ประธาน BTSC ปัดรับข้อกล่าวหาร่วมกันประกอบกิจกรรมค้าขายสาธารณูปโภค หรือรถราง โดยไม่ได้รับอนุญาต จ่อส่งสำนวนให้อัยการปลายเดือนนี้
เมื่อเวลา 11.00 น.วันนี้ (3 พ.ค.) ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษดี (ดีเอสไอ) พ.ต.อ.ถวัล มั่งคั่ง ผู้เชี่ยวชาญคดีพิเศษ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กล่าวภายหลังการสอบปากคำ นายคีรี กาญจนพาสน์ ประธานบริหารบริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BTSC และคณะ ในคดีต่อสัมปทานรถไฟฟ้า BTSC ว่าจากการสอบสวน พบว่าบริษัท BTSC มีส่วนเกี่ยวข้องในการประกอบกิจกรรมค้าขายสาธารณูปโภค หรือกิจการรถรางในช่วงปี 2552-2553 ทั้งนี้ได้มีพฤติกรรมทำนองเดียวกันกับที่ทางดีเอสไอเคยแจ้งข้อกล่าวหามาแล้ว ซึ่งในครั้งนี้ตนมองว่าเป็นความผิดจากเดิม จึงได้แจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติม และครั้งนี้ทางดีเอสไอได้แจ้งข้อหาร่วมกันประกอบกิจกรรมค้าขายสาธารณูปโภค หรือรถราง โดยไม่ได้รับอนุญาต โดยมีผู้ต้องหาทั้งหมด 13 คน แบ่งเป็นบุคคลธรรมดา 11 คน นิติบุคคล 2คน ซึ่งทางบริษัทดังกล่าวได้ให้การปฏิเสธตลอดการสอบปากคำทุกข้อกล่าวหา
อย่างไรก็ตามเหตุที่ทางบริษัท BTSC เข้ามาเกี่ยวข้องเพราะว่า ทาง กทม.ได้เชิญบริษัทดังกล่าวในฐานะเป็นบริษัทเอกชนมาร่วมดำเนินการ ซึ่งทางบริษัทก็ได้เข้าใจว่าทางกทม.ได้บริหารจัดการกฎข้อระเบียบที่เกี่ยวข้องอย่างถูกต้องแล้ว ทั้งนี้บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ไม่ได้มีเจตนาในการทำความผิดแต่อย่างใด
ส่วนจะสรุปสำนวนได้เมื่อไรนั้น ผู้เชี่ยวชาญคดีพิเศษ กล่าวว่า คาดว่าจะเริ่มประชุมพนักงานสอบสวนได้ประมาณอาทิตย์หน้า และจะพิจารณาให้พนักงานสอบสวนแต่ละคนตรวจสอบข้อเท็จจริงและหลักฐานและทำความคิดเห็นของแต่ละท่านขั้นมาโดยจะใช้มติเสียงส่วนใหญ่ว่าควรสั่งฟ้องหรือไม่ ซึ่งคดีดังกล่าวนั้นต้องส่งสำนวนไปยังอัยการโดยจะส่งไปประมาณปลายเดือนนี้ เพราะเรามองว่าแม้ กทม.จะเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐก็ตามแต่การกระทำของ กทม.ในคดีนี้ไม่เกี่ยวกับอำนาจหน้าที่ของ กทม.ซึ่งการต่อสัญญาหรือขยายเส้นทางสัมปทานนั้น เป็นหน้าที่ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยโดยเฉพาะ ทั้งนี้คดีนี้เราเห็นว่าไม่เกี่ยวข้องในการปฏิบัติหน้าที่ จึงต้องส่งสำนวนไปยังพนักงาน ซึ่งจะรวมเป็นสำนวนเดียวกันแต่เป็นความผิดทั้งหมด 3 กัป ต่างวาระ และต่างสถานที่เกิดเหตุ