“ผบช.น.” พร้อมด้วยคณะพนักงานสอบสวนชุดคลี่คลายคดีอุ้มฆ่า “เอกยุทธ” แถลงตอบ 13 ประเด็นข้อสงสัยคดีที่ “ทนายสุวัตร” ตั้งข้อสังเกต ป.ชี้หลักฐานเชื่อว่าคนร้ายประสงค์ต่อทรัพย์ อ้างประวัติ “บอล” ก้าวร้าว-เสเพล-ติดพนัน จ่อสรุปปิดคดีภายใน 1 เดือน ลั่นคดีมีอายุความ 20 ปี ไม่พอใจสืบสวนใหม่ได้
วันนี้ (26 มิ.ย.) เมื่อเวลา 11.00 น. ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น. เรียกประชุมคณะพนักงานสอบสวนชุดคลี่คลายคดีอุ้มฆ่านายเอกยุทธ อัญชันบุตร นักธุรกิจการเงินและอสังหาริมทรัพย์ชื่อดัง โดยมี พล.ต.ต.ปริญญา จันทร์สุริยา พล.ต.ต.อนุชัย เล็กบำรุง รอง ผบช.น. พล.ต.ต.สุพิศาล ภักดีนฤนาท ผู้บังคับการปราบปราม (ผบก.ป.) พล.ต.ต.พรชัย สุธีรคุณ ผู้บังคับการสถาบันนิติเวชวิทยา (ผบก.นต.) และทีมสืบสวน เข้าร่วมประชุม โดยใช้เวลาประมาณ 1 ชม.
พล.ต.ท.คำรณวิทย์กล่าวภายหลังการประชุมว่า วันนี้มีการประชุมชุดคลี่คลายคดีการเสียชีวิตของนายเอกยุทธ เพื่อพิจารณาประเด็นข้อสงสัยและข้อสังเกตต่างๆ ทั้งในส่วนของนายสุวัตร อภัยภักดิ์ ทนายความของนายเอกยุทธ ที่ได้ตั้งประเด็นข้อสังสัย 13 ประเด็น และกรรมาธิการการตำรวจฯ สภาผู้แทนราษฎร ยืนยันว่าจากการทำงานที่ผ่านมาตำรวจสามารถตอบคำถามได้ทุกประเด็น ข้อเท็จจริงต่างๆ ในคดีมีความคืบหน้าไปมาก ทั้งนี้ สำหรับคดีนี้ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร. ได้มอบหมายให้ พล.ต.อ.ปานศิริ ประภาวัต รอง ผบ.ตร.ลงมาคุมดูแลคดีด้วยตนเอง ซึ่งตลอด 7 วันที่ผ่านมาท่านก็จี้ลงมาตลอด เพราะฉะนั้นคดีนี้ตนถือว่ามีความสมบูรณ์
ด้าน พล.ต.ต.สุพิศาลกล่าวถึงประเด็นมูลเหตุจูงใจในการก่อเหตุของผู้ต้องหา โดยระบุว่า เมื่อวิเคราะห์จากห่วงโซ่พยานหลักฐานต่างๆ ที่พนักงานสอบสวนได้รวบรวมมาโดยในห่วงโซ่นี้จะพบว่ามีทั้งพยานบุคคล พยานเอกสาร พยานวัตถุ และพยานหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ปรากฏชัดขึ้นมาตามลำดับ โดยลักษณะของนายสินติภาพ เพ็งด้วง ผู้กระทำผิด ในช่วงวัยรุ่นเมื่ออายุ 18 ปี เป็นเด็กแว้น มีพฤติกรรมก้าวร้าว เคยก่อเหตุอาชญากรรมทั้งวิ่งราวทรัพย์ และกรรโชกทรัพย์ เข้ามาสู่วงจรโดยการเป็นคนขับรถในหลายบริษัท และจากข้อมูลของแหล่งข่าวระบุว่าเคยก่อเหตุที่มุ่งประสงค์ต่อทรัพย์มาหลายครั้ง ซึ่งตรงนี้มีการสอบปากคำผู้บริหารในหลายบริษัท ขณะเดียวกันพบว่านายสันติภาพมีลักษณะนิสัยที่ก้าวร้าว ติดการพนัน และใช้เงินเป็นจำนวนมากในการเล่นการพนัน นอกจากนี้ พบว่าผู้ต้องหารายนี้มีการเตรียมการที่จะก่อเหตุ โดยพบวัตถุพยานหลายอย่างที่บอกถึงการเตรียมการ มีพยานยืนยันตรงนี้ สอดรับกับห้วงเวลาที่ลงมือ ตลอดจนภาพที่ปรากฏในซีซีทีวีทั้งหมดที่เป็นพยานหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ในคดีนี้
“ยืนยันว่าแรงจูงใจในการก่อเหตุคือความต้องการที่จะใช้เงิน ซึ่งผู้ต้องหาเด็กรุ่นใหม่ที่กล้าลงมือ กล้ากระทำ โดยเฉพาะต่อเหยื่อ ซึ่งเขาไม่ได้รู้ถึงเรื่องราวในอดีตของเหยื่อ หรือความยุ่งเกี่ยวทางการเมืองของเหยื่อ ถึงได้กล้าลงมือ เพียงเพื่อประสงค์ต่อทรัพย์เท่านั้น” ผบก.ป.กล่าว
ด้าน พล.ต.ต.พรชัย ชี้แจงกรณีที่มีการตั้งข้อสังเกตเรื่องลูกอัณฑะของนายเอกยุทธ ที่มีอาการบวมว่า ลูกอัณฑะที่บวมน่าจะเกิดจากการเน่า ถ้าหากเป็นการบวมช้ำจากการถูกทำร้ายจะพบการคั่งจากภายใน ซึ่งศพนายเอกยุทธผ่านมา 5 วันแล้วจึงเกิดสภาพเช่นนี้ ส่วนบาดแผลบริเวณใบหน้าที่มีการสงสัย แพทย์ไม่พบบาดแผลที่อื่น พบเพียงบาดแผลถลอกบริเวณปลายจมูกเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ซึ่งก็ไม่น่าจะเกิดจากการถูกทำร้าย
ขณะที่ พ.ต.อ.ณัฏฐ์ บุรณศิริ ผกก.งานตรวจสถานที่เกิดเหตุ กองพิสูจน์หลักฐานกลาง ได้ชี้แจงในประเด็นที่สงสัยว่า เหตุใดจึงนำรถของนายเอกยุทธซึ่งเป็นรถที่คนร้ายใช้ในการก่อเหตุไปทำแผนประทุษกรรม อาจทำให้หลักฐานเสียหายว่า ก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานได้เข้าตรวจเก็บหลักฐานต่างๆ ไว้ทั้งหมดแล้ว จึงนำรถไปทำแผนประทุษกรรม จึงไม่ทำให้พยานหลักฐานสูญเสียไปแต่อย่างใด ขณะเดียวกันจากการตรวจสอบภายในรถพบเพียงลายนิ้วมือของผู้ต้องหาทั้ง 2 คนเท่านั้นไม่มีของบุคคลอื่น
พล.ต.ต.นัยวัฒน์ เผดิมชิต ผบก.น.4 ชี้แจงในประเด็นข้อสงสัยที่ว่าผู้ต้องหาไม่น่าก่อเหตุเพียง 2 คน และเหตุใดนายเอกยุทธไม่แย่งปืนว่า จากการสอบสวนและจำลองเหตุการณ์ในสถานที่จริง ภายในรถของนายเอกยุทธ ยืนยันว่าในวันเกิดเหตุนายสันติภาพเป็นผู้ขับรถ ขณะที่นายสุทธิพงษ์ พิมพิสาร หรือเบิ้ม หลบซ่อนอยู่ด้านหน้ารถ จากนั้นนายสันติภาพได้จอดรถบริเวณข้างทางซึ่งเป็นพื้นที่เว้าบนถนนลาดพร้าว ก่อนที่นายสันติภาพจะใช้อาวุธปืนหันไปจี้นายเอกยุทธ และมีการเจรจาต่อรองว่าจะประสงค์ต่อทรัพย์ ขอไม่ให้นายเอกยุทธขัดขืน ซึ่งนายเอกยุทธก็ยินยอมที่จะไม่ขัดขืน โดยผู้ต้องหาได้ให้นายเอกยุทธนั่งหันหลังเอามือไพล่หลัง ก่อนที่จะใช้กุญแจมือล็อก เป็นเหตุให้นายเอกยุทธไม่สามารถแย่งอาวุธปืนได้ ส่วนเหตุผลที่นายเอกยุทธไม่หลบหนีโดยเปิดประตูออกจากรถนั้น จากการตรวจสอบพบว่ารถคันนี้ใช้ระบบเบบี้ล็อก หรือล็อกเด็ก ซึ่งต้องใช้กุญแจเปิดจากด้านข้าง และประตูจะเปิดได้จากจุดที่คนขับเป็นผู้ปลดล็อกเท่านั้น ซึ่งก็เป็นความต้องการของนายเอกยุทธเอง เพราะไม่ต้องการให้มีผู้เข้ามาทำร้ายขณะจอดรถ
พล.ต.ท.คำรณวิทย์กล่าวด้วยว่า ในส่วนของประเด็นอื่นๆ ที่ไม่สามารถเปิดเผยได้เพราะเป็นรายละเอียดในสำนวนการสอบสวน แต่ยืนยันว่าตำรวจสามารถตอบข้อซักถามได้ทั้งหมด โดยหลังจากนี้จะมีการเชิญนายสุวัตร อภัยภักดิ์ ทนายความของนายเอกยุทธ มาฟังคำตอบด้วยตนเอง ขณะเดียวกันหากมีประเด็นที่ติดใจสงสัย หรือมีข้อสังเกตเพิ่มเติม ตำรวจก็ยินดีรับฟังและจะทำการสืบสวนสอบสวนทุกประเด็น ส่วนความคืบหน้าของคดีขณะนี้มีการสอบปากคำพยานไปแล้ว 51 ปาก ขณะที่การติดตามทรัพย์สินของนายเอกยุทธ ตำรวจก็เร่งดำเนินการอยู่ โดยก่อนหน้านี้ได้ส่งนักประดาน้ำไปงมหาในจุดที่ผู้ต้องหาให้การว่านำทรัพย์สินไปโยนทิ้งน้ำแต่ก็ไม่พบ ส่วนพระสมเด็จเกศไชโย ตนก็ได้นำตำหนิรูปพรรณพระไปตรวจสอบในตลาดพระอีกทางหนึ่งด้วย
ด้าน พล.ต.ต.อนุชัยกล่าวว่า คดีนี้จะสามารถสรุปสำนวนคดีได้ภายใน 1 เดือน แต่ตำรวจให้ความมั่นใจว่า แม้จะสรุปสำนวนคดีไปแล้ว ตำรวจจะสามารถสืบสวนต่อไปได้เนื่องจากคดีมีอายุความถึง 20 ปี และหากมีพยานหลักฐานอื่นๆ ก็สามารถนำมาประกอบสำนวนการสอบสวนได้
ผู้สื่อข่าวถามว่าจนถึงขณะนี้ตำรวจยังคงให้น้ำหนักประเด็นเรื่องประสงค์ต่อทรัพย์เพียงประเด็นเดียวใช่หรือไม่ พล.ต.ท.คำรณวิทย์กล่าวว่า จากพยานหลักฐานมุ่งไปที่เรื่องชิงทรัพย์ แต่ตำรวจก็ไม่ได้ปิดกั้นทุกประเด็น ส่วนที่มีกระแสข่าวว่านายสันติภาพยอมรับว่าได้รับค่าจ้าง 2 ล้านบาทให้ฆ่านายเอกยุทธนั้น ยืนยันว่าเรื่องดังกล่าวไม่เป็นความจริง นายสันติภาพไม่เคยให้การเช่นนั้น และหากมีการจ้างวานจริงก็คงยอมรับกับตำรวจไปแล้ว เพราะก่อนหน้านี้พ่อและแม่ของนายสันติภาพก็ถูกดำเนินคดีจากคำซัดทอดของนายสันติภาพ ฉะนั้นถ้าหากมีการจ้างวานจริงก็คงบอกแล้ว