“อดุลย์” สั่งกองปราบฯ สอบเชิงลึกคดีอุ้มฆ่า “เอกยุทธ” หรือไม่

ประชุมคลี่คลายคดี “เอกยุทธ” บริษัทผู้ติดตั้งฮาร์ดดิสก์ล้องวงจรปิดภายในบ้านพัก ยันไม่สามารถโหลดข้อมูลภาพจากแอปพลิเคชันบนสมาร์ทโฟนได้ “อดุลย์” มอบหมายกองปราบฯ สืบสวนเชิงลึกเกี่ยวโยงประเด็นอุ้มฆ่าหรือไม่

วันนี้ (17 มิ.ย.) ที่ห้องประชุมปารุสกวัน 1 กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.อ.ปานศิริ ประภาวัต รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) ประชุมผ่านวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ ร่วมกับ พล.ต.ท.พิสิฎฐ์ พิสุทธิ์ศักดิ์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 (ผบช.ภ.9) พล.ต.ต.อนุชัย เล็กบำรุง รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (รอง ผบช.น.) และคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนที่มีการจัดตั้งขึ้นเพื่อร่วมกันดำเนินการในคดีการเสียชีวิตของนายเอกยุทธ อัญชันบุตร นักธุรกิจการเงินและอสังหาริมทรัพย์ชื่อดัง โดยใช้เวลานานกว่า 2 ชั่วโมง

ภายหลังเสร็จสิ้นการประชุม พล.ต.ต.อนุชัยเปิดเผยว่า วันนี้เป็นการประชุมร่วมกันระหว่างคณะพนักงานสืบสวน บช.น., บช.ภ.9, บช.ก., สพฐ.ตร. และแพทย์นิติเวช รพ.ตำรวจ โดยมี พล.ต.อ.ปานศิริ ประภาวัต รอง ผบ.ตร.เป็นประธาน ซึ่งก็มีการแบ่งงานให้แต่ละหน่วยรับไปดำเนินการ สำหรับการสอบปากคำเพิ่มเติมได้มอบหมายให้พนักงานสอบสวน สน.วังทองหลาง ไปสอบปากคำผู้ที่เกี่ยวข้องแล้ว ทั้งที่ทำงานของนายเอกยุทธ และพยานแวดล้อมที่จะต้องนำมาประกอบกับคำให้การของผู้ต้องหา แต่หลังจากนี้จะเรียกใครมาสอบปากคำเพิ่มนั้นยังไม่สามารถเปิดเผยได้ โดยทาง บช.น.จะรับผิดชอบเหตุที่เกิดในพื้นที่ กทม.ทั้งหมด ทั้งเรื่องการสอบปากคำ และการเก็บหลักฐานต่างๆ ซึ่งมีบางอย่างที่ทำไม่ได้ในช่วงวันหยุดที่ผ่านมา ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดในพื้นที่ บช.ภ.9 ก็ได้ประสานงานกับ พล.ต.ท.พิสิฏฐ์ พิสุทธิ์ศักดิ์ ผบช.ภ.9 ซึ่งได้มอบหมายให้ พล.ต.ต.ประเสริฐ จันทร์สว่าง รอง ผบช.ภ.9 เป็นผู้รับผิดชอบและประสานงานกับ บช.น.อย่างใกล้ชิด

เมื่อถามถึงกรณีการตรวจสอบฮาร์ดดิสก์กล้องวงจรปิดที่หายไป เนื่องจากมีการระบุว่าสามารถดูผ่านทางโทรศัพท์สมาร์ทโฟนหรือไอแพดได้ ทางตำรวจจะมีการกู้ข้อมูลมาตรวจสอบหรือไม่ พล.ต.ต.อนุชัยกล่าวว่า ได้มอบหมายให้ พ.ต.อ.สง่า กรรภิรมย์ ผกก.สส.บก.น.4 ไปตรวจสอบกับบริษัทที่ทำการติดตั้งกล้องวงจรปิดแล้ว เบื้องต้นระบุว่าไม่สามารถดูข้อมูลภาพจากแอปพลิเคชันบนสมาร์ทโฟนได้ แต่ต้องรอคำยืนยันเป็นลายลักษณ์อักษรจากบริษัทที่ติดตั้งอีกครั้ง

เมื่อถามถึงกรณีที่นายสุวัตร อภัยภักดิ์ ทนายความของนายเอกยุทธ ออกมาระบุว่า ทรัพย์สินที่คนร้ายนำไป เช่น สร้อยคอทองคำ พระสมเด็จ และนาฬิกาข้อมือ ไม่น่าจะโยนทิ้งลงไปในน้ำ น่าจะนำไปขายในย่านเยาวราช พล.ต.ต.อนุชัยกล่าวว่า พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น.ได้สั่งการให้ไปตรวจสอบแล้ว เนื่องจากยังไม่พบทรัพย์สินทิ้งในพื้นที่ตามที่ผู้ต้องหาให้การไว้ ตอนนี้ยังอยู่ระหว่างดำเนินการตรวจสอบอย่างละเอียด สำหรับเงินสด 6 หมื่นบาทที่พบในตัวของนายสันติภาพวันที่ถูกจับกุมนั้น เป็นเงินที่นายเอกยุทธพกติดตัว คาดว่ามีจำนวนกว่า 1 แสนบาท ซึ่งผู้ต้องหาได้รื้อค้นและนำเงินมาแบ่งกัน ไม่ได้ดึงมาจากเงิน 5 ล้านบาท

เมื่อถามว่าได้ตรวจสอบการโทรศัพท์เข้าออกของคนร้ายบริเวณร้านกระแตหรือไม่ พล.ต.ต.อนุชัยกล่าวว่า ตรวจสอบหมดทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นโทรศัพท์ของคนร้ายและผู้เสียหายว่าจะเชื่อมโยงไปถึงใครอีกบ้างหรือไม่ ซึ่งน่าจะเป็นหลักฐานสำคัญที่จะนำไปยื่นในชั้นศาลได้

เมื่อถามว่าจะได้เข้าไปสอบปากคำผู้ต้องหาคนใดในเรือนจำเพิ่มเติมหรือไม่ รอง ผบช.น.กล่าวว่า ได้วางแผนไว้ว่าจะเข้าไปสอบปากคำเพิ่มเติม แต่จะต้องรวบรวมรายละเอียดให้ครบถ้วนเสียก่อน จะได้ไม่ต้องเข้าไปหลายครั้ง ซึ่งรายละเอียดข้อติดใจสงสัยทางคดีที่ทีมทนายความจะส่งเอกสารเป็นลายลักษณ์อักษรมาถึงพนักงานสอบสวนนั้นก็ยังไม่มีการส่งเข้ามาแต่อย่างใด

เมื่อถามว่าจากการรวบรวมพยานหลักฐานจนถึงขณะนี้พบว่า ประเด็นการสังหารมาจากเรื่องการชิงทรัพย์เพียงอย่างเดียว หรือน่าจะมีประเด็นอื่นๆ มากกว่านี้ พล.ต.ต.อนุชัยกล่าวว่า เบื้องต้นยังมีเพียงเรื่องการชิงทรัพย์ แต่ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร.ได้กำชับให้ตรวจสอบพยานแวดล้อม ประเด็นความเชื่อมโยงต่างๆ ให้ชัดเจน ซึ่งในประเด็นนี้ได้มีการมอบหมายให้กองบังคับการปราบปรามเป็นผู้รับผิดชอบ