เจ้าของ สนง.ทนายความ พี่ชายรอง ผบก.ภ.จ.หนองคาย ฉุน ตร.ดำเนินคดีล่าช้าเป็นเหตุให้รถเปอโยต์ที่ถูกผู้จัดการคอนโดฯ หลอกไปจำนำกับ พ.อ.อ.จนถูกน้ำท่วมเสียหาย โร่ร้อง ปปป.ดำเนินคดี 4 นายตำรวจสังกัด สน.บางเขน ปฏิบัติหน้าที่มิชอบ
ชมคลิป...
วันนี้ (1 พ.ค.) ที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับการทุจริตและประพฤติมิชอบในวงราชการ (บก.ปปป.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 30 เมษายนที่ผ่านมา นายวิเชษฐ์ ลือสมบูรณ์ อายุ 48 ปี เจ้าของสำนักงานวิเชษฐ์ทนายความ ตั้งอยู่เลขที่ 2 ถนนเพชรเกษม ซอย 39/1 แขวงบางหว้า เขตภาษีเจริญ กทม. พี่ชายของ พ.ต.อ.ไพศาล ลือสมบูรณ์ รอง ผบก.ภ.จว.หนองคาย เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.ภุชงค์ ศรีวิสิฐศักดิ์ พนักงานสอบสวน บก.ปปป. เพื่อร้องทุกข์กล่าวโทษให้ดำเนินคดีต่อนายตำรวจ 4 นาย ยศ พ.ต.อ., พ.ต.ท. และ ร.ต.ท.สังกัด สน.บางเขน ในความผิดฐานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157
นายวิเชษฐ์กล่าวว่า เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม 2553 ตนได้นำรถยนต์ยี่ห้อเปอโยต์ 406 สีแดง ทะเบียน ศอ 6665 กรุงเทพมหานคร ไปซ่อมที่อู่ซ่อมรถย่านสะพานใหม่ของนายจำเนียร พราหมณี เนื่องจากพบว่าเกียร์ชำรุด ตามคำแนะนำของนายอุดม เดชอัศวพงศ์ ที่รู้จักกันโดยแอบอ้างตัวว่าเป็นผู้จัดการนิติบุคคลห้องชุดคอนโดมิเนียมแห่งหนึ่งในซอยพหลโยธิน 52 ที่ตนมีห้องพักอยู่ ซึ่งระบุว่าหากซ่อมกับอู่ดังกล่าวราคาจะถูกกว่าเนื่องจากนายอุดมมีความสนิทสนมกันกับเจ้าของอู่ ต่อมาตนผิดสังเกตเนื่องจากผ่านไปประมาณ 1 เดือน รถยังซ่อมไม่เสร็จ จึงพยายามสอบถามและไปตรวจสอบรถคันดังกล่าวพบว่ามีการนำรถไปขับโดยพลการ ซึ่งช่างซ่อมรถอ้างว่านายอุดมเป็นคนขับไป
นายวิเชษฐ์กล่าวต่อว่า แต่เมื่อสอบถามนายอุดม กลับอ้างว่านำรถไปซ่อมเพิ่มเติมและมีค่าใช้จ่ายทั้งสิ้น 3 หมื่นบาท ตนก็เริ่มผิดสังเกตจึงออกติดตาม โดยระหว่างนั้นได้แจ้งความรถหายไว้แล้ว กระทั่งต่อมาพบว่ารถของตนถูกจอดไว้ที่หน้าบ้านพักของทหารอากาศยศพันจ่าอากาศเอก ภายในซอยพหลโยธิน 52 ตนจึงโทรศัพท์แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ ต่อมาตำรวจสายตรวจ สน.บางเขน ได้มาตรวจสอบ จากนั้นตนจึงแจ้งความไว้ที่ สน.บางเขน โดยมีความประสงค์จะดำเนินคดีต่อนายอุดม ในข้อหาลักทรัพย์ และดำเนินคดีต่อพันจ่าอากาศเอกคนดังกล่าวในข้อหารับของโจร แต่เจ้าตัวอ้างว่ารถคันนี้นายอุดมนำมาจำนำไว้ โดยมอบเพียงกุญแจรถให้กับตนเท่านั้น ส่วนรถยังคงให้ต้องจอดอยู่ที่เดิม
นายวิเชษฐ์กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมาตนพยายามรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ เอง และให้ข้อมูลกับพนักงานสอบสวน สน.บางเขน เจ้าของคดีมาตลอด แต่ทางตำรวจกลับไม่ใส่ใจดำเนินคดี นอกจากนี้กลับพยายามจะขอให้มีการไกล่เกลี่ยคดีที่เกิดขึ้น ทั้งที่เป็นคดีอาญาที่ยอมความไม่ได้ ซึ่งภายหลังนายตำรวจผู้ใหญ่จึงลงมาดำเนินการให้ โดยมีการออกหมายเรียกนายอุดมมารับทราบข้อหาลักทรัพย์ ซึ่งนายอุดมให้การปฏิเสธ ส่วน พันจ่าอากาศเอกคนดังกล่าวนั้น ตำรวจจะกันตัวไว้เป็นพยาน ไม่ได้แจ้งข้อหารับของโจรแต่อย่างใด
“ผมพยายามติดตามเรื่องดังกล่าวเรื่อยมาจนช่วงปลายปี 2554 ซึ่งเกิดน้ำท่วมใหญ่ใน กทม.หลายแห่ง รวมถึงบริเวณที่รถผมจอดอยู่ด้วย ทำให้รถเสียหายใช้งานไม่ได้อีกเลย ผมผิดหวังที่ตำรวจดำเนินคดีล่าช้าจนปัญหาต่างๆ เกิดตามมาอีก จึงตัดสินใจฟ้องศาลปกครองเพื่อเรียกค่าเสียหายจากกรณีที่เจ้าหน้าที่รัฐกระทำการละเมิด ซึ่งคดียังอยู่ระหว่างพิจารณาในชั้นศาล นอกจากนี้ยังได้แจ้งความกล่าวโทษการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจท้องที่ดังกล่าว แม้ว่าเจ้าหน้าที่บางนายจะย้ายจากตำแหน่งเดิมไปแล้วก็ตาม” นายวิเชษฐ์กล่าว
ด้าน พ.ต.ท.ภุชงค์กล่าวว่า ได้รับเรื่องและสอบปากคำผู้ร้องไว้ในเบื้องต้น ก่อนตรวจสอบข้อเท็จจริงและนำเสนอผู้บังคับบัญชาเพื่อพิจารณาสั่งการต่อไป