ผบก.ป.สั่งตำรวจในสังกัดไม่ต้องเข้าที่ทำงานวันศุกร์ให้ลงพื้นที่ชุมชนพบชาวบ้านเพื่อลดค่าน้ำค่าไฟในองค์กร ดันแนวสคิดการทำงานเชิงรุกตำรวจยุคใหม่ “Office Out”
วันนี้ (28 พ.ค.) ที่กองปราบปราม พล.ต.ต.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ ผบก.ป.กล่าวว่า ได้สั่งการในที่ประชุมศูนย์ปฏิบัติการ บก.ป.เพื่อสนองนโยบายรัฐในการประหยัดพลังงาน ทั้งไฟฟ้าและน้ำประปา ให้ตำรวจในสังกัดไม่ต้องเข้าที่ทำงานทุกวันศุกร์ โดยปรับรูปแบบการทำงานใหม่โดยให้ตำรวจได้เข้าไปสัมผัสกับชาวบ้านในชุมชน โดยมอบหมายให้ ผกก.1-6 และ ผกก.ปพ.บก.ป.จัดทำแผนงานและโครงการในการลงพื้นที่ หรือจัดประชุมนอกสถานที่ทุกวันศุกร์ โดยให้เริ่มมีผลตั้งแต่วันศุกร์ที่ 31 พฤษภาคมนี้เป็นต้นไป
พล.ต.ต.สุพิศาลกล่าวว่า คำสั่งดังกล่าวมีขึ้นจากแนวคิดการทำงานของตำรวจยุคใหม่ที่เรียกว่า “Office Out” หรือการทำงานนอกสำนักงาน มีเป้าหมายหลัก 2 ประการ โดยประการแรกเพื่อเป็นการลดค่าสาธารณูปโภคในสำนักงาน เนื่องจากสถานที่ราชการในปัจจุบันมีการใช้ไฟฟ้า และน้ำประปาจำนวนมาก โดยในส่วนของ บก.ป.มีค่าใช้จ่ายทั้งไฟฟ้าและน้ำประปา รวมกัน 8 แสน-1 ล้านบาทต่อเดือน ซึ่งถือว่าเป็นรายจ่ายที่สูงมากและเกินกว่างบประมาณที่ได้รับ หากตำรวจไม่ต้องเข้าทำงานที่สำนักงาน 1 วัน โดยออกไปทำงานข้างนอกแทน น่าจะช่วยลดค่าสาธารณูปโภคได้ส่วนหนึ่ง ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายประหยัดพลังงานของกระทรวงพลังงาน ที่ต้องการให้หน่วยงานภาครัฐลดค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ลง
พล.ต.ต.สุพิศาลกล่าวต่อว่า เป้าหมายถัดมา คือ เป้าหมายที่จะก่อให้เกิดประโยชน์กับประชาชนกับการออกไปทำงานในชุมชน ตำรวจจะได้สัมผัสถึงชาวบ้านโดยตรง หรือที่เรียกว่า “รบนอกสถานที่” โดยตนกำหนดให้ทุกวันศุกร์ที่ไม่ต้องเข้าที่ทำงาน ตำรวจต้องลงพื้นที่ชุมชนหรือไปหาที่รวมตัวกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไปจัดการประชุมกลุ่มย่อย เช่น การประชุมผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ หรือประชุมร่วมกับชุมชน เพื่อหาทางแก้ไขปัญหาอาชญากรรมที่อาจจะเกิดขึ้นในพื้นที่
“ต้องเข้าใจว่าการไม่เข้าที่ทำงานไม่ใช่เป็นวันหยุด แต่ตำรวจต้องทำงานมากขึ้นและต้องเสนอโครงการอย่างต่อเนื่อง วิธีการนี้เป็นการปรับองค์กรในรูปแบบใหม่ เป็นการเปิดยุทธการลดค่าไฟให้ได้ 1 ใน 5 และลดอาชญากรรมไปพร้อมกันด้วย ซึ่งนอกจากจะลงไปสัมผัสกับชาวบ้านมากขึ้นแล้ว ผมยังกำชับให้ตำรวจไปประสานงานกับเอกชน รวมทั้งหน่วยงานภาครัฐมากขึ้นด้วย หากเขามีปัญหาจะได้ช่วยกันแก้ไข และดำเนินการได้ทันท่วงที ไม่ว่าจะเป็นสถานทูตต่างๆ บริษัทประกันภัย ร้านทอง และธนาคาร เป็นต้น” ผบก.ป.กล่าว