xs
xsm
sm
md
lg

ศาลชี้้ “ลุงคิม นปช.” ถูกยิงที่บ่อนไก่ ตายจากโรคมะเร็ง!

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

(แฟ้มภาพ)เหตุการณ์สลายการชุมนุมย่านบ่ิอนไก่ ปี 2553
ศาลชี้ “ลุงคิม นปช.” ถูกยิงที่บ่อนไก่ ระหว่างการชุมนุมเสื้อแดงเมื่อปี 2553 เสียชีวิตจากปอดอักเสบ และโรคมะเร็งระยะลุกลาม ไม่ใช่ตายเพราะถูกกระสุนปืนยิงโดยตรง

ที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ ถ.เจริญกรุง 63 วันนี้ (27 มี.ค.) ศาลอ่านคำสั่งไต่สวนชันสูตรพลิกศพ คดีหมายเลขดำ ช.12/2555 ที่อัยการฝ่ายคดีอาญากรุงเทพใต้ ยื่นคำร้องขอให้ศาลไต่สวนชันสาเหตุการตายของ นายฐานุทัศน์ อัศวสิริมั่นคง อายุ 50 ปี หรือลุงคิม ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 150 ซึ่งนายฐานุทัศน์ ถูกยิงบริเวณถนนพระราม 4 แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน กทม. เมื่อวันที่ 14 พ.ค. 2553 ในช่วงการชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ซึ่งรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้ออกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในพื้นที่ กทม. และพื้นที่ใกล้เคียง และมีคำสั่งให้เจ้าหน้าที่ทหารกระชับพื้นที่การชุมนุมของกลุ่ม นปช.

โดยผู้ร้องเชื่อว่าผู้ตายเสียชีวิตจากการกระทำของเจ้าพนักงาน ซึ่งอ้างว่าปฏิบัติราชการตามหน้าที่

ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานของอัยการผู้ร้อง และภรรยาผู้ตายแล้ว ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า ระหว่างวันที่ 12 มี.ค. - 19 พ.ค. 2553 มีการชุมนุม นปช.ที่เริ่มจากสะพานผ่านฟ้าลีลาศ ถ.ราชดำเนิน กทม. เพื่อเรียกร้องให้นายอภิสิทธิ์ นายกรัฐมนตรีขณะนั้นประกาศยุบสภาผู้แทนราษฎร และจัดให้มีการเลือกตั้ง ส.ส.ขึ้นใหม่ แต่นายกฯ ปฏิเสธข้อเรียกร้องจึงมีการชุมนุมทางการเมืองอย่างต่อเนื่อง โดยมีประชาชนเข้าร่วมจำนวนมาก และมีการขยายพื้นที่การชุมนุมไปยังสี่แยกราชประสงค์ ถ.ราชดำริ เพลินจิต พระราม 1 และพระราม 4 ต่อมาวันที่ 7 เม.ย. 2553 รัฐบาลเห็นว่าการชุมนุมดังกล่าวก่อให้เกิดความวุ่นวายและนำไปสู่ความไม่สงบเรียบร้อยภายในประเทศ นายกฯจึงประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตท้องที่กทม. และพื้นที่ใกล้เคียง ตามคำสั่งนายกฯ ที่ พิเศษ 1/2553 จัดตั้งศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) ที่มีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ เป็น ผอ.ศอฉ. และมีคำสั่งนายกฯ ที่ พิเศษ 2/2553 แต่งตั้งผู้กำกับการปฏิบัติงาน หัวหน้าผู้รับผิดชอบ ในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง ซึ่ง ศอฉ.ออกข้อกำหนด ห้ามกระทำการต่างๆ เพื่อให้เจ้าพนักงานสามารถปฏิบัติหน้าที่แก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินได้

โดยเมื่อวันที่ 14 พ.ค. 2553 เวลา 12.00 น.เศษ นายฐานุทัศน์ ผู้ตาย พร้อมด้วยภรรยา บุตรชาย และบุตรสาวของผู้ตาย ได้ออกจากบ้านในซอยบ่อนไก่ แขวงลุมพินี มายืนรอรถประจำทางที่ป้ายรถโดยสารประจำทาง ใกล้กับธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาลุมพินี หน้าร้านเซเว่นอีเลฟเว่น ถ.พระราม 4 และมีเสียงคล้ายระเบิดและเสียงปืนดังขึ้นหลายนัด ภรรยากับบุตรทั้งสองจึงเดินทางกลับเข้าไปในบ้าน ส่วนผู้ตายยังยืนอยู่บริเวณที่เกิดเหตุ ขณะนั้นเจ้าพนักงานซึ่งปฏิบัติหน้าที่แก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินมีอาวุธประจำกาย คือ อาวุธปืนเล็กยาว เอ็ม 653 และอาวุธปืนลูกซอง ได้รับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาตามคำสั่งของ ศอฉ.ให้มาขอกระชับขอคืนพื้นที่ และผลักดันผู้ชุมนุมบนถนนพระราม 4 จากแยกถนนวิทยุ ด้านสะพานไทย-เบลเยียม ไปทางซอยบ่อนไก่ และทางพิเศษเฉลิมมหานคร ซึ่งผู้ชุมนุมใช้หนังสติ๊ก พลุ และตะไล ยิงโต้ตอบใส่เจ้าพนักงาน ขณะที่เจ้าพนักงาน กำลังใช้อาวุธปืนยิงขู่ผู้ชุมนุมด้านที่อยู่ถนนพระราม 4 ซอยบ่อนไก่ เพื่อกระชับพื้นที่ ผู้ตายก็กำลังจะกลับเข้าบ้านก็ถูกยิงที่หลังด้านซ้าย โดยถูกส่งตัวไปรักษาที่ รพ.กล้วยน้ำไท ก่อนย้ายไปรักษาตัวต่อที่ รพ.มเหสักข์ และถึงแก่ความตายเมื่อวันที่ 23 ก.พ. 2555

คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยว่า เหตุและพฤติการณ์แห่งการตายของผู้ตายเป็นอย่างไร เห็นว่า ภรรยาของนายฐานุทัศน์มีแพทย์ผู้ตรวจรักษาผู้ตาย เป็นพยานยืนยันว่าผู้ตายถึงแก่ชีวิตด้วยอาการปอดอักเสบ เกิดจากกล้ามเนื้อในการหายใจอ่อนแรง เนื่องจากมีการกดทับไขสันหลังระดับคอ นอกจากนี้ผู้ตายเป็นมะเร็งที่ท่อน้ำดี ซึ่งตรวจพบตั้งแต่เดือน มิ.ย. 2552 และพบเซลล์มะเร็งที่หลอดเลือดในตับของผู้ตายก่อนที่เกิดเหตุคดีนี้

เมื่อรับฟังประกอบกับความเห็นของแพทย์ผู้ตรวจศพ พยานอัยการ ว่าสาเหตุการตายของน่าจะเกิดจากมะเร็งเป็นหลัก โดยพยานผู้เชี่ยวชาญทั้งสองเป็นคนกลาง ไม่มีส่วนได้ส่วนเสียกับฝ่ายใด จึงเชื่อว่าพยานเบิกความตามความเป็นจริง นอกจากนี้ แพทย์ผู้ตรวจรักษาผู้ตายยังเบิกความว่า โดยทั่วไปการเป็นอัมพาตที่ขาทั้ง 2 ข้างไม่เกี่ยวกับการเป็นอัมพาตที่แขนทั้ง 2 ข้างผู้ตายมีเลือดออกที่กระดูกคอ ไม่ทราบว่าเกิดจากสาเหตุใด และในเดือน มิ.ย. 2553 หลังจากถูกยิงผู้ตายไม่ได้มีปัญหาเรื่องการหายใจ การถูกยิงจึงไม่น่าเกี่ยวกับการทำให้ผู้ตายมีปัญหาการหายใจ ซึ่งหลังจากถูกยิง ผู้ตายยังมีอาการหายใจได้ดีมาตลอด กระทั่งเดือน ต.ค. 2554 ผู้ตายเริ่มมีอาการอ่อนแรงของแขนทั้ง 2 ข้าง เมื่อเอกซเรย์พบว่ากระดูกทับเส้นประสาทระดับคอ และมีเลือดออกที่กระดูกคอ หลังจากการเข้ารับการผ่าตัดกระดูกคอแล้ว ผู้ตายสามารถกลับไปพักฟื้นที่บ้านได้ ผู้ตายจึงน่าจะมีปัญหาเรื่องระบบการหายใจตั้งแต่เมื่อมีอาการแขนทั้ง 2 ข้างอ่อนแรง และมีการกดทับไขสันหลังระดับคอ

ดังนั้น การที่ผู้ตายถูกยิงแล้วมีผลให้เป็นอัมพาตที่ขา 2 ข้าง จึงไม่ได้เป็นผลโดยตรงที่ทำให้ผู้ตายเป็นอัมพาตที่แขนทั้ง 2 ข้าง อีกทั้งในไต่สวนไม่ปรากฏว่าการที่มีกระดูกทับเส้นประสาทระดับคอ และมีเลือดออกที่กระดูกนั้นเกิดขึ้นเพราะสาเหตุใด ซึ่งได้ความเพียงว่าหลังจากถูกยิงผู้ตายยังมีอาการหายใจได้ดีมาโดยตลอด เพิ่งมีปัญหาเรื่องระบบการหายใจตั้งแต่เมื่อมีอาการแขนทั้ง 2 ข้างอ่อนแรง และมีการกดทับไขสันหลังระดับคอ นอกจากนี้ยังได้มีความว่าผู้ตายป่วยเป็นโรคปอดอักเสบ และโรคมะเร็งในระยะลุกลามจนกระทั่งถึงแก่ความตาย แม้มีการพบหัวกระสุนปืนที่บริเวณสะบักด้านขวาของผู้ตายก็ตาม แต่ได้ความจากแพทย์ผู้ตรวจศพว่า หัวกระสุนดังกล่าวไม่มีส่วนเกี่ยวข้องที่ทำให้ผู้ตายถึงแก่ความตาย เพราะตำแหน่งหัวกระสุนปืนอยู่ใต้ผิวหนังบริเวณสะบักซึ่งไม่มีอวัยวะสำคัญ จากข้อเท็จจริง จึงฟังได้ว่าการที่ผู้ตายถูกยิงไม่ใช่ผลโดยตรงที่ทำให้ถึงแก่ความตาย แต่สาเหตุที่ทำให้ถึงแก่ความตาย เกิดจากปอดอักเสบ ระบบไหลเวียนโลหิตและการหายใจล้มเหลวจากโรคมะเร็งลุกลาม

ศาลจึงมีคำสั่งว่า ผู้ตายคือ นายฐานุทัศน์ อัศวสิริมั่นคง ถึงแก่ความตายที่ รพ.มเหสักข์ แขวงสุริยวงศ์ เขตบางรัก กทม. เมื่อวันที่ 23 ก.พ. 2555 เวลา 22.35 น. เหตุและพฤติการณ์แห่งการตายของผู้ตาย สืบเนื่องจากปอดอักเสบ ระบบไหลเวียนโลหิตและการหายใจล้มเหลวจากโรคมะเร็งระยะลุกลาม โดยมิใช่ผลโดยตรงจากการถูกยิง
กำลังโหลดความคิดเห็น