ตำรวจวังทองหลางฝากขัง 3 ผู้ต้องหาอุ้มฆ่า “เอกยุทธ อัญชันบุตร” พร้อมค้านประกัน เนื่องจากคดีอัตราโทษสูง เกรงผู้ต้องหาจะหลบหนี
ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก เวลา 12.00 น.วันนี้ (14 มิ.ย.) พ.ต.ท.สำรวย แสนสม พนักงานสอบสวน สน.วังทองหลวง ได้นำตัว นายสันติภาพ หรือบอล เพ็งด้วง อายุ 23 ปี, นายชวลิต หรือเชา วุ่นชุม อายุ 24 ปี และนายทิวากร หรือ ทิว เกื้อทอง อายุ 24 ปี ทั้งหมดเป็นชาว จ.พัทลุง ผู้ต้องหาคดีร่วมกันฆ่าผู้อื่นมายื่นคำร้องต่อศาลฝากขังครั้งแรก
โดยระบุพฤติการณ์สรุปว่า เมื่อระหว่างวันที่ 6-9 มิ.ย. 2556 เวลากลางคืน ผู้ต้องหาทั้งสามและสุทธิพงศ์ หรือเบิ้ม พิมพิสาร ได้บังอาจร่วมกันกระทำความผิดหลายกรรมต่างกัน โดยแบ่งหน้าที่กันทำด้วยการวางแผน และตกลงร่วมใจกันที่จะปล้นทรัพย์นายเอกยุทธ อัญชันบุตร อายุ 54 ปี นักธุรกิจด้านการเงินและอสังหาริมทรัพย์ โดยใช้อาวุธปืนขนาด .38 ของนายเอกยุทธ จี้ขู่บังคับ ประทุษร้าย กักขังหน่วงเหนี่ยวนายเอกยุทธ หน่วงเหนี่ยวในรถตู้ยี่ห้อโฟล์ค สีดำ ทะเบียน ฮพ 9304 กทม. ที่ร้านอาหารครัวกระแต ย่านสะพานควาย แล้วขับรถคันดังกล่าวควบคุมตัวนายเอกยุทธไปกักขังหน่วงเหนี่ยวไว้ที่ชั้น 2 บ้านพักเลขที่ 1213/360 ย่านทาวน์อินทาวน์ ต่อเนื่องถึงบ้านเลขที่ 339/226 หมู่บ้านราชพฤกษ์ แขวงลำปลาทิว เขตลาดกระบัง กทม บ้านพี่สาวของนายสันติภาพ เพื่อเจตนาให้ได้มาซึ่งทรัพย์สินของนายเอกยุทธ
จากนั้นผู้ต้องหาทั้งสามและนายสุทธิพงศ์ได้ร่วมกันบังคับขู่เข็ญให้นายเอกยุทธลงลายมือชื่อในเช็คของธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาศรีวรา สั่งจ่ายเงินจำนวน 1.5 ล้านบาท และออกเช็คธนาคารกรุงศรีอยุธยา สาขาทองหล่อ รวม 2 ฉบับ สั่งจ่ายเงินจำนวน 1.7 ล้านบาท และ 1.8 ล้านบาทตามลำดับ รวมเป็นเงิน 5 ล้านบาท จนผู้ต้องหาได้ร่วมกันนำเงินจำนวน 5 ล้านบาทเป็นของตนเองโดยทุจริต จากนั้นนายสันติภาพและนายสุทธิพงศ์ได้ร่วมกันฆ่านายเอกยุทธ โดยใช้กำลังประทุษร้าย เพื่อปกปิดความผิดที่กระทำไว้ข้างต้น แล้วแจ้งให้ผู้ต้องหาที่ 2 และ 3 จัดเตรียมสถานที่ฝังศพไว้ยังที่ดินรกร้าง ต.เขาจิงโจ้ อ.เมือง จ.พัทลุง เพื่อปิดบังซ่อนเร้นการตายของนายเอกยุทธแล้วหลบหนีไป เหตุเกิดที่แขวงบางซื่อ เขตจตุจักร, แขวงพลับพลา เขตวังทองหลาง, แขวงลำปลาทิว เขตลาดกระบัง ที่ จ.พัทลุง และที่อื่นต่อเนื่องเกี่ยวพันกัน
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ร่วมกันจับกุมตัวผู้ต้องหาได้ ส่งพนักงานสอบสวน สน.วังทองหลาง ดำเนินคดีข้อหาร่วมกันปล้นทรัพย์โดยมีและใช้อาวุธ จนเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย, ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาและไตร่ตรองไว้ก่อน, ร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด หรือไม่กระทำการใด หรือ จำยอมต่อสิ่งใด, ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่นให้ปราศจากเสรีภาพในร่างกายจนเป็นเหตุให้ผู้นั้นถึงแก่ความตาย ในชั้นสอบสวนผู้ต้องหาที่ 1 ให้การรับสารภาพโดยตลอดข้อกล่าวหา ส่วนผู้ต้องหาที่ 2 และ 3 ให้การภาคเสธ แต่รับสารภาพในข้อหาร่วมกันซ่อนเร้น ทำลายศพ เพื่อปิดบังการตาย
ทั้งนี้ พนักงานสอบสวนได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาจะครบกำหนดแล้วแต่การสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้น จะต้องสอบปากคำพยานเพิ่มเติมอีก 20 ปาก, รอผลการตรวจสอบประวัติการต้องโทษของผู้ต้องหาจากกองทะเบียนประวัติอาชญากร, รอผลการตรวจชันสูตรศพ, รอผลการตรวจสถานที่เกิดเหตุและวัตถุพยาน จากกองพิสูจน์หลักฐาน, รอผลการพิสูจน์ เอกลักษณ์และลักษณะของดีเอ็นเอ ของศพ และเอกสารอื่นๆ ด้วยความจำเป็นดังกล่าวจึงขอฝากขังผู้ต้องหาทั้งสามไว้เป็นเวลา 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 14-25 มิ.ย. 2556
ท้ายคำร้องพนักงานสอบสวนขอคัดค้านการประกัน เนื่องจากผู้ต้องหามีที่อยู่ไม่เป็นหลักแหล่ง ทั้งคดีมีอัตราโทษสูง หากปล่อยชั่วคราว เกรงผู้ต้องหาจะหลบหนี ศาลพิจารณาคำร้องและสอบถามผู้ต้องหาแล้วไม่คัดค้าน จึงอนุญาตให้ฝากขังตามคำร้อง ต่อมาเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้งหมดไปส่งยังเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร