“ทนายสุวัตร” พบ ผบช.น. ตั้งประเด็นคำถาม 13 ข้อสงสัยคดีการเสียชีวิตของ “เอกยุทธ” ญาติจ่อเก็บศพผ่าอีกรอบ ด้าน “แจ๊ด” เตรียมตอบคำถามใน 1 สัปดาห์
วันนี้ (18 มิ.ย.) ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) นายสุวัตร อภัยภักดิ์ ทนายความนายเอกยุทธ อัญชันบุตร อดีตนักธุรกิจการเงินและอสังหาริมทรัพย์ชื่อดัง เดินทางเข้ายื่นหนังสือถึง พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ขอให้สืบสวน 13 ประเด็นต้องสงสัยในคดีการฆาตกรรมนายเอกยุทธ ประกอบไปด้วย
1. มูลเหตุจูงใจ หากผู้ต้องหาประสงค์ต่อทรัพย์จริง เหตุใดจึงนำทรัพย์สินไปทิ้งน้ำ
2. การลงมืออุ้มนายเอกยุทธ ก่อเหตุเพียงผู้ต้องหา 2 คนหรือไม่ ทำไมนายเอกยุทธไม่ต่อสู้ขัดขืนหรือหลบหนี
3. ให้ติดตามหาโทรศัพท์มือถือของนายสันติภาพที่คุยระหว่างอยู่ที่ร้านอาหารตามภาพวงจรปิด โดยตรวจสอบว่านายสันติภาพพูดคุยกับใคร
4. ให้ติดตามนายเปี๊ยก ตามที่นายสันติภาพกล่าวอ้างว่าเป็นผู้นำกุญแจมือและโทรศัพท์มาให้
5. การตามหาฮาร์ดดิสก์กล้องวงจรปิดที่หายไป และให้ผู้เชี่ยวชาญกู้คืนข้อมูล
6. คำให้การของผู้ต้องหายังมีความขัดแย้ง เช่น มีการแวะพักที่บ้านแห่งหนึ่งในจังหวัดนครศรีธรรมราช ต้องตรวจสอบว่าเป็นบ้านของใคร และแวะทำอะไร
7. หาหลักฐานกล้องวงจรปิดจุดที่นายเอกยุทธถูกฆ่าตาย และตามหาพยาน รวมถึงคนขับรถสิบล้อที่นายเอกยุทธวิ่งไปขอความช่วยเหลือ
8. ให้ตรวจสอบว่าใบหน้าของนายเอกยุทธถูกทำร้ายหรือไม่
9. บุคคลใดนำกระเป๋าใส่เอกสารของนายเอกยุทธไป
10. ประเด็นลูกอัณฑะของนายเอกยุทธถูกทำร้าย
11. ประเด็นพบผู้ต้องสงสัยบริเวณปากซอยประดิพัทธิ์ 17
12. ขอให้ตำรวจตรวจสอบรถโฟล์คตู้ของกลางอีกครั้ง เพื่อหาลายนิ้วมือแฝง และดีเอ็นเอของบุคคลอื่น
13. หาเสื้อผ้านายเอกยุทธ เพราะอาจทิ้งหลักฐานดีเอ็นเอ เพราะอาจมีเลือดของผู้ร่วมกระทำผิดติดอยู่
ด้าน พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น. กล่าวภายหลังได้รับหนังสือดังกล่าวว่าว่า เห็นด้วยกับประเด็นข้อสงสัยของนายสุวัตรที่นำมามอบให้ และมีบางข้อที่ตำรวจก็สงสัยเช่นกันใน 13 ประเด็น เพียงแต่ในบางเรื่องตำรวจก็ต้องรอคอยผลการตรวจพิสูจน์ทางจากทางแพทย์ ทางวิทยาศาสตร์ เป็นต้น แต่ถือเป็นเรื่องดีที่จะได้ตั้งประเด็นสอบแพทย์เพิ่มเติม ทั้งนี้ ขอบอกว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมีรอยต่อหลายจังหวัด และระยะทางค่อนข้างไกล การที่ตำรวจนำตัวผู้ต้องหาไปหาจุดฝังศพ หรือทำแผนต่างๆ ตำรวจมีเวลาเพียงแค่ 48 ชั่วโมงจากนั้นต้องฝากขัง ทำให้มีบางประเด็นตกหล่นไปบ้าง ดังนั้นจะทำเรื่องขอตัวผู้ต้องหาออกมาเพื่อสอบปากคำเพิ่มให้ครบตามประเด็น ประเด็นไหนที่สอบเสร็จแล้ว หรือมีความคืบหน้า จะรีบแจ้งให้ทางทนายนายเอกยุทธทราบทันที
“13 ประเด็นที่สงสัย คาดว่าจะใช้เวลาตรวจสอบไม่เกิน 1 สัปดาห์จะมีความคืบหน้า และหากมีประเด็นใดที่ได้คำตอบก็จะรีบแจ้งทนายให้ทราบทันที เพื่อให้จบไปเร็วๆ ขอให้ญาติสบายใจได้ ส่วนตัวก็ไม่มีการปิดบังอะไร ทำงานร่วมกันโดยตลอด ทั้งให้เข้าร่วมรับฟังการสอบปากคำผู้อต้องหา หรือพาไปขุดศพด้วย ดังนั้นไม่มีการปิดบังอะไรแน่นอน เรายินดีรับข้อมูลจากทนายนายเอกยุทธตลอด เพราะรู้เบื้องหลังและประวัติของนายเอกยุทธดีกว่าตำรวจ ดังนี้ คดีนี้เชื่อว่าจะคลี่คลายไปในทิศทางที่ดี” ผบช.น.ระบุ
พล.ต.ท.คำรณวิทย์กล่าวด้วยว่า ไม่อยากให้มองกันว่าคดีนี้มีการวางแผนซ่อนเงื่อนอำพราง บอกตรงๆ จากประสบการณ์การสืบสวนของตัวเอง รู้สึกเสียดายและสงสารนายเอกยุทธ เสียดายที่ว่านายเอกยุทธพยายามส่งสัญญาณต่างๆ มาให้แล้ว ทั้งเรื่องทิ้งแหวนไว้ในรถ ส่งสัญญาณเขียนเช็คลงปี พ.ศ.ผิด แต่ไม่มีใครรับสัญญาณนั้น นายเอกยุทธหายตัวไปตั้งแต่คืนวันที่ 6 มิ.ย. แต่มาแจ้งความที่ สน.วังทองหลาง เมื่อวันที่ 9 มิ.ย.เวลาเที่ยงคืน ยืนยันได้ว่าหากวันที่ 7 มิ.ย.มาแจ้งความ มีการติดตามสืบสวนหาตัวนายเอกยุทธ แผนต่างๆ ที่คนร้ายวางไว้จะไม่มีอะไรเลย จับตัวนายเอกยุทธมาที่บ้านพัก และนำตัวต่อไปที่บ้านพี่สาวของนายบอลและอยู่ที่นั่นตลอด และนายเอกยุทธถูกนำตัวออกไปและถูกฆ่าเมื่อตอนประมาณ 03.00 น.ของวันที่ 8 มิ.ย. หากมาแจ้งก่อนยืนยันได้เลยว่าตำรวจได้ตัวนายเอกยุทธแน่นอน และอยู่ในสภาพที่มีชีวิตด้วย
“หากมาแจ้งตำรวจก่อนตั้งแต่วันที่ 7 มิ.ย. ไม่เกิน 21.00 น.วันเดียวกัน ผมได้ตัวนายเอกยุทธแน่นอน เพราะ 19.00 น.ยังมีสัญญาณนายเอกยุทธที่ติดต่อญาติอยู่ ดังนั้น คดีนี้ผมอยากให้เป็นอุทาหรณ์ หากมัวแต่มาไม่ไว้ใจกัน กระทั่งสุดท้ายมันสายไปแล้ว ผมไม่อยากจะใช้คำพูดว่าถ้าอย่างนั้นหรือถ้าอย่างนี้ ผมบอกทนายตรงๆ เลยถ้าเรารู้ก่อนเราได้ตัวนายเอกยุทธแน่นอน ไม่ได้ลึกลับซับซ้อนอะไร แต่เมื่อมันผ่านไปแล้ว ตำรวจก็ต้องทำคดีให้ดีที่สุด ผมยืนยันเลยว่าผมไม่มีนอกมีในอะไรทั้งสิ้น กรรมาธิการชุดไหนต้องการเรียกผมไปสอบขอให้เรียกมาเลย ผมไปแน่นอน” พล.ต.ท.คำรณวิทย์ระบุ
ผู้สื่อข่าวถามนายสุวัตรว่า ญาติต้องการให้เก็บศพนายเอกยุทธไว้เพื่อตรวจสอบเพิ่มเติมหรือไม่ นายสุวัตรกล่าวว่า ต้องอยู่ที่ความจำเป็นของแนวทางการสอบสวน หากพนักงานสอบสวน หรือแพทย์ประสานมาว่าต้องการเก็บศพไว้เพื่อชันสูตรเพิ่มเติมตามประเด็นที่สงสัย ทางญาติก็ยินดี แต่หากเห็นว่าทุกอย่างได้ทำหมดแล้ว ก็จะมีการฌาปนกิจศพในวันที่ 29 มิ.ย.นี้ อย่างไรก็ตาม ทางญาติก็สงสัยและเห็นด้วยในประเด็นการเสียชิวิตทั้ง 13 ข้อ โดยเฉพาะในเรื่องบาดแผลของนายเอกยุทธ ซึ่งทางแพทย์ในเบื้องต้นก็มีการตรวจไปแล้ว แต่ไม่ทราบว่าตรวจในจุดใด หากต้องการตรวจเพิ่มเติม เช่น คอหักหรือไม่ หรือกระดูกส้นเท้าด้านซ้ายที่แตกเป็นอย่างไร ก็สามารถประสานมายังญาติเพื่อขอเก็บศพไว้ผ่าพิสูจน์ได้
เมื่อถามอีกว่าจะมีการร้องขอแพทย์จากหน่วยอื่นเข้ามาตรวจศพนายเอกยุทธหรือไม่ นายสุวัตรกล่าวว่า ไม่มี ไม่ได้มีการร้องขอแพทย์จากหน่วยอื่นเข้ามาชันสูตรศพนายเอกยุทธ อีกทั้งไม่ได้ตั้งข้อสงสัยการตรวจสอบของแพทย์ตำรวจเอง ดังนั้นก็ไม่จำเป็นต้องมีหน่วยอื่นมาตรวจ
ผู้สื่อข่าวถามด้วยว่า กรณีที่ตำรวจบอกว่าไม่สามารถกู้ภาพจากกล้องวงจรปิดได้แล้วนั้น พล.ต.ต.นัยวัฒน์ เผดิมชิต ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 4 ที่ประสานงานเรื่องกล้องวงจรปิด กล่าวว่า จะมีการเรียกช่างเทคนิคของบริษัทที่รับติดตั้งกล้องวงจรปิดให้บ้านนายเอกยุทธมาสอบเพื่อยืนยันความชัดเจนในด้านเทคนิควิธีว่าสามารถดูภาพได้หรือไม่ หากดูไม่ได้เกิดเพราะสาเหตุใด จะมีการสอบในเร็วๆ นี้
เมื่อถามว่า มีภาพกล้องวงจปิดที่สนามบินสุวรรณภูมิด้วยหรือไม่ เพราะมีการนำตัวนายเอกยุทธไปที่สนามบินด้วย พล.ต.ต.นัยวัฒน์กล่าวเพียงสั้นๆ ว่า เรื่องนี้อยู่ในสำนวนการสอบสวนแล้ว
ต่อข้อถามว่า ประเด็นแผนประทุษกรรทของคนร้าย เชื่อได้ว่าสามารถทำได้แค่เพียงสองคนหรือไม่ พล.ต.ท.คำรณวิทย์กล่าวว่า แผนดังกล่าวทุกคนสามารถมองว่าทำได้หรือทำไม่ได้ แต่ตำรวจต้องดูว่ามีความเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหนสำหรับแผนของคนร้าย ยืนยันว่าตำรวจยังไม่ได้รีบสรุปคดี ยังเปิดกว้างในการรับข้อมูลต่างๆ เกี่ยวกับคดี ทั้งนี้ หากใครมีเบาะแสก็สามารถแจ้งได้ โดยเฉพาะในผู้ที่ขับรถอยู่ถนนลาดกระบัง ในช่วงเวลา 03.00 น.ของคืนวันที่ 7 มิ.ย.คาบเกี่ยววันที่ 8 มิ.ย. และเห็นนายเอกยุทธวิ่งออกมาขอความช่วยเหลือ ก็สามารถเข้ามาให้ข้อมูลได้ เพราะจะเป็นประโยชน์ต่อรูปคดีมาก อีกทั้งตำรวจยังติดใจกับคำให้การของนายบอล ที่บอกว่านายเอกยุทธวิ่งไปขอความช่วยเหลือต่อรถยนต์คันหนึ่งที่วิ่งผ่าน ซึ่งบริเวณนั้นยังไม่พบกล้องวงจรปิด แต่จะมีการตรวจที่เกิดเหตุซ้ำอีกครั้ง เผื่อจะเจอหลักฐานบางอย่างที่ต้องการ เช่น กุญแจมือ เป็นต้น
“สิ่งที่ทำทั้งหมด ตำรวจทำอย่างโปร่งใส ตั้งแต่ให้แพทย์ที่ จ.พัทลุง ตรวจสอบศพนายเอกยุทธก่อนตามกฎหมาย และส่งเข้ามาที่นิติเวช โรงพยาบาลตำรวจเพื่อตรวจให้ละเอียดอีกครั้ง” ผบช.น.ระบุ
เมื่อถามว่า ประเด็นก่อเหตุที่ประสงค์ต่อทรัพย์เป็นไปได้มากน้อยแค่ไหน พล.ต.ท.คำรณวิทย์กล่าวว่า ตามที่ให้การคือคนร้ายต้องการเงิน แต่วิธีการอย่างไรเราไปหยั่งรู้ไม่ได้ แต่ตำรวจก็ไม่ได้เชื่อ เพราะตำรวจามองเหมือนที่นายสุวัตร ทนายความตั้งประเด็นไว้ หากประสงค์ต่อทรัพย์ทำไมต้องเอาสร้อย พระ นาฬิกาไปทิ้งน้ำ ถามว่าเชื่อหรือไม่ ตนบอกได้เลยว่าไม่เชื่อ แต่มีเหตุผลที่ไม่สามารถเปิดเผยได้เพราะอยู่ในสำนวนการสอบสวน แต่ได้อธิบายกับทางทนายความแล้วว่าเป็นอย่างไร ทำไมจึงต้องเอานักประดาน้ำไปงมหาทรัพย์สิน เมื่อไม่เจอจะได้ตัดประเด็นที่คาใจออกไป แต่เรื่องนี้อยู่ในสำนวนแล้ว ซึ่งคงบอกไม่ได้
ผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีมีการนำทรัพย์สินไปขายที่ย่านเยาวราช นายสุวัตรกล่าวว่า เป็นการตรวจพบสัญญาณโทรศัพท์ และสัญญาณไอแพดของนายเอกยุทธ ซึ่งเป็นเรื่องที่ทางญาติและทนายเป็นฝ่ายตรวจสอบเองก่อนจะไปแจ้งความ ทำให้น่าเชื่อว่าอาจจะมีโทรศัพท์มือถือ ไอแพด หรือทรัพย์สินอื่นๆ ของนายเอกยุทธไปขายในย่านนั้น แต่ตั้งเป็นประเด็นสงสัยเท่านั้น