มูลนิธิปวีณาฯมอบเงินช่วยเหลือสาวไทย กรณีหนุ่มสัญชาติอเมริกันทำร้ายจนบาดเจ็บสาหัส ภายในโรงแรมย่านลุมพินี พร้อมประสานกงสุลฯจับตัวมาดำเนินคดีต่อไป แพทย์ชี้ถึงขั้นพิการตลอดชีวิต
วันนี้ (16 มิ.ย.) นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี เดินทางมาพร้อมด้วย พ.ต.อ.ไชยา คงทรัพย์ ผกก.สน.ลุมพินี พ.ต.ท.รชตโชค สวยกวาง พงส.ผนพ.สน.ลุมพินี เจ้าของคดี เดินทางไปที่ห้องไอ.ซี.ยู.โรงพยาบาลตำรวจ เพื่อเข้าเยี่ยมอาการนางสาวเดือน (นามสมมติ) อายุ 41 ปี ซึ่งยังมีอาการโคม่า กระดูกคอด้านหลังหักชนิดรุนแรงไปทับเส้นประสาทไขสันหลังและเส้นประสาทหายใจ ทำให้ไม่สามารถหายใจเองได้ และประสาทไม่สั่งการอวัยวะของร่างกาย แต่สามารถรับรู้และเข้าใจทุกอย่างที่ได้ยินและพยายามพูดตอบโต้แต่ไม่มีเสียง เนื่องจากต้องใส่เครื่องช่วยหายใจตลอดเวลา สืบเนื่องมาจากกรณีนายวิจิตร ดลสุข อายุ 44 ปี ชาวจังหวัดยโสธร เข้าร้องเรียนกับทางมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี ว่านางสาวเดือน อายุ 41 ปี ผู้เสียหายและเป็นน้องถูกชายชาวต่างชาติทำร้ายร่างกายจนบาดเจ็บสาหัส และช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ที่โรงแรมหรูย่านสุขุมวิท จากนั้นนำตัวเข้ารักษาที่ รพ.ตำรวจ เมื่อช่วงกลางดึกของวันที่ 14 พ.ค.ที่ผ่านมา ก่อนจะเดินทางเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สน.ลุมพินี ช่วงเย็นของวันที่ 12 มิ.ย.ที่ผ่านมา
นางปวีณา กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับนางสาวเดือน (นามสมมติ) ถือว่าเป็นเรื่องที่ร้ายแรงมาก ทั้งยังทราบว่าคนเจ็บเป็นชาวจังหวัดยโสธร มีฐานะยากจน ยังไม่มีครอบครัว ตั้งใจทำงานหาเงินเพื่อส่งเสียเลี้ยงดูพ่อและหลานเป็นเสาหลักของครอบครัว และจะต้องมีค่าใช้จ่ายในการผ่าตัดจึงได้นำเงินของมูลนิธิปวีณาฯ ที่มีผู้บริจาคมาช่วยเหลือจำนวน 5 หมื่นบาท และหวังว่าจะมีปาฏิหาริย์ให้นางสาวเดือนอาการดีขึ้นและกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติ และติดตามคนร้ายมาดำเนินคดีให้ได้
โดยทางแพทย์ที่ให้การรักษามีความเห็นว่าอาจจะต้องทำการผ่าตัดเพื่อใส่เหล็กดามกระดูกคอที่แตกหัก แต่ก็มีความเสี่ยงสูง และหากผ่าตัดใส่เหล็กผ่านไปได้ด้วยดี ก็ยังบอกไม่ได้ว่าจะกลับมาเดินได้หรือไม่ และจะไม่สามารถหายใจได้เอง จะต้องเจาะคอและใส่เครื่องช่วยหายใจไปตลอดชีวิต ทั้งนี้ผู้ป่วยใช้สิทธิบัตรทองในการรักษาแต่จะต้องมีอุปกรณ์คือเหล็กที่ใช้ดามกระดูกคอนั้นที่ต้องมีค่าใช้จ่ายประมาณ 5 หมื่นบาท
พ.ต.ท.รชตโชค สวยกวาง พงส.ผนพ.สน.ลุมพินี เจ้าของคดีเปิดเผยว่า หลังได้รับแจ้งทางพนักงานสอบสวนได้ทำการประสานทางโรงแรม เพื่อขอข้อมูลของผู้ที่ก่อเหตุทราบชื่อภายหลังว่า นายเดวิส จอห์น ดักลาส (Davis John Douglas) อายุ 45 ปี ชาวอเมริกา จากการสอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุผู้เสียหายพร้อมเพื่อนสาวอีก 2 คน และนายจอห์น ได้พากันมาดื่มกินภายในห้องพักของนายจอห์น จนกระทั่งมีอาการเมา จากนั้นนายจอห์นได้เข้าไปอาบน้ำ โดยปล่อยให้ผู้เสียหายและเพื่อนอีก 2 คนนั่งดื่มกิน ต่อมาประมาณ 30 นาที นายจอห์นได้ออกมาจากห้องน้ำและเพื่อนผู้เสียหายได้ขอตัวกลับก่อนปล่อยให้ชายชาวต่างชาติกับผู้เสียหายอยู่กันตามลำพัง
จากนั้นไม่นานทางพนักงานโรงแรมได้ยินเสียงผู้หญิงร้องเสียงครวญคราง จึงรีบวิ่งกันมาดูที่ห้องพักพบ น.ส.เดือน สวมเสื้อผ้าผู้ชายกำลังคลานออกจากห้องพักด้วยอาการโรยแรง พร้อมบ่นว่าเจ็บที่ต้นคอมาก และผู้เสียหายกล่าวอีกว่าถูกฝรั่งทำร้ายเหวี่ยงตกจากเตียง ทางพนักงานโรงแรมจึงรีบนำตัวส่ง รพ.ตำรวจ เหตุเกิดเมื่อเวลาประมาณ 01.00-03.00 น.ของวันที่ 14 พ.ค.ที่ผ่านมา จึงรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน นอกจากนี้ได้ประสานทางสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองทราบว่า นายจอห์น ได้เดินทางกลับประเทศสหรัฐอเมริกา ขึ้นเครื่องเที่ยวบิน เอสคิว 0975 ที่สนามบินสุวรรณภูมิ ไปตั้งแต่วันที่ 15 พ.ค.เมื่อเวลา 11.00 น.ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามทางพนักงานสอบสวนจะนำสำนวนขออนุมัติออกหมายจับ ของศาลอาญากรุงเทพใต้ ในวันพรุ่งนี้ (17 มิ.ย.) ก่อนจะประสานสถานทูตอเมริกาเพื่อติดตามหาตัวคนร้ายมาดำเนินคดีต่อไป
นอกจากนี้ในส่วนของการรักษาพยาบาลที่ผู้เสียหายได้รับบาดเจ็บจนไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ โดยตามแบบกฎหมายใหม่ทางพนักงานสอบสวนได้เร่งรัดทำการประสานกรมคุมครองสิทธิ์และเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม เพื่อขอสิทธิ์ในค่ารักษาพยาบาล โดยจะช่วยในค่ารักษาพยาบาลเป็นเงิน จำนวน 30,000 บาท ค่าฟื้นฟู 20,000 บาท และค่ารักษาพยาบาลรายวันอีกวันละ 200 บาท