“ธาริต” เผยคืบหน้าการล่าตัว “สมีคำ” ตามหมายจับประสานสถานทูตสหรัฐฯ และอียูพร้อมนำตัวกลับมาดำเนินคดีที่ประเทศไทย เผยวีซ่าสหรัฐฯ “สมีฉาว” หมด 19 ธ.ค. พร้อมแปลหมายจับเป็นภาษาอังกฤษให้ตำรวจสากลประกาศจับ
เมื่อเวลา 15.00 น.วันนี้ (18 ก.ค.) นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พ.ต.อ.ญาณพล ยั่งยืน รองอธิบดีดีเอสไอ พ.ต.อ.ทรงศักดิ์ รักศักดิ์สกุล ผบ.สำนักกิจการต่างประเทศและคดีอาชญากรรมระหว่างประเทศ ดีเอสไอ พ.ต.ท.วิชิต อุปะถะ รอง ผบ.สำนักคดีความมั่นคง ดีเอสไอ ร่วมแถลงความคืบหน้าแนวทางการส่งหมายจับนายวิรพล สุขผล ให้สหรัฐอเมริกา และกลุ่มประเทศยุโรป พิจารณาเพิกถอนวีซ่าเพื่อนำตัวนายวิรพลกลับมาดำเนินคดีในประเทศไทย หลังศาลอาญาอนุมัติหมายจับ 3 ข้อหา
นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ กล่าวว่า ตนได้ลงนามหนังสือราชการส่งไปยังกรมการกงสุลแจ้งให้พิจารณาเพิกถอนพาสปอร์ต หรือหนังสือเดินทาง พร้อมแนบรายละเอียดหมายจับ และแจ้งให้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) และมหาเถรสมาคม กรณีศาลได้ออกหมายจับพร้อมแนบหมายจับเช่นกัน โดยเรื่องจะมาร่วมกับกรมการกงสุล ที่จะพิจารณาเพิกถอนหนังสือเดินทาง ส่วนการขอให้เพิกถอนวีซ่า การผลักดันกลับ และการส่งเจ้าหน้าที่ไปรับ ได้มอบให้สำนักงานกิจการต่างประเทศและคดีอาชญากรรมระหว่างประเทศ ดีเอสไอ เร่งดำเนินการ ส่วนกรณีมีการเผาจักรยานยนต์เป็นเรื่องเล็ก แต่ไม่รู้ว่าจะมีพวกนี้อีกแค่ไหน ให้มาว่ากันตามกระบวนการยุติธรรม การแสดงเผารถไม่ใช่กระบวนการทางกฎหมาย ไม่สามารถพิสูจน์ความเป็นธรรมได้ ส่วนการติดตามทรัพย์สินของนายนวิรพลล่าสุด พ.ต.ท.กรวัชร์ ปานประภากร ผบ.สำนักปฏิบัติการคดีพิเศษภาค ดีเอสไอ ได้นำเจ้าหน้าที่ดีเอสไอลงพื้นที่ ตรวจสอบรถยนต์ของนายวิรพล โดยพบรถยนต์อีก 20 คัน มูลค่ากว่า 29 ล้านบาท
พ.ต.อ.ทรงศักดิ์ รักศักดิ์สกุล ผบ.กล่าวว่า ดีเอสไอได้ติดตามความเคลื่อนไหวของนายวิรพล ทราบว่าวีซ่าของประเทศอเมริกา จะใช้ได้ถึงวันที่ 19 ธ.ค. 2556 โดยเราได้แจ้งพฤติการณ์ตามข้อหาที่ออกหมายจับ พร้อมแปลหมายจับตามข้อหาดังกล่าวส่งให้สถานทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย หลังจากนั้นหน่วยงานของสหรัฐฯ จะมีการดูพฤติการณ์ตามหมายจับเพื่อให้พิจารณาเพิกถอนวีซ่า จะใช้เวลาเร็วกว่าการขอส่งผู้ร้ายข้ามแดน นอกจากนั้นดีเอสไอได้ส่งให้หน่วยงานบังคับใช้กฎหมายที่ดูแลเรื่องการออกวีซ่าที่มีสมาชิก 26 ประเทศ ที่ผ่านมาหากใครมีหมายจับหน่วยงานของแต่ละประเทศจะไม่ออกวีซ่าให้ ดังนั้น หากนายวิรพลไม่มีวีซ่าของประเทศใดแล้ว เราก็จะได้ตัวนายวิรพลกลับมาดำเนินคดี ดีเอสไอได้ติดตามเบาะแสนายวิรพลอย่างใกล้ชิด หากมีการยกเลิกวีซ่าเราได้จัดเจ้าหน้าที่เดินทางไปรับตัวกลับมาดำเนินคดีทันที ในส่วนของหน่วยอินเตอร์โปลในการประกาศสืบจับ ซึ่งต้องรอการสรุปสำนวนสั่งฟ้องอัยการ เป็นส่วนของการดำเนินการขอส่งผู้ร้ายข้ามแดน
พ.ต.อ.ญาณพลยั่งยืน รองอธิบดีดีเอสไอกล่าวว่า ขอให้ผู้ที่ยังศัทธาเชื่อมั่นในนายวิรพลให้นำหลักฐานมาหากบอกว่าถูกกลั่นแกล้ง ดีเอสไอรออยู่ตลอด ไม่ใช่ไปพูดผ่านสื่อไปมากมาย เพราะหากทำอะไรมากไปกว่านี้จะเป็นผลร้ายต่อนายวิรพล ควรมาช่วยกันสร้างความโปร่งใส ให้ตรวจดีเอ็นเอ เราจะให้ความเป็นธรรม การไปเผารถไม่ได้ประโยชน์อะไรในการสอบสวนดำเนินคดี
สำหรับรถยนต์อีก 20 คัน มูลค่า 29,267,000 บาทของนายวิรพล ที่ดีเอสไอพบเพิ่มเติมประกอบด้วย ล๊อตแรกเป็นรถคัมรี่ สีขาวทั้งหมด จำนวน 6 คัน ในชื่อของนายวรวิทย์ กุลตังวัฒนา 2 คัน น.ส.เพชรมณี วิริยะสืบพงศ์ 1 คัน นายศุภราช วิริยะสืบพงศ์ 1 คัน นายภณภกร ภวพรรณกร คัน พระวิรพล สุขผล 1 คัน ล็อตที่ 2 ซื้อรถคัมรี่อีกจำนวน 9 คัน โดยซื้อในชื่อโตโยต้าลิสซิ่ง (ชลบุรี) จำนวน 3 คัน นางปิ่งทิ แทงดิ่ง 1 คัน น.ส.ฐิติชญา ตาตุ้ย 1 คัน น.ส.ชนิตา เวทสรณสุธี 1 คัน บจก.จักรศิลป์ การช่าง จำกัด 1 คัน นายภรเดช โสพรรณพาณิชกุล 1 คัน และพระวิรพล สุขผล 1 คัน นอกจากนี้ ยังมีการซื้อรถคัมรี่ สีดำ 1 คัน ในชื่อนายสุริ สุขผล ซึ่งเป็นน้องชายของอดีตพระเณรคำ รถกระบะสีขาว 2 คัน ซื้อในชื่อโตโยต้าลิสซิ่ง (ชลบุรี) 1 คัน และในชื่อนายภรเดช โสพรรณพาณิชกุล และยังพบซื้อรถตู้อีก 2คัน ในชื่อนายภรเดช โสพรรณพาณิชกุล1คัน และในชื่อพระวิรพล สุขผล 1 คัน โดยทั้งหมดตามแนวทางการสอบสวนของดีเอสไอเป็นบุคคลใกล้ชิดอดีตหลวงปู่เณรคำ ยกเว้นรถคันที่ยังผ่อนชำระกับบริษัทลิสซิ่ง