“เหลิม” ฟิวส์ขาดจวก "ทวี สอดส่อง" ต้นเหตุถูกสับออกตำแหน่งนั่งกระทรวงแรงงาน ลั่น "ไอ้ทวี"ฟ้องทักษิณเล่นงาน ครวญถูกใส่ร้ายเปิดบ่อนจนถูกเด้ง ขอสาปแช่งฉิบหายเจ็ดชั่วโครต อัดรัฐบาลอยู่ในสถานะร่อแร่กำลังสะดุดขาตัวเองจากสารพัดปัญหาทุจริต ฟันธงมีมูลล้านเปอร์เซ็นต์หลังศาลปกครองชี้ นายกฯไม่มีอำนาจกู้ ขัด ม.157 ชัดเตรียมถูก ป.ป.ช.เชือด เชื่อสารพัดม็อบเคลื่อนไหวกดดันจนอยู่ยาก ลุ้นยุบพรรคเลือกตั้งใหม่!
วันนี้ (28 มิ.ย.) เมื่อเวลา 14.30 น.ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี กำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งมีกระแสข่าวถูกย้ายไปเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ได้เดินทางมามอบนโยบายการปฏิบัติราชการ ในงานสัมมนาการขับเคลื่อนการดำเนินการตามนโยบายการบริหารราชการของ สตช.โดยมี พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร.และนายตำรวจระดับรอง ผบ.ตร.-ผบก.กว่า 300 นาย เข้าร่วมประชุม ทั้งนี้ก่อนที่จะเริ่มมอบนโยบาย ร.ต.อ.เฉลิมที่มีสีหน้ายิ้มแย้ม ได้เดินทักทายและพูดคุยกับนายตำรวจที่เข้าร่วมประชุม
ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า รัฐบาลชุดนี้ต้องพึ่งพาตำรวจ ไม่เช่นนั้นไม่มีทางอยู่ได้ และ 2 ปีที่ผ่านมา ตนมีชื่อเสียงได้เพราะตำรวจช่วย เนื่องจากผลสำรวจทุกครั้ง หากไม่นับนายกฯ เอาแค่ระดับรองนายกฯ และระดับรัฐมนตรี ตนได้คะแนนสูงตลอด อยู่ที่ระดับ 8 กว่าๆ อย่างไรก็ตามหลักการบริหารราชการแผ่นดิน ตำรวจต้องเป็นต้นทางกระบวนการยุติธรรม ทั้งในงานด้านการสืบสวนและสอบสวน ตำรวจยุคนี้มีเกียรติวินัยกล้าหาญเหมือนเดิม แต่หลักการบริหารราชการที่ดีต้องขึ้นอยู่กับองค์กร แม้ที่ผ่านมาอธิบดีกรมตำรวจ จะมาจากฝ่ายทหาร จึงไม่ได้ทำงานเพื่อองค์กรตำรวจ โดยทุกเช้าจะไปอยู่ตามหน้าบ้านนายกฯ หรือบ้านรัฐมนตรี แต่วันนี้เปลี่ยนไปแล้ว เพราะในยุค พล.ต.อ.อดุลย์ ที่เป็น ผบ.ตร.จะตื่นเช้ามาประชุม ศปก.ตร.ทุกวัน แต่ไม่ใช่ว่า ผบ.ตร.จะไปพบนายกฯ ไม่ได้ แต่จะไปพบเมื่อมีการเทียบเชิญ ไม่ใช่เสนอหน้าไปพบแบบเมื่อก่อน
ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวอีกว่า ตำรวจต้องยึดหลักนิติรัฐและหลักนิติธรรม หลักการมีส่วนร่วม หลักการมีความรับผิดชอบ และหลักในการแต่งตั้งโยกย้าย ซึ่งตนไม่เคยเข้าไปแตะแม้แต่ตำแหน่งเดียว แต่ให้เป็นไปตามที่ ผบ.ตร.เสนอมา แต่ตนเคยเสนอคนเดียว คือ ตำแหน่ง ผบก.ป.ตนเคยเสนอย้ายตามนโยบาย ไม่ได้บอกว่าย้่นเพราะเป็นคนชั่วหรือเลว แต่เป็นนโยบาย แต่เมื่อโหวตแล้ว ตนแพ้แต้มก็จบไป แต่ขอยืนยันว่า ตนไม่เคยมีลูกน้อง ฉะนั้นเมื่อจากไป ก็ไม่ต้องมากลัวการล้างบาง ส่วนกรณีลดระดับอาวุโสในการแต่งตั้งระดับรอง ผบก.ลดลงไปจาก 33% เหลือ 25% นั้น หากทำตั๋วแต่เนิ่นๆ ก็ได้อยู่แล้ว แต่นี่มาทำก่อนโยกย้ายก็เลยมีปัญหา ตนจึงให้ พล.ต.อ.อดุลย์ ไปพิจารณามาอีกรอบ
ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวช่วงหนึ่งว่า การที่ตนถูกปรับย้ายไปเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน และ พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก มาแทนตนในตำแหน่งรองนายกฯ ดูแล สตช.นั้น ถือว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงตามปกติ เพราะทุกอย่างต้องมีการเปลี่ยนแปลง ขอยืนยันว่าไม่ได้น้อยใจ เพราะการเมืองไม่มีใครรักใคร แต่เป็นเรื่องของการประสานผลประโยชน์ ให้เกิดความพอดี ฉะนั้นการปรับย้ายตนนั้น ถือว่าเป็นเรื่องปกติ เมื่อวาน (27 มิ.ย.) ก็มีนักข่าวมาถามตนว่า หากมีม็อบจะทำยังไง แล้วจะให้ทำยังไง เพราะเรื่องนี้ถือว่าเป็นเรื่องของ พล.ต.อ.ประชา และตำรวจแล้ว ที่ต้องดูแล ส่วนตนจะดูแลเรื่องแรงงานต่างด้าว หากมีการปรับให้ตนออกอีกรอบเป็น ส.ส.ธรรมดา ก็ไม่เป็นไร ส่วนที่มีข่าวนายเผดิมชัย สะสมทรัพย์ น้อยใจตน เพราะไปไล่ให้ออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานนั้น ตนไม่ได้ไล่ และตนก็ไม่ได้อยากไป
ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวด้วยว่า คำถามที่ว่าตนเล่นการเมืองแบบท้าทายนั้น เพราะเป็นนิสัยส่วนตัวตนว่า ไม่ยุ่งเกี่ยวกับการทุจริตและคอร์รัปชัน แต่ก็ยังมีนักข่าวบอกว่าตนได้ดีเพราะ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ตรงนี้ขอเล่าว่า ตั้งแต่หลังปี 2547 ตนได้หยุดเล่นการเมือง แต่หลังจากนั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่วันนั้นยังไม่ได้เป็นนายกฯ ไปตามตนที่บ้านย่านบางบอน ให้ไปพบ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ลอนดอน โดยมีการทาบทามให้ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ เป็นหัวหน้าพรรค แต่ทาง พล.อ.ชวลิต กลับปฏิเสธ เพราะมีการตั้งพรรคคู่ขนาน อย่างไรก็ตาม พ.ต.ท.ทักษิณ บอกว่าอย่าเลยเดี๋ยวเขาจะตั้งพรรค และจะหาเสียงให้ หากพรรรคชนะเลือกตั้ง จะให้ตนเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ตนก็ตอบตกลง และเมื่อกลับมาที่บ้าน นายสมัคร สุนทรเวช ก็มาที่บ้านตนเพื่อชวนเล่นการเมือง ตนก็ตอบตกลงเพราะได้ไปคุยกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ไว้แล้ว เมื่อพรรคพลังประชาชนชนะเลือกตั้งได้เป็นรัฐบาล ตนก็ได้เป็นรัฐมนตรีจริง เมื่อครบ 4 เดือนออก นายสมัคร ถูกศาลรัฐธรรมนูญตัดสินเพิกถอนสิทธิ์ความเป็นนายกฯ เนื่องจากจัดรายการทำอาหาร
“พอมาถึงยุครัฐบาลของนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ผมก็ถูกโยกไปอยู่สาธารณสุข ก็ไม่รู้ว่าให้ไปทำอะไร เพราะมีแต่เข็มฉีดยา การเมืองในยุคนั้นจนมาถึงวันนี้ ต้องเข้าสู่กระบวนการเหมือนกันหมด ผมวางแผนมาตลอด เขียนแผน 9 ข้อ ที่ผมทำงานได้มาจนถึงทุกวันนี้ เพราะ ผบ.ตร.มีวินัยและเชื่อฟังผม ขอถามสมัยก่อนคนที่มาดูแลตำรวจ รับผิดชอบเหมือนผมไหม” รองนายกฯ ระบุ
ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวอีกว่า ตนได้รับมอบหมายจากนายกฯ ให้เป็น ผอ.ศปก.กปต.ทันทีที่ได้รับผิดชอบก็ได้เดินทางไปหาทหาร พร้อมบอกว่านายกฯ มอบหมายให้รับผิดชอบส่วนนี้ จะยอมรับได้ไหม ทางทหารก็บอกว่าได้ แต่ตนมองว่าปัญหาภาคใต้แก้ยาก หลังจากนั้นได้มีการมอบหมายให้ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการ ศอ.บต.ให้ไปพูดคุยกับฮัสซัน ตอยิบ พร้อมกับความพยายามที่จะนำตัว น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไปพบ นาจิบ ราซัค นายกฯ มาเลเซีย เพื่อให้เกิดการเจรจากับกลุ่มบีอาร์เอ็น ซึ่งเรื่องนี้ตนก็ได้หารือกับ พล.ต.อ.อดุลย์ เห็นว่าถ้าเอานายกฯ ไปด่านหน้า ก็เหมือนเอาขุนไปเดินหน้าเบี้ย แต่ท้ายที่สุดเรื่องก็เสร็จ และมีการแถลงข่าวที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ซึ่งตนก็รู้สึกไม่ปกติ จึงได้สอบถามไปยัง พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขาธิการ สมช.ทำไมก่อนหน้านี้ ไม่มีการรายงานมายัง ศปก.กปต.ให้ทุกฝ่ายได้รับทราบ ซึ่งเรื่องนี้ทาง พล.ท.ภราดร ก็เข้าใจ แต่พอมีการประชุม ศปก.กปต.กลับไม่มีการใส่ชื่อตนในที่ประชุม ท้ายที่สุดนายกฯ จึงต้องสอบถามว่า ทำไมถึงไม่เข้าประชุม ตนก็ตอบกลับไปว่า เขาไม่ใส่ชื่อตน
ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวด้วยว่า พ.ต.อ.ทวี ไม่เคยฟังผม ทำงานแบบสวัสดีครับ แล้วเอาเงินไปแจกมัสยิด แต่ไม่แจกทหารไทย นรต.รุ่น 37 อย่าง พ.ต.อ.ทวี ไม่เคยมองมาที่คณะทำงาน ไม่เคยมองทหาร แต่กลับเอาแต่พวกตนเอง เอาพวก ศอ.บต.ไม่เคยรายงานตน โดยเรื่องที่ทางบีอาร์เอ็นเรียกร้อง 5 หรือ 7 ข้อ ก็ไม่มารายงานต่อคณะทำงาน แต่กลับแจกข่าวให้นักข่าว และกรณีการสังหาร 6 ศพที่ปัตตานี ก็รายงานว่า ตายเพราะเจ้าหน้าที่รัฐ แต่เมื่อทาง พล.ต.ต.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รอง ผบช.ศชต.ไปจับคนร้ายได้ 1 คน และคนร้ายถูกฆ่าตาย 1 คน ซึ่งคนที่ถูกจับก็ให้การชัดเจนว่า 6 ศพที่ปัตตานี คนร้ายที่ตายไปเป็นคนสั่งฆ่า ตนจึงเห็นว่าเรื่องนี้ควรจะมีการแถลงข่าว แต่ พ.ต.อ.ทวี ก็ไม่ยอม อ้างว่าจะทำให้ทำงานลำบาก ถ้า พ.ต.อ.ทวี ไม่ฟัง ตนจะเป็นประธานทำไม
“ไอ้ทวีจะไม่ให้เกียรติผมก็ได้ แต่ต้องให้เกียรติคณะทำงานด้วย แต่หากคุณไม่พอใจผม ก็ไปวิ่งเต้นโยกย้ายผมเลย สุดท้ายไอ้ทวี มันก็ทำได้ มันเอาความเท็จไปฟ้อง พ.ต.ท.ทักษิณ และยิ่งลักษณ์ จนเป็นที่มาของการปรับ ครม.ให้ผมออกจากเก้าอี้ แล้วเอา พล.ต.อ.ประชา มาแทน เพราะไอ้ทวี เป็นคนไปฟ้องว่า ไอ้เฉลิมเป็นคนตั้งบ่อน ตำรวจก็ไม่พอใจ นักข่าวที่สนิทกันก็มาถาม ผมก็ไม่แก้ตัว แต่ให้มึงไปถาม ผบ.ตร.ถาม ผบช.น. หรือ ผบก.ภ.จว.ว่า ผมเปิดบ่อนจริงหรือไม่ ผมขอสาปแช่งเลยว่า ใครเอาเรื่องนี้มาใส่ร้ายผม ขอให้มันฉิบหายเจ็ดชั่วโครต ผมไม่กลัวโดนปรับออก ผมไม่ใส่ใจ ยินดีที่จะได้กลับไปเป็นผู้แทน ผมโตมาได้เพราะฝ่าฟันด้วยตนเอง ไม่ได้เพราะอะไร ไม่ใช่แมงดา แต่เป็นฝีมือล้วนๆ แต่ขอบอกว่าไอ้ทวี เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้รัฐบาลประสบปัญหาภาคใต้ เรื่องนี้หากนายกฯ ไม่พอใจ หากปรับผมออกอีก ก็ไม่เป็นไร ในทางการเมืองไม่มีใครอยากทะเลาะกับนายสมัคร และผม เพราะคนนั้นเป็นคนที่คิดผิด กินยาผิดซอง” รองนายกฯ กล่าว
ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า การเมืองเข้าสู่โหมดแตกหัก เพราะ 2 ปีที่ผ่านมานายกฯ เอาตัวรอด แต่พรรคเจอปัญหา พรรคต้องประสบปัญหาเรื่องจำนำข้าวที่เน่า โดยนายกฯ มอบหมายให้ตนดูแล และตนก็เชื่อมือตำรวจ ซึ่งทาง พล.ต.อ.วรพงษ์ เคยกล่าวหาว่าถ้าขั้นตอนการจำหน่ายมีการทุจริตจำนวนมาก รัฐบาลจะอยู่ไม่ได้ สถานการณ์การยั่วยุ จากกลุ่มหน้ากากขาว โดยจะมี 3-4 เครื่องที่เดินเครื่องหนักเพื่อล้มรัฐบาล ซึ่งในกลุ่มหน้ากากขาว จะมีพวกเสื้อเหลืองเก่า พวกพรรคประชาธิปัตย์ กลุ่มองค์การพิทักษ์สยาม กลุ่ม นพ.ตุลย์ สิทธิสมวงศ์ และกลุ่มใหม่ การสร้างเงื่อนไขของคนเสื้อแดง ให้้เกิดการทุบตี หากแดงจริงไม่มี ก็จะใช้แดงเทียม และเรื่องการบริหารจัดการน้ำ 3.5 แสนล้านบาท เป็นโครงการที่ดี แต่ศาลปกครองให้มีการประชาพิจารณ์ก่อนนั้น กู้เงินไม่ได้แล้ว และขั้นตอนต่อจากนี้จะมีการฟ้อง ป.ป.ช.ตรงนี้ตนยืนยันว่ามีมูลล้านเปอร์เซ็นต์ เพราะศาลบอกแล้วว่านายกฯ ไม่มีอำนาจกู้ ซึ่งขัดมาตรา 157 กรณีร่างรัฐธรรมนูญ มาตรา 68 ขณะนี้เขายังดูอยู่ว่า ถ้ายุบพรรคเพื่อไทยแล้ว จะมึสมาชิกเพียงพอในการเลือกตั้งใหม่หรือไม่ ถ้าตรวจสอบแล้วมีสมาชิกไม่ครบ ก็ต้องดูต่อว่า ยุบพรรคแล้วเลือกตั้งชนะหรือไม่ การเลือกตั้งครั้งต่อไป ถ้าเพื่อไทยชนะ ก็ยังไม่มีการยุบพรรค ตนอ่านการเมืองไม่ผิด