัดขวางเจ้าหน้าที่ขณะปฏิบัติหน้าที่ภายใน 3 วัน ทางตำรวจยืนยันจะให้ความเป็นธรรม แต่หากไม่มาพบทางพนักงานสอบสวนก็จะรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขออนุมัติหมายจับจากศาลต่อไป
ด้าน ด.ต.พิสิษฐ์กล่าวว่า หลังได้รับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาก็ทำการตั้งแนวโล่เพื่อให้กลุ่มผู้ชุมนุมขึ้นไปอยู่บนเท้า แต่ทางกลุ่มผู้ชุมนุมกลับพยายามจะนำรถติดเครื่องเสียงขึ้นไปจอดบนลานด้านบน โดยกลุ่มผู้ชุมนุมได้ถอยรถติดเครื่องเสียงพยายามจะฝ่าแนวโล่เข้ามา ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องหลบจนสามารถนำรถขึ้นไปจอดได้แล้ว 1 คัน จากนั้นพวกตนก็กลับมาตั้งแนวโล่ตามปกติ หลังจากนั้นก็พยายามจะถอยรถขึ้นไปจอดเพิ่มอีก แต่ทางเจ้าหน้าที่ไม่หลบให้ ตนจึงถูกฉุดกระชากและผลักออกจากแนว ก่อนจะโดนล็อกคอแล้วต่อยเข้าที่บริเวณท้ายทอยจนได้รับบาดเจ็บและล้มลง
ส่วน ด.ต.ศุภกฤตกล่าวว่า หลังจาก ด.ต.พิสิษฐ์ล้มลงแล้วก็พยายามลุกขึ้นมาตั้งแนวโล่ แต่รถติดเครื่องเสียงก็พยายามจะถอยขึ้นมาข้างบนอีก หลังจากนั้นตนก็ถูกลุ่มผู้ชุมนุมผลักไปด้านหน้าจนชนกับกลุ่มผู้ชุมนุมอีกจนมีการปะทะกันเกิดขึ้น เนื่องจากกลุ่มผู้ชุมนุมคิดว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจจะเข้าไปทำร้าย ก่อนจะถูกทำร้ายด้วยการต่อยเข้าที่ใบหน้านับสิบหมัด โดยที่ตนกับ ด.ต.พิสิษฐ์ จดจำหน้าคนที่ทำร้ายตนขณะปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างแม่นยำ
